นายพสิษฐ์ ศักดิ์ดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีนายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของ ส.ว.จำนวน 30 คน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา168 วรรคเจ็ด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2552 ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา168 วรรค หก โดยให้เหตุผลประกอบ 5 ข้อ คือ
1.การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ มีการตัดลดงบประมาณฯประมาณ 45 ล้านบาท แต่มีการตั้งงบประมาณเพิ่มกลับมา เท่ากับงบเงินที่ตัดไป โดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใช้งบประมาณ แต่คณะรัฐมนตรี ยังมีสถานะเป็นส.ส. จึงต้องห้ามในการแปรญัตติหรือกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผล หรือมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อม
2.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลังในขณะนั้น ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องในคดีออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ 3. การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 เนื่องจากไม่มีเอกสารประกอบ และรายละเอียดในส่วนที่มีการแปรญัตติเพิ่ม
4. การจัดงบกลางขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคสอง
5. การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีแผนงาน และโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 และ 76
นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาเฉพาะประเด็นแรก ในส่วนที่กล่าวอ้างว่า มีการกระทำขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหก ที่บัญญัติว่า ในการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ วุฒิสภา หรือของคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ ส.ส. ส.ว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้ เท่านั้น ส่วนคำร้องอื่น ศาลเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 168 วรรคเจ็ด
"ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจากคำชี้แจงของ ส.ว. และผู้แทนสำนักงบประมาณแล้ว คณะตุลาการโดยเสียงข้างมากเห็นว่า การที่ ครม.มีมติให้เสนอเพิ่มงบประมาณเท่ากับจำนวนที่ถูกปรับลดต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ เป็นการกระทำในฐานะฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อให้รัฐสภาอนุมัติ ซึ่งเป็นการดำเนินการในฐานะองค์กรฝ่ายบริหาร มิได้กระทำในฐานะ ส.ส. จึงไม่ถือว่าขัด หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคหกแต่อย่างใด” เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับมติของคณะตุลาการ เป็นมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ที่เห็นว่า ครม.ดำเนินการปรับเพิ่มเงินในร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2552 ได้โดยไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหก
1.การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ มีการตัดลดงบประมาณฯประมาณ 45 ล้านบาท แต่มีการตั้งงบประมาณเพิ่มกลับมา เท่ากับงบเงินที่ตัดไป โดยคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ใช้งบประมาณ แต่คณะรัฐมนตรี ยังมีสถานะเป็นส.ส. จึงต้องห้ามในการแปรญัตติหรือกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผล หรือมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อม
2.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลังในขณะนั้น ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องในคดีออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ 3. การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 เนื่องจากไม่มีเอกสารประกอบ และรายละเอียดในส่วนที่มีการแปรญัตติเพิ่ม
4. การจัดงบกลางขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคสอง
5. การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีแผนงาน และโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 และ 76
นายพสิษฐ์ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาเฉพาะประเด็นแรก ในส่วนที่กล่าวอ้างว่า มีการกระทำขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหก ที่บัญญัติว่า ในการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ วุฒิสภา หรือของคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้ ส.ส. ส.ว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้ เท่านั้น ส่วนคำร้องอื่น ศาลเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 168 วรรคเจ็ด
"ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจากคำชี้แจงของ ส.ว. และผู้แทนสำนักงบประมาณแล้ว คณะตุลาการโดยเสียงข้างมากเห็นว่า การที่ ครม.มีมติให้เสนอเพิ่มงบประมาณเท่ากับจำนวนที่ถูกปรับลดต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ เป็นการกระทำในฐานะฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพื่อให้รัฐสภาอนุมัติ ซึ่งเป็นการดำเนินการในฐานะองค์กรฝ่ายบริหาร มิได้กระทำในฐานะ ส.ส. จึงไม่ถือว่าขัด หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคหกแต่อย่างใด” เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับมติของคณะตุลาการ เป็นมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ที่เห็นว่า ครม.ดำเนินการปรับเพิ่มเงินในร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี 2552 ได้โดยไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคหก
