xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายตรังต้านรบ.ขายชาติระลอกใหม่ เตรียมแก้ กม. เปิดทางนายทุนทึ้งอุทยานฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หาดหยงหลิง ในอุทยานฯเจ้าไหม ที่มีธรรมชาติบริสุทธิ์งดงามถูกใจนักท่องเที่ยว
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด และเครือข่ายชมรมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ค้านรัฐบาลเปิดช่องนายทุนยึดป่า-ทะเล ภายใต้แนวคิดนำร่องสัมปทานอุทยานแห่งชาติ ให้นายทุนบริหารจัดการแสวงหาผลประโยชน์นาน 30 ปี จี้ยกเลิกการปรับแก้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับปี 2504 เพื่อสนองการท่องเที่ยวและยึดที่ดินจากชุมชนดั้งเดิม ชี้เป็นตัวการอันตรายเปิดช่องแก้กฎหมายรองรับการบุกรุกพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่อุทยานแห่งชาติแถบจังหวัดอันดามันถูกนายทุนไทย-ต่างชาติรุมทึ้งผุดโรงแรมเป็นว่าเล่น

รัฐบาลนอมินีของระบบทุนนิยมสามานย์ยังไม่สิ้นฤทธิ์ หลังจากที่เปิดเผยแนวคิดให้นำร่องให้สัมปทานอุทยานแห่งชาติชื่อดังของเมืองไทย 30 แห่งจากทั้งหมด 148 แห่ง แก่นายทุน เพื่อบริหารจัดการในโซนบริการนักท่องเที่ยวครบวงจร ทั้งศูนย์อาหาร ร้านขายของที่ระลึก รีสอร์ต โรงแรม โดยมีอายุสัมปทาน 30 ปี ในราคาเพียงตารางเมตรละ 30 บาทต่อเดือน แต่เอกชนขอให้ลดค่าเช่าลงเหลือตารางเมตรละ 3 บาทต่อเดือนในเวลาต่อมา พร้อมจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ขึ้นมาดูแล ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากประชาชนและนักวิชาการ แต่ก็ได้อ้างว่าจะใช้การทำประชาพิจารณ์หยั่งเสียงประชาชน

เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด และเครือข่ายชมรมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ได้แสดงความเป็นห่วงต่อแนวคิดดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง ซึ่งเป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุน และจะเปิดให้เช่ารวมเนื้อที่ 1,910 ไร่ ในพื้นที่หาดฉางหลาง, หาดยาว, เกาะกระดาน, หาดหยงหลิง, หาดสั้น และเกาะมุกด์

พร้อมทั้งได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนคัดค้านแนวคิดดังกล่าว เนื่องด้วยเล็งเห็นถึงผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายดังกล่าวทั้งนี้ หากปล่อยให้รัฐบาลเปิดป่าให้นายทุนหากิน และยึดพื้นที่ทำกินของคนจนเช่นนี้ ประเทศไทยต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมหาศาล จนยากที่จะฟื้นฟูกลับมาให้อุดมสมบูรณ์เช่นเดิม

นอกจากนี้ จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนดั้งเดิมและเจ้าหน้าที่รัฐรุนแรงขึ้น ตลอดจนทำให้ชาวสวนและชาวประมงจำนวนมากต้องสูญเสียพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ รวมทั้งทำให้ชุมชนดั้งเดิมไม่สามารถจัดการดูแลรักษาทรัพยากรได้อย่างเดิม สิ่งเหล่านี้ขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ.2540, 2550 ว่าด้วยสิทธิชุมชน และสิทธิมนุษยชน และขัดแย้งกับปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างยิ่ง

ดังนั้น จึงมีข้อเรียกร้อง ดังนี้

1.รัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายเปิดอุทยานฯ ให้นายทุนเช่าเพื่อทำการท่องเที่ยว และยกเลิกการปรับแก้ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับปี 2504 เพื่อสนองการท่องเที่ยวและยึดที่ดินจากชุมชนดั้งเดิม ตลอดจนแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดดังกล่าวต่อสังคม

2.รัฐบาลและส่วนราชการต้องเคารพสิทธิชุมชน และเปิดโอกาสให้ชุมชนดั้งเดิมจัดการทรัพยากรตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ตลอดจนตั้งใจแก้ปัญหาเขตอนุรักษ์ทับซ้อนที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย และยกเลิกกฎหมายและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาดังกล่าว

3.ขอให้สังคมร่วมกันตรวจสอบและผลักดัน ให้รัฐบาลยกเลิกแนวคิดเปิดป่าและทะเลให้นายทุนหากิน ตลอดจนสนับสนุนให้ชุมชนดั้งเดิมจัดการทรัพยากรและทำกินตามวิถีดั้งเดิมสืบไป

ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรชุมชนรักเทือกเขาบรรทัด และเครือข่ายชมรมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง จะร่วมกับองค์กรภาคประชาชนอื่นๆ และผู้รักความเป็นธรรมในระดับภาคใต้และระดับชาติ ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเคลื่อนไหวตอบโต้อย่างต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายดังกล่าว

ด้านแหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการเปิดให้เช่าอุทยานแห่งชาติแล้วโดยพฤตินัย ทั้งที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาด้วยต้องรอแก้ กม.อุทยานฉบับใหม่ซึ่งกำลังรอเข้า ครม.ในเดือนหน้า โดยมีการซื้อที่ดินมากขึ้นที่รอขายให้แก่นักลงทุน ทำให้พื้นที่ป่าจังหวัดแถบอันดามันมีการรุกป่ามาก ทั้งการซื้อ-ขายที่ดินลงทุนทำโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นนายทุนไทย-ต่างชาติ รวมทั้งดารา และบางแห่งก่อสร้างจนเปิดบริการแล้ว โดยที่อุทยานฯไม่ได้ดำเนินการอะไร

ดังนั้น หากมีการแก้กฎหมายรองรับให้เอกชนใช้พื้นที่อุทยานฯได้แล้วก็เหมือนเป็นการทำผิดให้ถูก การก่อสร้างที่นายทุนดำเนินการไว้ล่วงหน้าก็สามารถเปิดบริการได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็มีต่างชาติเข้ามาซื้อพื้นที่เพื่อพัฒนารองรับการท่องเที่ยวดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น