“สนธิ” จวกนักการเมือง กลัวอะไรแค่มือตบ ทีทำชั่วทำไมไม่กลัว ชี้ วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ เป็นบทเรียนระบบเศรษฐกิจแห่งความโลภที่ไทยเดินตามรอย ย้ำถึงเวลารื้อระบบการศึกษาที่สอนแต่การหากำไร ส่งเสริมการเป็นหนี้ หันมาเน้นการออม เชื่อ เงินอัดฉีด 7 แสนล้านเหรียญแค่พยุงชั่วคราว ไม่เกิน 5 ปี อเมริกาเจ๊งอีกรอบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 21.05 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีทำเนียบรัฐบาล ย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ทุกครั้งที่พูดถึงความชั่วของระบอบทักษิณก็จะพูดตรงกันทุกครั้ง โดยที่ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะพูดความจริงพูดกี่ครั้งก็เหมือนกันหมด
จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวย้ำถึงสิทธิของประชาชนที่จะต่อต้านผู้นำที่ฉ้อฉล โดยเฉพาะการใช้มือตบเป็นลัญลักษณ์ของการขับไล่ โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรง และอีกอย่างนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ทำไมต้องมากลัวมือตบแค่นี้ ทำไมเวลาทำชั่วถึงไม่กลัว
นายสนธิ ยังได้เล่านิทานเตือนสติให้ฟังถึงเรื่องสวรรค์กับนรก ที่วันหนึ่งพระพรหม กับยมบาลมาเจอกัน แล้วพระพรหมก็เสนอให้มีการสร้างถนนเชื่อมระหว่างกัน และตกลงกันว่า จะเริ่มสร้างในวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เมื่อผ่านไปนานนับเดือนทั้งสองก็มีตรวจความคืบหน้าปรากฏว่า ฝ่ายนรกสร้างได้เสร็จแล้ว ขณะที่ฝ่ายสวรรค์ยังสร้างไม่ถึงไหน พระพรหมถึงถามว่าทำไมถึงสร้างได้เร็วนัก ฝ่ายยมบาล ตอบว่า เพราะในนรกมีนักการเมืองผู้รับเหมาก่อสร้างที่โกงลงไปอยู่มากทำให้สร้างได้เร็วภายใน 1 ชั่วโมง
นายสนธิ ยังได้เล่านิทานเรื่องนาฬิกาโกหกในสวรรค์ ซึ่งข้างหลังเจ้าหน้าที่มีนาฬิกาจำนวนมาก มีนาฬิกาของแม่ชีเทเรซา ที่เวลานิ่งสนิท เพราะแม่ชีไม่โกหก ต่อมามีนาฬิกาของ อับราฮัม ลินคอล์น ที่เข็มวินาทีเลื่อนไป 2 ขีด เพราะในชีวิตท่านได้โกหกสองครั้ง ถัดมาเป็นนาฬิกาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีคนถามว่าอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่คนนั้น บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โกหกตลอดเวลา พระพรหมจึงเอาไปใช้เป็นพัดลมเพดาน เพราะจะหมุนไม่หยุด ขณะที่ นาฬิกา ของ นายสมัคร สุนทรเวช นำไปใช้เป็นพัดลมตั้งโต๊ะ เพราะโกหกไม่แพ้กัน
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างเรื่องวิกฤตการเงินในสหรัฐฯครั้งนี้ ว่า จะต้องมีการทบทวนระบบการศึกษา โดยเฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยเสียใหม่ ในเรื่องระบบการเรียนการสอน เพราะเวลานี้ได้ลอกแบบมาจากสหรัฐฯ มาทุกกระเบียดนิ้ว ที่เน้นในเรื่องการบริหารธุรกิจ ที่เน้นแต่เรื่องกำไรเป็นหลัก หรือคิดถึงแต่ผู้ถือหุ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงสังคม และคนพวกนี้ก็เป็นตัวการในการสร้างวิกฤตการเงินของโลกต่อไป
นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างการทำมาค้าขายในยุคของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และมีการอดออม มีการลงทุนอย่างพอเพียง และวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าถูกต้อง กว่าทฤษฎีของฝรั่งที่ทำให้เกิดความพินาศฉิบหายในเวลานี้
“ถ้าสังคมไม่รู้จักการอดออม เพื่อวันข้างหน้า สังคมนั้นจะไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองอย่างเด็ดขาด” นายสนธิ ระบุ และแย้งคำพูดที่ว่าในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจดี ว่าไม่เป็นความจริง เพราะมการส่งเสริมให้คนเป็นหนี้เท่านั้น
นายสนธิ ย้ำว่า ถ้าไม่มีการปฏิรูปการเมืองใหม่ก็จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยกว้างมากขึ้น ขณะที่คนชั้นกลางก็จะจนลงเรื่อยๆ และว่า การเมืองใหม่ไม่ใช่ปฏิเสธความร่ำรวย หรือกำไร แต่ต้องมีความเป็นธรรม ไม่ใช่ผูกขาดเอาเปรียบคนอื่นในสังคม คนรวยจะต้องไม่รวยล้นฟ้า ส่วนคนชั้นกลางต้องมีมากขึ้น ขณะที่ชนชั้นล่างก็ต้องมีโอกาสพัฒนาให้มีฐานะดีขึ้นให้เป็นชนชั้นกลางมากขึ้น แต่ตอนนี้มันไม่สมดุล มีแต่คนรวยกับคนจน เพราะมีการออกกฎหมายให้คนรวยรวยขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ชนชั้นกลางต้องรับภาระ
นายสนธิ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า วิกฤตการเงินในสหรัฐฯในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความโลภ และเชื่อว่า การอัดฉีดเงินเข้าไปอุ้มจำนวน 7-8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯเป็นแค่พยุงชั่วคราว แต่ไม่เกิน 5 ปี สหรัฐฯก็จะเจ๊งกันทั้งประเทศอีก เพราะไม่ได้แก้ไขที่ความโลภ