xs
xsm
sm
md
lg

คำสาปแช่งคนโกง

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

เห็นนักการเมืองขี้โกงมีอันเป็นไปทีละคนสองคน และเมื่อได้เห็นคณะรัฐมนตรีของคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ทำให้คิดถึงคำสาปแช่งของพระเจ้าแผ่นดิน

อันปกติธรรมดานั้น พระเจ้าแผ่นดินจะไม่ทรงสาปแช่งพสกนิกรของพระองค์ เพราะทรงไว้ซึ่งพระเมตตาคุณ พระกรุณาธิคุณ ตลอดจนทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม

ยิ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงทศพิธราชธรรมเคร่งครัด ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐขั้นสูงในพระพุทธศาสนาแล้ว จะมีความเป็นปกติที่ไม่ทรงสาปแช่งพสกนิกรเป็นอันขาด

เพราะพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงธรรมอย่างนี้ คำสาปแช่งของพระองค์มีผลจริง และทำให้เกิดสมบัติและพิบัติได้จริง

เพราะการสาปแช่งเช่นนั้น ในทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นการกระทำอธิษฐานฤทธิ์ชนิดหนึ่งที่พลังแห่งจิตและภูมิธรรมจะบังคับการให้เป็นไป นอกจากนั้น เทพยดาอารักษ์ทั้งปวงที่รักษาแผ่นดินและพระมหากษัตริย์ก็จะบังคับการให้เป็นไปอีกทางหนึ่งด้วย

เพราะเหตุนี้คำสาปแช่งของพระเจ้าแผ่นดินนั้นจึงไม่มีด้านวิบัติอย่างเดียว แต่จะมีด้านสมบัติอยู่ด้วย นั่นคือถ้าใครทำผิดทำชั่วตามคำสาปแช่งก็จะเกิดวิบัติและความพินาศฉิบหายต่างๆ แต่ถ้าทำถูกทำดีก็จะเกิดสมบัติและสวัสดิมงคลต่างๆ

พระราชวงศ์จักรีสถาปนาขึ้นในราชอาณาจักรสยามรัฐมาบัดนี้กว่า 200 ปีแล้ว มีพระมหากษัตริย์สืบสันตติวงศ์ครองแผ่นดินต่อเนื่องมา 9 รัชกาลแล้ว มีพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงสาปแช่งผู้กระทำผิดเพียง 2 พระองค์เท่านั้น และทั้ง 2 พระองค์นี้ต่างก็ทรงทศพิธราชธรรม ทรงภูมิธรรมขั้นสูงในพระพุทธศาสนาเป็นที่ประจักษ์

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรอยต่อระหว่างการฟื้นฟูและพัฒนาการใช้ภาษาไทย ในยุคนั้นภาษาเขียนในหลายพื้นที่และในหลายส่วนงานยังใช้อักษรขอม บ้างก็เขียนเป็นภาษาบาลี บ้างก็เขียนเป็นภาษาไทยแต่ตัวหนังสือเป็นอักษรขอม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงปฏิรูปภาษาไทยครั้งใหญ่ เพื่อวางรากฐานความมั่นคงของประเทศชาติ

มีพระราชประสงค์ให้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการทั่วพระราชอาณาจักร และทั่วทุกหน่วยงาน ทรงแนะนำและทรงเข้มงวดด้วยพระองค์เองเพื่อให้การใช้ภาษาไทยเป็นไปโดยถูกต้อง

หลายครั้งหลายหนทรงแนะนำโดยทางราชการหรือไม่ก็โดยการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและหลายครั้งก็ทรงกำชับ ทรงแก้ไขข้อผิดพลาดของเหล่าขุนนางและทรงตำหนิติเตียนผู้ที่ดื้อรั้นหรือผู้ที่ทำผิดซ้ำซาก

ความเลอะเทอะปรากฏทั่วไป แม้บางทีในหมายรับสั่งก็ระบุข้อความแถมเอาตามใจว่าขุนหรือหลวงคนนั้นคนนี้หัวล้านบ้าง กลัวเมียบ้าง เป็นต้น

คนที่ทำผิดซ้ำซากในเรื่องภาษาไทยส่วนใหญ่เป็นพวกที่สึกมาจากพระ ซึ่งทรงเรียกคนพวกนี้ว่าคนวัดบ้าง คนแก่เรียนบ้าง พวกนี้ถือตนว่ามีความรู้ดีกว่าคนอื่น บัญญัติศัพท์และการใช้ภาษาไทยตามอำเภอใจของตน ทรงติทรงติงทรงเตือนเท่าใดก็ไม่ฟัง จนบางครั้งก็ทรงตำหนิให้ประจักษ์ไว้ในท้องพระโรง

เมื่อเหลืออดเข้าจึงทรงสาปแช่งคนที่ใช้ภาษาไทยผิดๆ หรือจงใจทำภาษาไทยให้วิปริต โดยทรงสาปแช่งว่าถ้าทำเช่นนั้นขอให้ผมร่วงและหัวล้าน แต่ถ้าใครใช้ภาษาไทยถูกต้อง ทำภาษาไทยให้พัฒนาถาวร ก็ทรงอวยชัยให้พรให้ผมดกผมดำ

ความทั้งนี้นอกจากมีหนังสือทางราชการแจ้งไปยังทุกหน่วยงานแล้ว ยังโปรดให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาอีกด้วย ครั้นผลัดเปลี่ยนแผ่นดินสู่ยุคของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็โปรดให้นำเอาความในราชกิจจานุเบกษานั้นมาพิมพ์เผยแพร่ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ปฏิบัติโดยถูกต้องทั่วไปทั้งพระราชอาณาจักร

นั่นเป็นครั้งหนึ่งในยุครัตนโกสินทร์ และปรากฏต่อมาว่ามีคนผมดกดำอยู่ดีๆ ก็เกิดการผมร่วงและหัวล้าน ในขณะที่ปรากฏเช่นเดียวกันว่าคนหัวล้านมานานหลายปีก็กลับมีผมดกผมดำงอกขึ้นมาใหม่

จึงเห็นได้ว่าคำสาปแช่งของพระเจ้าแผ่นดินนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในวิกฤตในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งเหลืออดเหลือทนแล้วจริงๆ เท่านั้น

มารัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติกว่า 60 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่าทรงสาปแช่งผู้ใด เพิ่งมีก็ครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ว่าฯ ซีอีโอ และจัดให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นแบบซีอีโอ

แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท่ามกลางข่าวคราวที่อื้อฉาวท่วมท้นไปทั้งแผ่นดินว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่ในทุกระดับ ทุกหน่วย ทุกส่วนและทุกพื้นที่ เป็นภยันตรายร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองและประชาชน

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ตรัสสอนเกี่ยวกับการปกครองมาช้านานแล้วว่า ต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง ต้องกำจัดขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ทรงเตือนอันตรายจากการทุจริตคอร์รัป ชัน จากการฉ้อราษฎร์บังหลวงมานับครั้งไม่ถ้วน จนแผ่นดินกำลังจะเป็นกลียุค ประชาชนตกอยู่ในทุกข์เข็ญ เป็นอันตรายที่สุดในโลก ถึงขั้นจะสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินแล้ว

คราวนั้นจึงทรงสาปแช่งคนชั่วคนโกงว่าถ้าใครโกงก็ขอให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าใครสุจริตต่อบ้านเมืองก็ให้มีความเจริญ ให้มีอายุยืนกว่าร้อยปี

คำสาปแช่งของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม ทรงธรรมอันประเสริฐขั้นสูงในพระพุทธศาสนา ย่อมมีผลจริง อานุภาพแห่งธรรมและเทพยดาอารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายย่อมบันดาลให้เป็นไปตามคำสาปแช่งของพระองค์ท่าน

วันนี้อดีตนายกรัฐมนตรีถึงสองคน รัฐมนตรีอีกหลายคน และนักการเมืองอีกหลายคนกำลังเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่เรียกได้ว่าเป็นความวิบัติ หรือเรียกได้ว่าความ “เป็นไป”

ที่ทรงสาปแช่งให้มีอันเป็นไปนั้น บางคนอาจจะไม่เข้าใจความหมาย
นี่เป็นคำโบราณ เป็นคำกว้างและลึกซึ้ง เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ มีความหมายว่าให้ประสบกับความวิบัติทั้งหลาย ความพินาศทั้งหลาย สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย และสรรพอุบาทว์ทั้งหลาย แม้ความตายอันทุกข์ทรมานหรือการถูกจองจำด้วยราชภัย ทั้งตนเองและผู้คนในครอบครัว


ดังนั้นอย่าทำเป็นเล่นไป ตัวอย่างมีให้เห็นตำตาแทบจะเป็นรายเดือนอยู่แล้ว
เพราะเหตุนี้การที่คณะรัฐมนตรีของคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ไปเข้าเฝ้าฯ และถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งแก่ชะตากรรมของตนเองและครอบครัว ตลอดจนชะตากรรมของบ้านเมืองและประชาชน

จะทำเป็นเรื่องแค่พิธีกรรมพิธีการหรือผ่านไปคราวหนึ่งๆ โดยไม่คำนึงถึงการปฏิบัติที่เป็นจริงไม่ได้เป็นอันขาด ความพินาศและความวิบัติฉิบหายจะบังเกิดเป็นแม่นมั่น

คณะรัฐมนตรีจะต้องสำนึกไว้เหนือเกล้าว่าเพราะเหตุที่ได้ถวายสัตย์จึงสามารถเข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งหน้าที่นั้นได้ หากไม่ถวายสัตย์ก็ไม่สามารถเข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ได้เลย นี่เป็นผลโดยรัฐธรรมนูญและความจริงก็เป็นคำมั่นสัญญาที่พระสยามเทวาธิราช ตลอดจนเทพยดาอารักษ์ได้เป็นประจักษ์พยานอยู่เบื้องหน้าพระมหากษัตริย์ด้วย

นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยได้ถวายสัตย์เป็นพันธสัญญาต่อหน้าพระเจ้าแผ่นดิน โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาอารักษ์ทั้งหลายเป็นประจักษ์พยานไว้สามสถานคือ

หนึ่ง จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
สอง จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
สาม จะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือนคณะรัฐมนตรีในโอกาสดังกล่าวว่า “ในสมัยนี้ไม่ใช่ง่ายที่จะปฏิบัติงานรัฐบาลเพื่อที่จะให้บ้านเมืองมีความเจริญ และก็ให้ประชาชนได้รับความเจริญ เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองให้สำเร็จโดยแท้”

คณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะต้องพิจารณาโดยแยบคายว่าเหตุใดจึงทรงตรัสเตือนว่า “ไม่ใช่ง่าย”

ที่ไม่ง่ายเพราะมีอุปสรรคขัดขวางไม่ใช่หรือ? อุปสรรคนั้นคืออันใดเล่า?

คือความแตกแยกในชาติ ที่คนพวกหนึ่งมุ่งจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่อีกพวกหนึ่งหมายล้มล้างสถาบันทั้งหลาย มุ่งสถาปนาสาธารณรัฐแทนราชอาณาจักรไม่ใช่หรือ?

คือความแตกแยกในชาติ ที่คนพวกหนึ่งเคลื่อนไหวต่อต้านการฉ้อฉลปล้นชาติและการฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่อีกพวกหนึ่งคิดแต่จะฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินข่มเหงรังแกราษฎรไม่ใช่หรือ?

คือความแตกแยกในชาติ เพราะพวกหนึ่งทำการโดยมุ่งหวังประโยชน์ตนและพวกพ้อง หมายยึดครองแผ่นดินเป็นของตน โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง แต่อีกพวกหนึ่งต้องการกอบกู้ฟื้นฟูชาติ มุ่งสร้างการเมืองใหม่ที่เป็นประโยชน์สุขแก่มหาชน โดยธำรงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมืองโดยเสมอภาค

ทั้งสามอย่างนี้เป็นอย่างน้อยคืออุปสรรคและต้นเหตุของความไม่ง่าย จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะต้องปฏิบัติตามคำถวายสัตย์อย่างเคร่งครัด จริงจัง และจริงใจ

และถ้าปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำชับแล้ว ปัญหาทั้งหลายก็จะได้รับการแก้ไขให้ตกไป ความเจริญและความเป็นสิริมงคลย่อมบังเกิดขึ้น

แต่ถ้าตระบัดสัตย์ที่ได้ถวายสัตย์ไว้ต่อหน้าพระพักตร์ โดยมีเทพยดาอารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นประจักษ์พยานแล้ว ก็ต้องมีอันเป็นไปตามคำสาปแช่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแน่นอน

คณะรัฐมนตรีชุดนี้พอเริ่มตั้งก็ถูกผู้คนทั้งปวงร้องเสียงยี้ และปรามาสว่าส่วนใหญ่เป็นพวกมือไว ใจกล้า หน้าด้าน กล้าหาญติดตะรางได้ทุกเมื่อ ซึ่งต้องถือว่าเป็นความอัปยศอดสูของคนไทยทั้งปวง

คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จึงต้องปฏิบัติตนเอง ทั้งต้องกำกับ กำชับ คณะรัฐมนตรีของท่านให้ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่ได้ถวายไว้ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเคร่งครัดทุกเมื่อ ก็จะกำจัดคำปรามาสทั้งปวง และถึงซึ่งความเจริญงอกงามในการบริหารราชการแผ่นดินได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น