ผู้จัดการรายวัน – แม่ทัพภาคที่ 1 หนุนตั้งกรรมการปฎิรูปการเมืองใหม่ "สนธิ" ชี้วิกฤตการเงินในสหรัฐทำให้ต้องถึงเวลาต้องมาทบทวนระบบการศึกษาของไทยเสียใหม่ ย้ำสังคมใดที่ไม่มีการอดออมและพอเพียงสังคมนั้นไม่มีวันพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการเมืองใหม่ด้านบิ๊กจิ๋วแจงคัมแบล๊คอ้างเหตุถูกร้องขอช่วยชาติประสานร้อยร้าวคนในชาติ “จำลอง” ย้ำ นักสู้มือตบไล่”ระบอบทักษิณ”เป็นอิสระ ไม่มีใครบงการ รับ “บิ๊กจิ๊ว” ต่อสายคุยสองต่อสองแล้ว “พิภพ” เชื่อหมอประเวศ ไม่รับ ปธ.กก.อิสระ เผย 2 ข้าราชการปีนทำเนียบฉกเอกสารลับ
พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ ความแตกแยกในสังคม ว่า คิดว่าท้ายที่สุดคนไทยต้องกลับมารักกันเหมือเดิม เราเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปีจนถึงวันนี้ ตั้งแต่สมัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ 4 ยุค 4 สมัยก็มีเรื่องแบบนี้ และทุกคนก็ทำหน้าที่รักชาติ
”ผมขอฝากไว้ว่า จะทำอะไรก็ตาม ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมามองว่าผลประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน ดังนั้น ต้องหาทางออกว่าจะมาเจอกันอย่างไร แก้ปัญหาของชาติได้อย่างไร ประเทศไทยอย่างไรก็เป็นประเทศไทย คนไทยต้องอยู่ร่วมกันแยกประเทศไม่ได้ ต้องหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง"
ส่วนที่นายสมชาย เดินทางไปสถานที่ต่างแล้วถูกกลุ่มต่อต้านขับไล่จะทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ประเทศไทยเรามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เป็นที่มั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทยทั้งชาติอยู่แล้ว ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามเรามีจุดยึดเหนี่ยวอันเดียวกัน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และราชวงศ์ ตนคิดว่า น่าเป็นสิ่งที่น้อมนำให้ทุกคนกลับมาพูดคุยกันและแก้ปัญหาของชาติไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม การเจรจาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะเจรจากันอย่างไร เพราะเป็นทหารก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ เท่าที่ทราบก็มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ขอให้กำลังใจให้การพูดคุยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและหาคำตอบออกมาให้ได้ หากใช้คำว่าเจรจาแต่อีกฝ่ายไม่ยอมเจรจา แล้วจะเจรจากันได้อย่างไร ดังนั้น ก็ต้องใช้คำว่าพูดคุยกันหาหนทางออกให้ดีที่สุดให้ชาติบ้านเมือง
เมื่อถามว่า การตั้งคณะทำงานปฏิรูปการเมืองใหม่ มองว่าเป็นอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นหนทางหนึ่งที่น่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ถ้ายอมกัน หากตั้งคณะทำงานแต่ไม่ยอมฟังกันตั้งอีกร้อยคณะก็ไม่จบ ทั้งนี้ ควรรีบเจรจากันให้เรียบร้อยทหารทำหน้าที่ของทหารอยู่ในปัจจุบัน เรามีหน้าที่เยอะอยู่แล้วมากมากมายในปัจจุบัน โดยเฉพาะดูแลประชาชนเรื่องปัญหาน้ำท่วม หรือปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งานกองกำลังแค่นี้ก็เยอะ ส่วนงานการเมืองท่านก็แก้กันไป
"สนธิ"ย้ำต้องปฎิรูปการศึกษา
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีทำเนียบรัฐบาล ย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาทุกครั้งที่พูดถึงความชั่วของระบอบทักษิณก็จะพูดตรงกันทุกครั้ง โดยที่ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะพูดความจริงพูดกี่ครั้งก็เหมือนกันหมด
นายสนธิ กล่าวย้ำถึงสิทธิของประชาชนที่จะต่อต้านผู้นำที่ฉ้อฉล โดยเฉพาะการใช้มือตบเป็นลัญลักษณ์ของการขับไล่ โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง และอีกอย่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ทำไมต้องมากลัวกับมือตบแค่นี้ ทำไมเวลาทำชั่วถึงไม่กลัว
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างเรื่องวิกฤตการเงินในสหรัฐครั้งนี้ว่า จะต้องมีการทบทวนระบบการศึกษา โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยเสียใหม่ ในเรื่องระบบการเรียนการสอน เพราะเวลานี้ได้ลอกแบบมาจากสหรัฐฯมาทุกกระเบียดนิ้ว ที่เน้นในเรื่องการบริหารธุรกิจ ที่เน้นแต่เรื่องกำไรเป็นหลัก หรือคิดถึงแต่ผู้ถือหุ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงสังคม และคนพวกนี้ก็เป็นตัวการในการสร้างวิกฤตการเงินของโลกต่อไป
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างการทำมาค้าขายในยุคของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และมีการอดออม มีการลงทุนอย่างพอเพียง และวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าถูกต้องกว่าทฤษฎีของฝรั่งที่ทำให้เกิดความพินาศฉิบหายในเวลานี้
"ถ้าสังคมไม่รู้จักการอดออม เพื่อวันข้างหน้า สังคมนั้นจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองอย่างเด็ดขาด" นายสนธิ ระบุ และแย้งคำพูดที่ว่าในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจดี ว่าไม่เป็นความจริงเพราะมีการส่งเสริมให้คนเป็นหนี้เท่านั้น"
นายสนธิ ย้ำว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปการเมืองใหม่ก็จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยกว้างมากขึ้น ขณะที่คนชั้นกลางก็จะจนลงเรื่อยๆ และว่าการเมืองใหม่ไม่ใช่ปฏิเสธความร่ำรวย หรือกำไร แต่ต้องมีความเป็นธรรม ไม่ใช่ผูกขาดเอาเปรียบคนอื่นในสังคม คนรวยจะต้องไม่รวยล้นฟ้า ส่วนคนชั้นกลางต้องมีมากขึ้น ขณะที่ชนชั้นล่างก็ต้องมีโอกาสพัฒนาให้มีฐานะดีขึ้นให้เป็นชนชั้นกลางมากขึ้น แต่ตอนนี้มันไม่สมดุล มีแต่คนรวยกับคนจน เพราะมีการออกกฎหมายให้คนรวยรวยขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ชนชั้นกลางต้องรับภาระ
"วิกฤตการเงินในสหรัฐในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความโลภ และเชื่อว่าการอัดฉีดเงินเข้าไปอุ้มจำนวน 7-8 แสนล้านเหรียญสหรัฐเป็นแค่พยุงชั่วคราว แต่ไม่เกิน 5 ปี สหรัฐก็จะเจ๊งกันทั้งประเทศอีก เพราะไม่ได้แก้ไขที่ความโลภ"
"บิ๊กจิ๋ว"เผยเหตุคัมแบ็ค
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการกลับเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้งว่า ได้รับการร้องขอให้เข้ามาช่วยชาติ เพราะว่าขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาความแตกแยก ถ้าเข้ามาจะได้ช่วยพูดจาเพื่อคลี่คลายปัญหา นอกจากนั้น ก็ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่จะต้องเข้ามาช่วยกันดูแลแก้ไข โดยเฉพาะสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องปัญหาชายแดน และความมั่นคงที่เป็นพื้นฐานสำคัญ โดยเฉพาะความยากจน แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่า นายกรัฐมนตรี จะมอบให้ดูแลอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าให้เป็นคนกลางในการเจรจากับพันธมิตรฯ มีความเห็น อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่อยากพูดตอนนี้ขอให้ได้รับการมอบหมายก่อน ในเรื่องการเจรจากับม็อบคงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ อีก เช่น ภาคใต้ เรื่องชายแดน ต้องดูก่อนว่าจะมีการมอบหมายอย่างไร
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการมอบหมายบุคคลใกล้ชิดให้ไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ได้มีการต่อสายคุยกันตลอด พูดผ่านสื่อบ้าง ก็ได้ทำหลายทาง แต่เรื่องนี้ต้องดูก่อนว่าจะได้รับมอบหมายให้ไปเจรจาหรือไม่ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะต้องมีความเข้าใจว่า เราคิดยังไง เขาคิดอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พร้อมไปเจรจาหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวย้ำอีกว่า พูดภาษาเดียวกันทั้งนั้น และเมื่อถามต่อว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่า พันธมิตรฯจะคุยด้วย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ทางพันธมิตรฯ เองก็อยากจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นมิใช่หรือ ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ตรงกันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ด้วยความที่รู้จักกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ มาก่อนจะสามารถเจรจาได้ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกัน เกือบพูดได้เลยว่า สายเลือดเดียวกัน และพล.ต.จำลอง เองก็เป็นคนสมถะ เราเสียอีกที่ยังมีกิเลสอยู่
พธม.พร้อมคุยแต่ไม่ถอย
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวประจำวัน โดย พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาเจรจากับทางแกนนำพันธมิตรฯว่า อย่างที่เคยบอกไว้ พันธมิตรฯ ไม่ได้ปิดประตูตายเรื่องการเจรจา พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆทางการเมือง ซึ่งก็มีการเริ่มพูดคุยกันจริงบ้างแล้ว
”เป็นการพูดคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง การพูดจากันเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้จักกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนแปลกหน้า การคุยกันดีกว่าสมัยที่แล้ว ที่ใช้กำลังใช้ความรุนแรง ใช้ไปแล้วก่อให้เกิดข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก อย่างนั้นมันไม่ดี แต่การคุยกันยังไม่มีอะไรเป็นมั่นเป็นเหมาะเพราะยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ที่ประชุมพันธมิตรฯ มีข้อตกลงกันว่า ใครก็ตามได้รับติดต่อมาต้องมาหารือกันก่อน”
ส่วนโอกาสที่เปิดโต๊ะเจรจากันนั้น นายพิภพ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ พันธมิตรฯไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันทางรายละเอียด ขึ้นอยู่ที่เนื้อหารายละเอียดว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เราเจรจาเดินหน้าต่อได้ พล.ต. จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเพราะตอนนี้เป็นขั้นตอนการเจรจากัน ส่วนเงื่อนไขที่จะทำให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุมนั้นยังไม่มีเพราะต้องฟัง พล.อ.ชวลิตก่อนว่า จะมีคำแนะนำอะไร แล้วพันธมิตรฯจะมาหารือกันว่า ทำได้หรือไม่ ซึ่งต้องคำถึงถึงผู้ชุมนุมด้วย ต่อข้อถามว่าเป็นเพราะตัวแทนรัฐบาลคือ พล.อ. ชวลิต ใช่หรือไม่ ทำให้การเจรจาส่งสัญญาณที่ดี นายพิภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ตัว พล.อ. ชวลิต คนเดียว เพราะพันธมิตรฯรับการติดต่อจากผู้ใหญ่ทุกคน
สำหรับกรณีที่มีแนวโน้มว่า พล.อ.ชวลิต จะขอให้พันธมิตรฯ ย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า ยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ เป็นเพียงการถามเรื่อง สารทุกข์สุกดิบ เป็นห่วงใย ในฐานะที่ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ที่พูดกับคนอายุน้อยกว่า
เปิดกว้างถกการเมืองใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการบางท่านเห็นด้วยกับการหารือเรื่องการเมืองใหม่ แต่บรรยากาศที่ทำเนียบฯไม่เอื้ออำนวย เป็นไปได้หรือไม่ที่จะออกไปร่วมเวทีสาธารณะร่วมกันด้านนอกทำเนียบฯ นายพิภพ กล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี มีการแสดงอิสระในความคิดเห็น การหารือในที่สาธารณะ พันธมิตรฯไม่ได้ผูกขาดว่าจะต้องเป็นเจ้าภาพ พันธมิตรฯให้สถาบันอาชีพกลุ่มต่างๆมีสิทธ์ที่จะทำ เพราะเป็นกระแสการตอบสนองเรื่องการเมืองใหม่เป็นสมบัติของสาธารณะที่จะต้องช่วยกันคิด
ส่วนที่อธิการบดี 24 สถาบันเสนอให้นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการเมืองนั้น นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า นพ.ประเวศ คงไม่เข้ามารับตำแหน่งนี้ เนื่องจากบทความที่ นพ.ประเวศ เขียนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์นั้นต้องการเห็นประชาชนเป็นผู้ริเริ่มในการทำการเมืองใหม่มากกว่าที่จะให้รัฐหรือนักการเมืองเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ เพราะหากให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการจะทำให้กระบวนการของภาคประชาชนถูกลดทอนลง นอกจากนี้เห็นว่า นพ.ประเวศ คงไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนครั้งที่เคยเป็นคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (คอส.)
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ แนวร่วมพันธมิตรฯ ตะโกน พร้อมกับปรบมือตบพลาสติกขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะบันทึกเทปรายการ "ครบรอบ 75 ปีธรรมศาสตร์" และกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ขณะที่ช่วยนายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่า กทม.พรรคพลังประชาชนหาเสียงว่า ยืนยันพันธมิตรฯ ทุกคนมีความคิดที่เป็นอิสระ แกนนำไม่สามารถสั่งการอะไรได้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนักการเมือง ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ทำให้บ้านเมืองเกิดเสียหาย ไม่รู้จักหยุดหย่อน ทำเหมือนว่า ไม่มีประชาชนอยู่ในประเทศ พวกเขาเลยต้องออกมาแสดงความคิดความเห็นในสิ่งที่ สามารถทำได้โดยที่ไม่ผิดกฎหมายและพวกเขาก็ทำตามที่พันธมิตรฯ ส่วนกลางทำ คือ การต่อต้านต้านอย่างสันติอหิงสา ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ทำร้ายหรือทำลายสิ่งของ สถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง
"ทุกคนที่มาชุมนุมล้วนเป็นพันธมิตรฯทั้งสิ้น เราไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร เขาจะทำเรื่องอะไรก็เรื่องของเขา เราไปห้ามเขาไม่ได้ เขามาชุมนุมเพราะสมัครใจมา ซึ่งเห็นว่าเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งความไม่ดี ที่เกิดจากการกระทำของนักการเมือง"
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียวที่ทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆก็มี แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเทศของเรามีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การใช้มือตบ ที่ประเทศอื่นเขาไม่พัฒนาเหมือนอย่างประเทศเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น อย่างที่ จ.เชียงใหม่ มีการปิดล้อมที่ทำการของเอเอสทีวี และเกิดการปะทะกันจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นใครเป็นคนผิด ตำรวจรู้ว่าจะมีการปิดล้อม แต่ทำไมไม่เข้ามาสกัดกั้น ฝ่ายที่ทำงานที่เอเอสทีวีไม่ผิด เพราะพวกเขาอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งอีกฝ่ายยกพวกเข้ามาทำร้าย ซึ่งใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย คนที่ไปชุมนุมต่อต้านไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สยามพารากอน ก็ทำด้วยความนุ่มนวล ทำด้วยความมีสติ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์และไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต่อต้านนายสมชาย ด้วยการตาบไปตระโกนไล่ในสถานที่ต่างๆ ว่า เป็นธรรมดาที่จะมีอะไรไปกระทบอารมณ์บ้างนิดหน่อย ซึ่งนายกฯต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเข้ามาเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เป็นความท้าทาย ถ้ามุ่งมั่นและหนักแน่น เสียสละจริงๆ สักระยะหนึ่งก็จะดี ซึ่งตนพูดในกรณีที่คนมีเหตุผล และหากท่านมีเหตุผลที่จะแสดงชัดๆออกมาว่า เสียสละจริงๆ ก็คงไม่มีใครมาด่าแล้ว
2 ขรก. ปีนตึกฉกเอกสารลับ
รายงานข่าวจากการ์ดพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.45น.วันนี้ (29 ก.ย.) การ์ดพันธมิตรฯ ได้รับแจ้งจากผู้ชุมนุมว่ามีชาย 2 คน ได้ลักลอบปีนเข้าไปยังตัวอาคารสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)ฝั่งประตู 4 จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบชาย 2 คนอ้างว่าเป็นพนักงานราชการสลน.ทราบชื่อภายหลังว่านายชัยรัตน์ วรพิมพ์รัตน์ ตำแหน่งพนักงานราชการ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย กองรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล และนายสยาม สุขกลับ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน จึงได้ควบคุมตัวไปที่สน.พันธมิตรฯที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อสอบสวนจึงทราบว่าบุคคลทั้งสองได้นำเอกสารลับเกี่ยวกับงานข่าวของทำเนียบรัฐบาลออกมาจึงได้ทำการยึดไว้พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและปล่อยตัวไป
พล.ท. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ ความแตกแยกในสังคม ว่า คิดว่าท้ายที่สุดคนไทยต้องกลับมารักกันเหมือเดิม เราเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปีจนถึงวันนี้ ตั้งแต่สมัย สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ 4 ยุค 4 สมัยก็มีเรื่องแบบนี้ และทุกคนก็ทำหน้าที่รักชาติ
”ผมขอฝากไว้ว่า จะทำอะไรก็ตาม ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมามองว่าผลประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน ดังนั้น ต้องหาทางออกว่าจะมาเจอกันอย่างไร แก้ปัญหาของชาติได้อย่างไร ประเทศไทยอย่างไรก็เป็นประเทศไทย คนไทยต้องอยู่ร่วมกันแยกประเทศไม่ได้ ต้องหาทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง"
ส่วนที่นายสมชาย เดินทางไปสถานที่ต่างแล้วถูกกลุ่มต่อต้านขับไล่จะทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ประเทศไทยเรามีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เป็นที่มั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนไทยทั้งชาติอยู่แล้ว ทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามเรามีจุดยึดเหนี่ยวอันเดียวกัน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และราชวงศ์ ตนคิดว่า น่าเป็นสิ่งที่น้อมนำให้ทุกคนกลับมาพูดคุยกันและแก้ปัญหาของชาติไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม การเจรจาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะเจรจากันอย่างไร เพราะเป็นทหารก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ เท่าที่ทราบก็มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ขอให้กำลังใจให้การพูดคุยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและหาคำตอบออกมาให้ได้ หากใช้คำว่าเจรจาแต่อีกฝ่ายไม่ยอมเจรจา แล้วจะเจรจากันได้อย่างไร ดังนั้น ก็ต้องใช้คำว่าพูดคุยกันหาหนทางออกให้ดีที่สุดให้ชาติบ้านเมือง
เมื่อถามว่า การตั้งคณะทำงานปฏิรูปการเมืองใหม่ มองว่าเป็นอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นหนทางหนึ่งที่น่าเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ถ้ายอมกัน หากตั้งคณะทำงานแต่ไม่ยอมฟังกันตั้งอีกร้อยคณะก็ไม่จบ ทั้งนี้ ควรรีบเจรจากันให้เรียบร้อยทหารทำหน้าที่ของทหารอยู่ในปัจจุบัน เรามีหน้าที่เยอะอยู่แล้วมากมากมายในปัจจุบัน โดยเฉพาะดูแลประชาชนเรื่องปัญหาน้ำท่วม หรือปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ งานกองกำลังแค่นี้ก็เยอะ ส่วนงานการเมืองท่านก็แก้กันไป
"สนธิ"ย้ำต้องปฎิรูปการศึกษา
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีทำเนียบรัฐบาล ย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาทุกครั้งที่พูดถึงความชั่วของระบอบทักษิณก็จะพูดตรงกันทุกครั้ง โดยที่ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะพูดความจริงพูดกี่ครั้งก็เหมือนกันหมด
นายสนธิ กล่าวย้ำถึงสิทธิของประชาชนที่จะต่อต้านผู้นำที่ฉ้อฉล โดยเฉพาะการใช้มือตบเป็นลัญลักษณ์ของการขับไล่ โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง และอีกอย่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ทำไมต้องมากลัวกับมือตบแค่นี้ ทำไมเวลาทำชั่วถึงไม่กลัว
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างเรื่องวิกฤตการเงินในสหรัฐครั้งนี้ว่า จะต้องมีการทบทวนระบบการศึกษา โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยเสียใหม่ ในเรื่องระบบการเรียนการสอน เพราะเวลานี้ได้ลอกแบบมาจากสหรัฐฯมาทุกกระเบียดนิ้ว ที่เน้นในเรื่องการบริหารธุรกิจ ที่เน้นแต่เรื่องกำไรเป็นหลัก หรือคิดถึงแต่ผู้ถือหุ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงสังคม และคนพวกนี้ก็เป็นตัวการในการสร้างวิกฤตการเงินของโลกต่อไป
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างการทำมาค้าขายในยุคของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และมีการอดออม มีการลงทุนอย่างพอเพียง และวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าถูกต้องกว่าทฤษฎีของฝรั่งที่ทำให้เกิดความพินาศฉิบหายในเวลานี้
"ถ้าสังคมไม่รู้จักการอดออม เพื่อวันข้างหน้า สังคมนั้นจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองอย่างเด็ดขาด" นายสนธิ ระบุ และแย้งคำพูดที่ว่าในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจดี ว่าไม่เป็นความจริงเพราะมีการส่งเสริมให้คนเป็นหนี้เท่านั้น"
นายสนธิ ย้ำว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปการเมืองใหม่ก็จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยกว้างมากขึ้น ขณะที่คนชั้นกลางก็จะจนลงเรื่อยๆ และว่าการเมืองใหม่ไม่ใช่ปฏิเสธความร่ำรวย หรือกำไร แต่ต้องมีความเป็นธรรม ไม่ใช่ผูกขาดเอาเปรียบคนอื่นในสังคม คนรวยจะต้องไม่รวยล้นฟ้า ส่วนคนชั้นกลางต้องมีมากขึ้น ขณะที่ชนชั้นล่างก็ต้องมีโอกาสพัฒนาให้มีฐานะดีขึ้นให้เป็นชนชั้นกลางมากขึ้น แต่ตอนนี้มันไม่สมดุล มีแต่คนรวยกับคนจน เพราะมีการออกกฎหมายให้คนรวยรวยขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ชนชั้นกลางต้องรับภาระ
"วิกฤตการเงินในสหรัฐในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความโลภ และเชื่อว่าการอัดฉีดเงินเข้าไปอุ้มจำนวน 7-8 แสนล้านเหรียญสหรัฐเป็นแค่พยุงชั่วคราว แต่ไม่เกิน 5 ปี สหรัฐก็จะเจ๊งกันทั้งประเทศอีก เพราะไม่ได้แก้ไขที่ความโลภ"
"บิ๊กจิ๋ว"เผยเหตุคัมแบ็ค
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการกลับเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองอีกครั้งว่า ได้รับการร้องขอให้เข้ามาช่วยชาติ เพราะว่าขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาความแตกแยก ถ้าเข้ามาจะได้ช่วยพูดจาเพื่อคลี่คลายปัญหา นอกจากนั้น ก็ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่จะต้องเข้ามาช่วยกันดูแลแก้ไข โดยเฉพาะสถานการณ์ในภาคใต้ เรื่องปัญหาชายแดน และความมั่นคงที่เป็นพื้นฐานสำคัญ โดยเฉพาะความยากจน แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่า นายกรัฐมนตรี จะมอบให้ดูแลอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าให้เป็นคนกลางในการเจรจากับพันธมิตรฯ มีความเห็น อย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่อยากพูดตอนนี้ขอให้ได้รับการมอบหมายก่อน ในเรื่องการเจรจากับม็อบคงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนเดียว แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ อีก เช่น ภาคใต้ เรื่องชายแดน ต้องดูก่อนว่าจะมีการมอบหมายอย่างไร
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการมอบหมายบุคคลใกล้ชิดให้ไปเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ได้มีการต่อสายคุยกันตลอด พูดผ่านสื่อบ้าง ก็ได้ทำหลายทาง แต่เรื่องนี้ต้องดูก่อนว่าจะได้รับมอบหมายให้ไปเจรจาหรือไม่ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะต้องมีความเข้าใจว่า เราคิดยังไง เขาคิดอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พร้อมไปเจรจาหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวย้ำอีกว่า พูดภาษาเดียวกันทั้งนั้น และเมื่อถามต่อว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่า พันธมิตรฯจะคุยด้วย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ทางพันธมิตรฯ เองก็อยากจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นมิใช่หรือ ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ตรงกันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ด้วยความที่รู้จักกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ มาก่อนจะสามารถเจรจาได้ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกัน เกือบพูดได้เลยว่า สายเลือดเดียวกัน และพล.ต.จำลอง เองก็เป็นคนสมถะ เราเสียอีกที่ยังมีกิเลสอยู่
พธม.พร้อมคุยแต่ไม่ถอย
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวประจำวัน โดย พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ามาเจรจากับทางแกนนำพันธมิตรฯว่า อย่างที่เคยบอกไว้ พันธมิตรฯ ไม่ได้ปิดประตูตายเรื่องการเจรจา พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆทางการเมือง ซึ่งก็มีการเริ่มพูดคุยกันจริงบ้างแล้ว
”เป็นการพูดคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง การพูดจากันเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้จักกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนแปลกหน้า การคุยกันดีกว่าสมัยที่แล้ว ที่ใช้กำลังใช้ความรุนแรง ใช้ไปแล้วก่อให้เกิดข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก อย่างนั้นมันไม่ดี แต่การคุยกันยังไม่มีอะไรเป็นมั่นเป็นเหมาะเพราะยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ที่ประชุมพันธมิตรฯ มีข้อตกลงกันว่า ใครก็ตามได้รับติดต่อมาต้องมาหารือกันก่อน”
ส่วนโอกาสที่เปิดโต๊ะเจรจากันนั้น นายพิภพ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ พันธมิตรฯไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันทางรายละเอียด ขึ้นอยู่ที่เนื้อหารายละเอียดว่าเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เราเจรจาเดินหน้าต่อได้ พล.ต. จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเพราะตอนนี้เป็นขั้นตอนการเจรจากัน ส่วนเงื่อนไขที่จะทำให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุมนั้นยังไม่มีเพราะต้องฟัง พล.อ.ชวลิตก่อนว่า จะมีคำแนะนำอะไร แล้วพันธมิตรฯจะมาหารือกันว่า ทำได้หรือไม่ ซึ่งต้องคำถึงถึงผู้ชุมนุมด้วย ต่อข้อถามว่าเป็นเพราะตัวแทนรัฐบาลคือ พล.อ. ชวลิต ใช่หรือไม่ ทำให้การเจรจาส่งสัญญาณที่ดี นายพิภพ กล่าวว่า ไม่ใช่ตัว พล.อ. ชวลิต คนเดียว เพราะพันธมิตรฯรับการติดต่อจากผู้ใหญ่ทุกคน
สำหรับกรณีที่มีแนวโน้มว่า พล.อ.ชวลิต จะขอให้พันธมิตรฯ ย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า ยังไม่มีการหารือในเรื่องนี้ เป็นเพียงการถามเรื่อง สารทุกข์สุกดิบ เป็นห่วงใย ในฐานะที่ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ใหญ่ที่พูดกับคนอายุน้อยกว่า
เปิดกว้างถกการเมืองใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักวิชาการบางท่านเห็นด้วยกับการหารือเรื่องการเมืองใหม่ แต่บรรยากาศที่ทำเนียบฯไม่เอื้ออำนวย เป็นไปได้หรือไม่ที่จะออกไปร่วมเวทีสาธารณะร่วมกันด้านนอกทำเนียบฯ นายพิภพ กล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี มีการแสดงอิสระในความคิดเห็น การหารือในที่สาธารณะ พันธมิตรฯไม่ได้ผูกขาดว่าจะต้องเป็นเจ้าภาพ พันธมิตรฯให้สถาบันอาชีพกลุ่มต่างๆมีสิทธ์ที่จะทำ เพราะเป็นกระแสการตอบสนองเรื่องการเมืองใหม่เป็นสมบัติของสาธารณะที่จะต้องช่วยกันคิด
ส่วนที่อธิการบดี 24 สถาบันเสนอให้นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการเมืองนั้น นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า นพ.ประเวศ คงไม่เข้ามารับตำแหน่งนี้ เนื่องจากบทความที่ นพ.ประเวศ เขียนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์นั้นต้องการเห็นประชาชนเป็นผู้ริเริ่มในการทำการเมืองใหม่มากกว่าที่จะให้รัฐหรือนักการเมืองเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ เพราะหากให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการจะทำให้กระบวนการของภาคประชาชนถูกลดทอนลง นอกจากนี้เห็นว่า นพ.ประเวศ คงไม่อยากถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนครั้งที่เคยเป็นคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (คอส.)
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ แนวร่วมพันธมิตรฯ ตะโกน พร้อมกับปรบมือตบพลาสติกขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขณะบันทึกเทปรายการ "ครบรอบ 75 ปีธรรมศาสตร์" และกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ขณะที่ช่วยนายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่า กทม.พรรคพลังประชาชนหาเสียงว่า ยืนยันพันธมิตรฯ ทุกคนมีความคิดที่เป็นอิสระ แกนนำไม่สามารถสั่งการอะไรได้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนักการเมือง ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ทำให้บ้านเมืองเกิดเสียหาย ไม่รู้จักหยุดหย่อน ทำเหมือนว่า ไม่มีประชาชนอยู่ในประเทศ พวกเขาเลยต้องออกมาแสดงความคิดความเห็นในสิ่งที่ สามารถทำได้โดยที่ไม่ผิดกฎหมายและพวกเขาก็ทำตามที่พันธมิตรฯ ส่วนกลางทำ คือ การต่อต้านต้านอย่างสันติอหิงสา ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ทำร้ายหรือทำลายสิ่งของ สถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนทางการเมือง
"ทุกคนที่มาชุมนุมล้วนเป็นพันธมิตรฯทั้งสิ้น เราไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน อาชีพอะไร เขาจะทำเรื่องอะไรก็เรื่องของเขา เราไปห้ามเขาไม่ได้ เขามาชุมนุมเพราะสมัครใจมา ซึ่งเห็นว่าเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งความไม่ดี ที่เกิดจากการกระทำของนักการเมือง"
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ใช่ประเทศเราประเทศเดียวที่ทำเช่นนี้ ประเทศอื่นๆก็มี แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเทศของเรามีอยู่อย่างหนึ่ง คือ การใช้มือตบ ที่ประเทศอื่นเขาไม่พัฒนาเหมือนอย่างประเทศเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น อย่างที่ จ.เชียงใหม่ มีการปิดล้อมที่ทำการของเอเอสทีวี และเกิดการปะทะกันจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ต้องดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นใครเป็นคนผิด ตำรวจรู้ว่าจะมีการปิดล้อม แต่ทำไมไม่เข้ามาสกัดกั้น ฝ่ายที่ทำงานที่เอเอสทีวีไม่ผิด เพราะพวกเขาอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งอีกฝ่ายยกพวกเข้ามาทำร้าย ซึ่งใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย คนที่ไปชุมนุมต่อต้านไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สยามพารากอน ก็ทำด้วยความนุ่มนวล ทำด้วยความมีสติ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์และไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต่อต้านนายสมชาย ด้วยการตาบไปตระโกนไล่ในสถานที่ต่างๆ ว่า เป็นธรรมดาที่จะมีอะไรไปกระทบอารมณ์บ้างนิดหน่อย ซึ่งนายกฯต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเข้ามาเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เป็นความท้าทาย ถ้ามุ่งมั่นและหนักแน่น เสียสละจริงๆ สักระยะหนึ่งก็จะดี ซึ่งตนพูดในกรณีที่คนมีเหตุผล และหากท่านมีเหตุผลที่จะแสดงชัดๆออกมาว่า เสียสละจริงๆ ก็คงไม่มีใครมาด่าแล้ว
2 ขรก. ปีนตึกฉกเอกสารลับ
รายงานข่าวจากการ์ดพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.45น.วันนี้ (29 ก.ย.) การ์ดพันธมิตรฯ ได้รับแจ้งจากผู้ชุมนุมว่ามีชาย 2 คน ได้ลักลอบปีนเข้าไปยังตัวอาคารสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)ฝั่งประตู 4 จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบชาย 2 คนอ้างว่าเป็นพนักงานราชการสลน.ทราบชื่อภายหลังว่านายชัยรัตน์ วรพิมพ์รัตน์ ตำแหน่งพนักงานราชการ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย กองรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล และนายสยาม สุขกลับ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน จึงได้ควบคุมตัวไปที่สน.พันธมิตรฯที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อสอบสวนจึงทราบว่าบุคคลทั้งสองได้นำเอกสารลับเกี่ยวกับงานข่าวของทำเนียบรัฐบาลออกมาจึงได้ทำการยึดไว้พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานและปล่อยตัวไป