นครศรีธรรมราช - ร้องลูกชายอดีตทหารพรานโดยชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจภาค 9 อุ้มตัวหายจ้อย 5 วันไม่ทราบชะตากรรม-วอน “มท.1-นายกฯ สมชาย” หากทำผิดกฎหมายขอให้ดำเนินคดีในที่แจ้ง
วันนี้ (29 ก.ย.) นางอาภรณ์ เด่นกุล อายุ 42 ปี และ น.ส.อรพรรณ เด่นกุล อายุ 27 ปี สองแม่ลูกอยู่บ้านเลขที่ 1804/19 ถนนราชนิคม หลังวัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกรณี นายเรวัตร เด่นกุล อายุ 24 ปี อดีตทหารพราน สังกัด กรมทหารพรานที่ 42 อ.นาทวี จ.สงขลา ถูกชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจสืบสวน บก.ภาค 9 อุ้มตัวขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู สีแดง ทะเบียน บจ หรือ กจ-39728 นครศรีธรรมราช เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านเมืองทอง ถนนสามกอง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 19 .00 น.วันที่ 23 ก.ย.51 โดยได้แจ้งความไว้แล้วกับ ร.ต.ต.สลาน รีเด็ง ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ภูเก็ต
นางสาวอรพรรณ เด่นกุล พี่สาวของนายเรวัตรที่โดนอุ้มหายตัวไป เปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตามปกติตนจะอาศัยอยู่กับนายเรวัตร 2 คน ส่วนนางอาภรณ์ มารดาไปมีครอบครัวใหม่ที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2550 น้องชายได้ไปสมัครเป็นอาสาสมัครทหารพรานประจำอยู่กรมทหารพรานที่ 42 อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อเป็นทหารพรานได้ไม่กี่เดือนตนรู้สึกแปลกใจที่น้องชายสามารถดาวน์รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน กจ-2292 สงขลา มาขับขี่ได้ ตนสอบถามนายเรวัตร น้องชายว่าเอาเงินมาจากไหนดาวน์รถ น้องชายกลับไม่ยอมบอก ต่อมาน้องชายได้ลาออกจากการเป็นอาสาสมัครทหารพรานและไปทำงานเป็นช่างทาสีอยู่กับญาติๆ ที่ จ.ภูเก็ต จนถูกชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจสืบสวน ภาค 9 ตามจับอุ้มตัวขึ้นรถกระบะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“หลังจากที่แจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมือง และออกตามหาน้องชายโดยไปสอบถามทางผู้บังคับบัญชาของนายเรวัตร น้องชายที่กรมทหารพรานที่ 42 ก็พบรถเก๋งของนายเรวัตรจอดอยู่ในกรมทหารพราน โดยทางผู้บังคับบัญชาไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแต่บอกว่ามีตำรวจบุกเข้ามาตามหาตัวนายเรวัตร ถึงในกรมทหารพรานที่ 42 เพราะนายเรวัตรไปทำผิดกฎหมายบ้านเมืองร้ายแรงบางอย่าง ทางผู้บังคับบัญชาเกรงว่าจะทำให้หน่วยงานเสียหายจึงให้นายเรวัตรเซ็นหนังสือขอลาออก โดยทางผู้บังคับบัญชาได้ยึดรถเก๋งของนายเรวัตรเอาไว้ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ค้ำประกันการดาวน์ซื้อรถคันดังกล่าว”
น.ส.อรพรรณ กล่าวว่า หลังจากนั้นน้องชายมาทำงานเป็นช่างทาสีอยู่กับญาติที่ จ.ภูเก็ต จนถูกชายฉกรรจ์ 4-5 คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจสายสืบภาค 9 อุ้มตัวหายไปถึงวันนี้เข้าวันที่ 5 แล้วยังไร้ร่องรอยของนายเรวัตร ทางตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้สอบสวนสืบสวนแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าชัดเจน ตนและญาติๆ เป็นห่วงมากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายกับนายเรวัตร น้องชาย และหากชายฉกรรจ์เป็นตำรวจจริงก็น่าจะนำตัวนายเรวัตรมาดำเนินคดีตามกฎหมายในที่แจ้ง ไม่ควรทำกันอย่างนี้
“ฉันขอเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายรวมทั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้โปรดช่วยนายเรวัตร น้องชายฉันด้วย ขอเพียงได้ทราบข่าวว่าเขายังมีชีวิตอยู่และหากทำความผิดทางกฎหมายก็ให้นำตัวออกมาดำเนินคดีอย่างเปิดเผยก็พอใจแล้ว” น.ส.อรพรรณ กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้า
ทางด้าน นางภรณ์ มารดาของนายเรวัตร กล่าวว่า เท่าที่พอจะประมวลเหตุการณ์นั้นเข้าใจว่าความผิดของนายเรวัตร บุตรชายได้นั้นน่าจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับการเสพหรือค้ายาเสพติด เพราะก่อนหายตัวไปจาก จ.ภูเก็ต มีชายฉกรรจ์ 3-4 คนอ้างว่าเป็นตำรวจสายสืบภาค 8 เดินทางไปตามหาตัวนายเรวัตรที่บ้านของตนใน อ.พระพรหม
เมื่อตนบอกว่านายเรวัตรไม่ได้อาศัยอยู่กับตน ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไป ตนเชื่อว่าชายฉกรรจ์กลุ่มที่มาที่บ้านของตนและไปจับอุ้มนายเรวัตรขึ้นรถกระบะที่ จ.ภูเก็ต คงจะเป็นตำรวจจริงๆ โดยหลังจากจับอุ้มตัวนายเรวัตรขึ้นถกระบะที่ จ.ภูเก็ต ญาติๆ ได้แจ้งเหตุการณ์ให้ตำรวจ สภ.เมือง จ.ภูเก็ต ทราบตำรวจภูเก็ตสามารถสกัดจับรถคันที่จับตัวนายเรวัตรไปได้ แต่คนในรถได้แสดงบัตรเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดชุดสืบสวนภาค 9 และบอกว่าจะนำนายเรวัตรส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเอง ตำรวจจึงยอมปล่อยรถคันดังกล่าวไป แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำนายเรวัตรหายไปไม่พบตัวอีกเลย
“เรื่องนี้ในส่วนของผู้บังคับบัญชาในกรมทหารพรานที่ 42 และตำรวจน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังบางอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของตำรวจหากจะสอบสวนสืบสวนเอาจริงเอาจังควรจะได้ความกระจ่างมากกว่านี้ ญาติๆ เองก็อยากรู้ว่านายเรวัตรทำผิดอะไรตำรวจทั้งภาค 8 และภาค 9 จึงระดมกำลังออกตามล่าจับอุ้มตัวหายไปเช่นนี้ เรื่องนี้ตนขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ให้ชี้แจงเรื่องอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด หากล่าช้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ นายเรวัตร บุตรชายของตนอาจจะถูกฆ่าทิ้งไปแล้วก็ได้ ซึ่งตนจะร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีต่อไป” นางอาภรณ์ กล่าวในที่สุด
วันนี้ (29 ก.ย.) นางอาภรณ์ เด่นกุล อายุ 42 ปี และ น.ส.อรพรรณ เด่นกุล อายุ 27 ปี สองแม่ลูกอยู่บ้านเลขที่ 1804/19 ถนนราชนิคม หลังวัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกรณี นายเรวัตร เด่นกุล อายุ 24 ปี อดีตทหารพราน สังกัด กรมทหารพรานที่ 42 อ.นาทวี จ.สงขลา ถูกชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจสืบสวน บก.ภาค 9 อุ้มตัวขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู สีแดง ทะเบียน บจ หรือ กจ-39728 นครศรีธรรมราช เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านเมืองทอง ถนนสามกอง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 19 .00 น.วันที่ 23 ก.ย.51 โดยได้แจ้งความไว้แล้วกับ ร.ต.ต.สลาน รีเด็ง ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ภูเก็ต
นางสาวอรพรรณ เด่นกุล พี่สาวของนายเรวัตรที่โดนอุ้มหายตัวไป เปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตามปกติตนจะอาศัยอยู่กับนายเรวัตร 2 คน ส่วนนางอาภรณ์ มารดาไปมีครอบครัวใหม่ที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเดือนสิงหาคม 2550 น้องชายได้ไปสมัครเป็นอาสาสมัครทหารพรานประจำอยู่กรมทหารพรานที่ 42 อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อเป็นทหารพรานได้ไม่กี่เดือนตนรู้สึกแปลกใจที่น้องชายสามารถดาวน์รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน กจ-2292 สงขลา มาขับขี่ได้ ตนสอบถามนายเรวัตร น้องชายว่าเอาเงินมาจากไหนดาวน์รถ น้องชายกลับไม่ยอมบอก ต่อมาน้องชายได้ลาออกจากการเป็นอาสาสมัครทหารพรานและไปทำงานเป็นช่างทาสีอยู่กับญาติๆ ที่ จ.ภูเก็ต จนถูกชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจสืบสวน ภาค 9 ตามจับอุ้มตัวขึ้นรถกระบะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“หลังจากที่แจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมือง และออกตามหาน้องชายโดยไปสอบถามทางผู้บังคับบัญชาของนายเรวัตร น้องชายที่กรมทหารพรานที่ 42 ก็พบรถเก๋งของนายเรวัตรจอดอยู่ในกรมทหารพราน โดยทางผู้บังคับบัญชาไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแต่บอกว่ามีตำรวจบุกเข้ามาตามหาตัวนายเรวัตร ถึงในกรมทหารพรานที่ 42 เพราะนายเรวัตรไปทำผิดกฎหมายบ้านเมืองร้ายแรงบางอย่าง ทางผู้บังคับบัญชาเกรงว่าจะทำให้หน่วยงานเสียหายจึงให้นายเรวัตรเซ็นหนังสือขอลาออก โดยทางผู้บังคับบัญชาได้ยึดรถเก๋งของนายเรวัตรเอาไว้ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ค้ำประกันการดาวน์ซื้อรถคันดังกล่าว”
น.ส.อรพรรณ กล่าวว่า หลังจากนั้นน้องชายมาทำงานเป็นช่างทาสีอยู่กับญาติที่ จ.ภูเก็ต จนถูกชายฉกรรจ์ 4-5 คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจสายสืบภาค 9 อุ้มตัวหายไปถึงวันนี้เข้าวันที่ 5 แล้วยังไร้ร่องรอยของนายเรวัตร ทางตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้สอบสวนสืบสวนแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าชัดเจน ตนและญาติๆ เป็นห่วงมากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายกับนายเรวัตร น้องชาย และหากชายฉกรรจ์เป็นตำรวจจริงก็น่าจะนำตัวนายเรวัตรมาดำเนินคดีตามกฎหมายในที่แจ้ง ไม่ควรทำกันอย่างนี้
“ฉันขอเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายรวมทั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้โปรดช่วยนายเรวัตร น้องชายฉันด้วย ขอเพียงได้ทราบข่าวว่าเขายังมีชีวิตอยู่และหากทำความผิดทางกฎหมายก็ให้นำตัวออกมาดำเนินคดีอย่างเปิดเผยก็พอใจแล้ว” น.ส.อรพรรณ กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้า
ทางด้าน นางภรณ์ มารดาของนายเรวัตร กล่าวว่า เท่าที่พอจะประมวลเหตุการณ์นั้นเข้าใจว่าความผิดของนายเรวัตร บุตรชายได้นั้นน่าจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับการเสพหรือค้ายาเสพติด เพราะก่อนหายตัวไปจาก จ.ภูเก็ต มีชายฉกรรจ์ 3-4 คนอ้างว่าเป็นตำรวจสายสืบภาค 8 เดินทางไปตามหาตัวนายเรวัตรที่บ้านของตนใน อ.พระพรหม
เมื่อตนบอกว่านายเรวัตรไม่ได้อาศัยอยู่กับตน ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไป ตนเชื่อว่าชายฉกรรจ์กลุ่มที่มาที่บ้านของตนและไปจับอุ้มนายเรวัตรขึ้นรถกระบะที่ จ.ภูเก็ต คงจะเป็นตำรวจจริงๆ โดยหลังจากจับอุ้มตัวนายเรวัตรขึ้นถกระบะที่ จ.ภูเก็ต ญาติๆ ได้แจ้งเหตุการณ์ให้ตำรวจ สภ.เมือง จ.ภูเก็ต ทราบตำรวจภูเก็ตสามารถสกัดจับรถคันที่จับตัวนายเรวัตรไปได้ แต่คนในรถได้แสดงบัตรเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดชุดสืบสวนภาค 9 และบอกว่าจะนำนายเรวัตรส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเอง ตำรวจจึงยอมปล่อยรถคันดังกล่าวไป แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำนายเรวัตรหายไปไม่พบตัวอีกเลย
“เรื่องนี้ในส่วนของผู้บังคับบัญชาในกรมทหารพรานที่ 42 และตำรวจน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังบางอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของตำรวจหากจะสอบสวนสืบสวนเอาจริงเอาจังควรจะได้ความกระจ่างมากกว่านี้ ญาติๆ เองก็อยากรู้ว่านายเรวัตรทำผิดอะไรตำรวจทั้งภาค 8 และภาค 9 จึงระดมกำลังออกตามล่าจับอุ้มตัวหายไปเช่นนี้ เรื่องนี้ตนขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ให้ชี้แจงเรื่องอย่างชัดเจนโดยเร็วที่สุด หากล่าช้าเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ นายเรวัตร บุตรชายของตนอาจจะถูกฆ่าทิ้งไปแล้วก็ได้ ซึ่งตนจะร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีต่อไป” นางอาภรณ์ กล่าวในที่สุด