รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พอเริ่มตั้ง เสียงดังยี้ก็ก้องกระหึ่มไปทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะคนที่ดึงมาเป็นรัฐมนตรีแต่ละคนนั้น ใครเห็นก็ตราหน้าได้ว่าไม่ใช่คนที่จะมาเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
แต่เป็นกลุ่มคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกหุ่นเชิดของระบอบทุนสามานย์ ที่ถูกเอาออกมาแสดงเพื่อรักษาประโยชน์ของระบอบทุนสามานย์เท่านั้น
มีเสียงปรามาสอย่างกว้างขวางว่าบรรดารัฐมนตรีนั้นล้วนเป็นคนจำพวกที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือมือไว ใจกล้า หน้าด้าน กล้าเสี่ยงตะราง คือให้ทำอะไรก็ได้ไม่ว่าจะชั่วดีประการใด ขอให้ถูกใจนายใหญ่และนายหญิงก็เป็นพอ
ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่ผู้คนจะดูถูกเหยียดหยามปรามาสอย่างน่าสมเพชถึงปานนี้!แต่จะไปห้ามใจคนไทยย่อมไม่ได้เพราะมันมีเหตุมีที่มาที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องคิด ต้องมอง และต้องปรามาสอย่างนั้น
ก็จำนวนมากในคณะรัฐมนตรีเคยมีภาพลักษณ์และผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งผู้คนยังจดจำได้ไม่ลืมเลือนว่าเป็นแค่หุ่นเชิดที่ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย หรือมีความคิดจิตใจที่จะทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเลย
และจำนวนมากเหมือนกันที่เป็นพวกด่างพร้อย มีรอยเปรอะเปื้อนที่เน่าเหม็น ไม่ว่ากำลังตกเป็นจำเลยในคดีอาญาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง หรือตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาซึ่ง ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบไต่สวน หรือกำลังอยู่ในข่ายที่จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง เนื่องจากเข้ามาสู่อำนาจเพราะการโกงเลือกตั้ง
และจำนวนหนึ่งก็เป็นพวกมีปัญหามลทินทางด้านการศึกษาหรือคุณสมบัติ ไม่ว่าด้วยการปลอมคุณวุฒิหรือแปลงคุณวุฒิ หรือมีพฤติการณ์ที่ล้มเหลวในชีวิตตลอดมา มาเงยหน้าอ้าปากได้เพราะยอมกลายตนเองไปเป็นทาสทางการเมือง
อีกจำนวนหนึ่งก็เป็นพวกไร้วุฒิภาวะ คือเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบ้าง เป็นวงวานว่านเครือในครอบครัวบ้าง หรือเป็นแค่มือปืนรับจ้างบ้าง คนเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำอะไรก็ได้ที่จะก่อเกิดประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง
ดังนั้นการถูกปรามาสว่าเป็นพวกมือไว ใจกล้า หน้าด้าน กล้าเสี่ยงตะราง จึงไม่ไกลจากความจริง
เพราะเหตุนี้คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงเป็นคณะที่ผู้คนร้องยี้ทั้งเมือง และไม่มีใครเชื่อถือศรัทธาว่าจะแก้ไขปัญหาของชาติได้
ในวันเข้าเฝ้าถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตรัสว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งทรงย้ำให้ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณด้วย
ก็เพราะคนเหล่านี้แค่เห็นหน้าค่าตาก็ดูออกว่าเชื่อถืออะไรไม่ได้ และอาจตระบัดสัตย์เมื่อใดก็ได้ ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่ากระแสพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าที่พระราชทานนั้นจะกำกับใจให้สำนึกในความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน
ต้องตั้งหน้าทำการสนองพระเดชพระคุณตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้ให้เต็มที่
คณะรัฐมนตรีชุดนี้แค่เริ่มต้นก็มีปัญหาเรื่องจริยธรรม เรื่องคุณธรรม เรื่องความเชื่อถือศรัทธา ซึ่งเป็นตัวปัญหาที่เกิดแต่ภายในของรัฐบาลเอง เหมือนกับมอดหรือปลวกที่บังเกิดขึ้นแล้วย่อมเกาะกินกัดกร่อนจนพังพินาศไปในที่สุด
สร้างภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ปรองดองอยู่ได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันที่จะได้เข้าทำหน้าที่ ภาพที่สร้างนั้นก็พังทะลาย เหมือนเจดีย์ทรายที่ถูกฝนตกใส่ไม่มีผิด
ผลโพลกี่โพลต่อกี่โพลก็ออกมาตรงกันว่าคนไทยเป็นห่วงเป็นใยว่าคนพวกนี้จะเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้องยิ่งกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ไม่มีรัฐบาลไหนเลยที่จะอยู่ได้หรือทำงานได้ถ้าหากว่าประชาชนไม่เชื่อถือศรัทธาและตั้งข้อรังเกียจแบบนี้
ประเดิมก็เห็นถึงความทุเรศทุรังอย่างชัดเจน นั่นคือคณะรัฐมนตรีชุดนี้ไม่มีสักคนเดียวที่มีความรู้ สติปัญญา หรือความสามารถในการเขียนนโยบายของรัฐบาล
พูดง่าย ๆ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะไม่มีปัญญาที่จะเขียนนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติได้
ตั้งแต่ไก่โห่จึงมีข่าวว่าคนที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของพรรคตัวจริงให้เขียนนโยบายของรัฐบาลคือนายนพดล ปัทมะ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาแถลงยอมรับว่าเป็นผู้เขียนนโยบายสูตรปุ๋ยด้วยตนเอง
ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อสภาจึงไม่ใช่ความคิดความต้องการที่จะบริหารราชการแผ่นดินใด ๆ ของคนในคณะรัฐบาลเลย
เป็นนโยบายที่ถูกเขียนขึ้นจากคนนอกรัฐบาล ที่ไม่มีอำนาจและหน้าที่เขียนนโยบายของรัฐบาล
โดยเฉพาะคนที่เขียนนโยบายนี้คือคนที่เป็นต้นเหตุ ต้นตอ ในกรณีการเสียดินแดนเขาพระวิหาร และสร้างปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีข้อกล่าวหาด้วยว่ายกอธิปไตยของชาติแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ของนักการเมืองใหญ่บางคน
จึงเกิดข้อครหาเรื่องการขายชาติ ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน และเรื่องราวกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบไต่สวนของ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้ แต่ที่จบสิ้นไปแล้วก็คือการกระทำนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เอาคนที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมิใช่คนในรัฐบาล แต่อาจทำการตามคำสั่งของคนนอกที่หนีอาญาแผ่นดินอยู่มาเขียนนโยบายของรัฐบาล
ดังนั้นนโยบายสูตรปุ๋ยที่เกิดจากน้ำมือของนายนพดล ปัทมะ จึงเป็นนโยบายเถื่อนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นอนุสรณ์แห่งความอัปยศ โง่เขลาเบาปัญญา และไม่รับผิดชอบของรัฐบาลนี้โดยแท้
ไม่ต้องดูว่าเนื้อตัวนโยบายสูตรปุ๋ยเป็นอย่างไร ก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เชื่อไม่ได้ทั้งนั้น เนื่องจากงาช้างนั้นไม่มีวันงอกจากปากสุนัขเป็นอันขาด!
แต่เป็นกลุ่มคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกหุ่นเชิดของระบอบทุนสามานย์ ที่ถูกเอาออกมาแสดงเพื่อรักษาประโยชน์ของระบอบทุนสามานย์เท่านั้น
มีเสียงปรามาสอย่างกว้างขวางว่าบรรดารัฐมนตรีนั้นล้วนเป็นคนจำพวกที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือมือไว ใจกล้า หน้าด้าน กล้าเสี่ยงตะราง คือให้ทำอะไรก็ได้ไม่ว่าจะชั่วดีประการใด ขอให้ถูกใจนายใหญ่และนายหญิงก็เป็นพอ
ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่ผู้คนจะดูถูกเหยียดหยามปรามาสอย่างน่าสมเพชถึงปานนี้!แต่จะไปห้ามใจคนไทยย่อมไม่ได้เพราะมันมีเหตุมีที่มาที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องคิด ต้องมอง และต้องปรามาสอย่างนั้น
ก็จำนวนมากในคณะรัฐมนตรีเคยมีภาพลักษณ์และผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งผู้คนยังจดจำได้ไม่ลืมเลือนว่าเป็นแค่หุ่นเชิดที่ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย หรือมีความคิดจิตใจที่จะทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเลย
และจำนวนมากเหมือนกันที่เป็นพวกด่างพร้อย มีรอยเปรอะเปื้อนที่เน่าเหม็น ไม่ว่ากำลังตกเป็นจำเลยในคดีอาญาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง หรือตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาซึ่ง ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบไต่สวน หรือกำลังอยู่ในข่ายที่จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง เนื่องจากเข้ามาสู่อำนาจเพราะการโกงเลือกตั้ง
และจำนวนหนึ่งก็เป็นพวกมีปัญหามลทินทางด้านการศึกษาหรือคุณสมบัติ ไม่ว่าด้วยการปลอมคุณวุฒิหรือแปลงคุณวุฒิ หรือมีพฤติการณ์ที่ล้มเหลวในชีวิตตลอดมา มาเงยหน้าอ้าปากได้เพราะยอมกลายตนเองไปเป็นทาสทางการเมือง
อีกจำนวนหนึ่งก็เป็นพวกไร้วุฒิภาวะ คือเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบ้าง เป็นวงวานว่านเครือในครอบครัวบ้าง หรือเป็นแค่มือปืนรับจ้างบ้าง คนเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำอะไรก็ได้ที่จะก่อเกิดประโยชน์แก่ตนและพวกพ้อง
ดังนั้นการถูกปรามาสว่าเป็นพวกมือไว ใจกล้า หน้าด้าน กล้าเสี่ยงตะราง จึงไม่ไกลจากความจริง
เพราะเหตุนี้คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงเป็นคณะที่ผู้คนร้องยี้ทั้งเมือง และไม่มีใครเชื่อถือศรัทธาว่าจะแก้ไขปัญหาของชาติได้
ในวันเข้าเฝ้าถวายสัตย์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงตรัสว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งทรงย้ำให้ปฏิบัติตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณด้วย
ก็เพราะคนเหล่านี้แค่เห็นหน้าค่าตาก็ดูออกว่าเชื่อถืออะไรไม่ได้ และอาจตระบัดสัตย์เมื่อใดก็ได้ ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่ากระแสพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าที่พระราชทานนั้นจะกำกับใจให้สำนึกในความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน
ต้องตั้งหน้าทำการสนองพระเดชพระคุณตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้ให้เต็มที่
คณะรัฐมนตรีชุดนี้แค่เริ่มต้นก็มีปัญหาเรื่องจริยธรรม เรื่องคุณธรรม เรื่องความเชื่อถือศรัทธา ซึ่งเป็นตัวปัญหาที่เกิดแต่ภายในของรัฐบาลเอง เหมือนกับมอดหรือปลวกที่บังเกิดขึ้นแล้วย่อมเกาะกินกัดกร่อนจนพังพินาศไปในที่สุด
สร้างภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ปรองดองอยู่ได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันที่จะได้เข้าทำหน้าที่ ภาพที่สร้างนั้นก็พังทะลาย เหมือนเจดีย์ทรายที่ถูกฝนตกใส่ไม่มีผิด
ผลโพลกี่โพลต่อกี่โพลก็ออกมาตรงกันว่าคนไทยเป็นห่วงเป็นใยว่าคนพวกนี้จะเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้องยิ่งกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ไม่มีรัฐบาลไหนเลยที่จะอยู่ได้หรือทำงานได้ถ้าหากว่าประชาชนไม่เชื่อถือศรัทธาและตั้งข้อรังเกียจแบบนี้
ประเดิมก็เห็นถึงความทุเรศทุรังอย่างชัดเจน นั่นคือคณะรัฐมนตรีชุดนี้ไม่มีสักคนเดียวที่มีความรู้ สติปัญญา หรือความสามารถในการเขียนนโยบายของรัฐบาล
พูดง่าย ๆ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะไม่มีปัญญาที่จะเขียนนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติได้
ตั้งแต่ไก่โห่จึงมีข่าวว่าคนที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของพรรคตัวจริงให้เขียนนโยบายของรัฐบาลคือนายนพดล ปัทมะ ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาแถลงยอมรับว่าเป็นผู้เขียนนโยบายสูตรปุ๋ยด้วยตนเอง
ดังนั้นนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อสภาจึงไม่ใช่ความคิดความต้องการที่จะบริหารราชการแผ่นดินใด ๆ ของคนในคณะรัฐบาลเลย
เป็นนโยบายที่ถูกเขียนขึ้นจากคนนอกรัฐบาล ที่ไม่มีอำนาจและหน้าที่เขียนนโยบายของรัฐบาล
โดยเฉพาะคนที่เขียนนโยบายนี้คือคนที่เป็นต้นเหตุ ต้นตอ ในกรณีการเสียดินแดนเขาพระวิหาร และสร้างปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีข้อกล่าวหาด้วยว่ายกอธิปไตยของชาติแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ของนักการเมืองใหญ่บางคน
จึงเกิดข้อครหาเรื่องการขายชาติ ปล้นชาติ ปล้นแผ่นดิน และเรื่องราวกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบไต่สวนของ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้ แต่ที่จบสิ้นไปแล้วก็คือการกระทำนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เอาคนที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมิใช่คนในรัฐบาล แต่อาจทำการตามคำสั่งของคนนอกที่หนีอาญาแผ่นดินอยู่มาเขียนนโยบายของรัฐบาล
ดังนั้นนโยบายสูตรปุ๋ยที่เกิดจากน้ำมือของนายนพดล ปัทมะ จึงเป็นนโยบายเถื่อนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นอนุสรณ์แห่งความอัปยศ โง่เขลาเบาปัญญา และไม่รับผิดชอบของรัฐบาลนี้โดยแท้
ไม่ต้องดูว่าเนื้อตัวนโยบายสูตรปุ๋ยเป็นอย่างไร ก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เชื่อไม่ได้ทั้งนั้น เนื่องจากงาช้างนั้นไม่มีวันงอกจากปากสุนัขเป็นอันขาด!