โฆษก ชทพ.เรียกร้องให้ “ทีมทนายแม้ว” อย่าใช้ประเด็นถอดยศปลุกมวลชนออกมากดดันรัฐบาล เตือนลูกพรรค ปชป.อย่ายั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง เกรงสถานการณ์การเมืองยิ่งร้อนระอุ จี้รัฐบาลเอาผิดนักการเมืองเอี่ยวโกงคดีบีบีซี เชื่อ “ราเกซ” ไม่ใช่ผู้ต้องหารายสุดท้าย
วันนี้ (30 พ.ย.) นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี เรื่องการถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เรื่องดังกล่าวอาจมองได้สองแง่ คือ เรื่องนี้หากเป็นขั้นตอนปกติของดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี และเป็นเรื่องซวยของรัฐบาล เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นร้ายแรงถ้าหากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเล่นเกมนี้ อยู่จะทำให้ประชาชน ที่มีความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะใช้เงื่อนไขนี้ปลุกระดมคนขึ้นมา เพราะรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายวัชระกล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคฯมองดูด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นการถอดยศหรือเรียกคืนเครื่องราชฯ วันนี้ถ้าให้เดา เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลย แต่มันจะกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สถานการณ์ร้อนแรงและเสี่ยงมาก อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องไปยังทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ต่อสู้ในเชิงกฎหมาย อย่านำเอามวลชนออกมากดดัน เพราะเรื่องนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการนำประเทศชาติไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์อย่าได้ใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวออกมาแสดงความเห็น และอย่าพยายามยั่วยุหรือพูดจาให้เกิดความขัดแย้งเพราะอาจจะขยายแผลให้มากขึ้นกว่าเดิม
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวกรณีที่จะมีการส่งตัวนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ จากประเทศแคนาดากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า ขอให้ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องทำให้แบงก์กรุงเทพฯ พาณิชย์การล้มลง และทำให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากคดีนี้มีนักการเมืองเกี่ยวข้องด้วย อยากเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องของคดีให้จบสิ้น เพราะประชาชนกำลังรอดูว่านายราเกซจะเป็นผู้ต้องหาคนสุดท้ายหรือคนแรกที่จะเปิดโปงผู้ต้องหารายต่อไป