xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งงาบกล้ายางขึ้นศาลนัดแรกให้เวลา 2 เดือนหาหลักฐานสู้คดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมคิด–เนวิน กับพวก 44 คน ขึ้นศาลฎีกานักการเมืองปฏิเสธ คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น 1,440 ล้านบาท ศาลให้เวลาจำเลย 2 เดือน ตรวจเอกสารกว่าหมื่นแผ่นของ คตส. เพื่อเตรียมยื่นบัญชีพยาน-แนวทางสู้คดี นัดตรวจพยานหลักฐาน16–18 ธ.ค.นี้ "สมคิด"ให้กำลังใจครม.ชุดใหม่ ระบุรมว.คลังคนใหม่ ต้องประสานได้ทุกฝ่าย "ยี้ห้อย"ปิดปากเงียบ

วานนี้ ( 23 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายบุญรอด ตันประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.4/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์แทน คตส. ยื่นฟ้อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบาย และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ในฐานะ คชก. นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ นายสรอรรถ กลิ่นปทุม อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอดิศัย โพธารามิก อดีตรมว.พาณิชย์ ในฐานะ คชก. กับพวก รวม 44 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการกลั่นกรองเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2 , กลุ่ม คชก. , กลุ่มคณะกรรมการบริหารโครงการกำหนดทีโออาร์ , คณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา , บริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์จำกัด ในเครือซีพี , บริษัทรีสอร์ทแลนด์จำกัด และ บริษัทเอกเจริญการเกษตร จำกัด เป็นจำเลยในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้ไปทรัพย์สินอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.151, 157, 341, ประกอบ มาตรา 83, 84, 86, 90 และ 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9-13 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11

โดยองค์คณะได้อ่านสรุปคำฟ้องโจทก์จากจำนวน 63 หน้า ระบุว่า ในส่วนของ จำเลยที่ 1-3 และ 5-18 ซึ่งเป็นกลุ่ม คชก. ว่าเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 46 จำเลยร่วมกันมีมติ อนุมัติยกเว้นมติของ คชก.ครั้งที่ 1/2534 ลงวันที่ 15 ต.ค. 34 และมีมติอนุมัติเงินจำนวน 1,440 ล้านบาท เพื่อให้กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการกำหนดเขตปลูกยางพาราใหม่ในพื้นที่ 1 ล้านไร่ โดยให้การดำเนินจัดหาต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มาเพื่อดำเนินโครงการ ซึ่งให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ( สกย.) นำต้นกล้าแจกให้เกษตรกร

โดยการดำเนินโครงการนั้นให้ใช้เงินของกองทุนรวมเกษตรกรที่ให้มีการผ่อนชำระเงินคืนภายในระยะเวลา 15 ปี อันเป็นมติที่ขัดต่อข้อ 19 (5) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมของเกษตรกร พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ.2543 และ พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ.2503 มาตรา 18 ซึ่งเป็นมติที่มิชอบทำให้กองทุนรวมเกษตรกรได้รับความเสียหายจากการปล่อยเงินเป็นจำนวน 1,440 ล้านบาท โดยการกระทำของจำเลยที่ 1-3 และ 5-18 ทำผิด ป.อาญา ม.151, 157, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรรัฐฯ

จำเลยที่ 4 และ 19-26 ในฐานะเป็นกรรมการบริหารโครงการและกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา และจำเลยที่ 27-44 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เสนอราคาและผู้ชนะประมูลราคา โดยระหว่างวันที่ 27 มี.ค. – 6 พ.ย. 49 จำเลยที่ 4 ซึ่งได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 3 ได้ขออนุมัติโครงการดังกล่าวต่อคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. ที่มีจำเลยที่ 1 เป็นประธาน เพื่อยกระดับและความมั่นคงของเกษตรกร โดยให้มีการปล่อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจำนวน 1,440 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการซื้อต้นกล้ายางแจกให้กับเกษตรกร โดยการเสนอดังกล่าวไม่ชอบ และจำเลยที่ 4 ยังได้อนุมัติให้จำเลยที่ 30 ดำเนินโครงการดังกล่าว แล้วเบิกเงินล่วงหน้าจำนวน 200 ล้านบาท ให้กับจำเลยที่ 30 ซึ่งเป็นการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 โดยการกระทำของจำเลย 19-26 ในฐานะเป็นกรรมการบริหารโครงการและกรรมการพิจารณาผลประกวดราคายังได้ร่วมกันมุ่งเอื้อผลประโยชน์ให้กับจำเลยที่ 30-32 ได้เป็นผู้เสนอราคาทั้งที่ขาดคุณสมบัติ เพราะมีความสัมพันธ์กันในเชิงบริหารและทุนธุรกิจ อีกทั้งไม่ได้เป็นผู้มีประสบการณ์หรือเกี่ยวข้องกับการจัดทำต้นกล้ายาง

จงใจยื่นหลักฐานประกวดราคาอันเป็นเท็จมีเจตนาปกปิดแปลงเพาะกล้ายาง รวมทั้งยังได้มีการกำหนดเงื่อนไขและเปลี่ยนแปลงวันประกวดราคา จนได้เปรียบเอกชนผู้เสนอราคารายอื่น ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ จึงเป็นการกีดกัน สร้างความไม่เป็นธรรมในการเสนอราคากับหน่วยงานของรัฐ การกระทำของจำเลยที่ 4 , 9-26 และ30-32 เป็นการทำผิดตาม ป.อาญา ม.157 และ 341 พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ ม.4, 9-12

การกระทำของจำเลยที่ 1-44 เป็นการทำให้จำเลยที่ 30 ได้รับเงินจากกองทุนรวมจำนวน 1,168 ล้านบาทเศษ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหมดตามกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยที่ 1-5 ต่อจากคดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 คดีทุจริตโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) และให้จำเลยทั้ง 44 รวมกันหรือใช้แทนเงินจำนวน 1,168 ล้านบาทเศษ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 30 ได้รับเงินไป คิดเป็นเงินจำนวน 248 ล้านบาทเศษ นับแต่วันฟ้อง และต่อไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จากนั้นศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้ง 44 คน ว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ จำเลยทั้ง 44 คน ได้ให้การปฏิเสธ และยื่นคำให้การปฏิเสธเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจำเลยที่ 1-5 ได้รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับ จำเลยที่ 3, 10, 13, 14 และ 21 ในคดี อม.1/2551 (หวยบนดิน) ของศาลนี้ ส่วนที่จำเลยทั้ง 44 คน ยกเว้นจำเลยที่ 7 และ 13 ที่ยังไม่ได้แต่งตั้งทนายความ ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังจำเลยนั้น ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 10

ทั้งนี้ ศาลยังได้ชี้แจงให้จำเลย และทนายความทราบถึงระบบการพิจารณาคดี ว่าเนื่องจากคดีมีความซับซ้อน และมีเอกสารจำนวนมากกว่า 1 หมื่นแผ่น ซึ่งศาลใช้ระบบไต่สวนที่องค์คณะเป็นผู้ดำเนินการสอบถามหาข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี ศาลจึงจะให้เวลาจำเลยทั้ง 44 คน เป็นเวลา 2 เดือน ในการตรวจสอบหลักฐานเอกสารของโจทก์ก่อนนัดตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อยื่นบัญชีรายชื่อพยานจำเลยทั้ง 44 คนประสานกับเจ้าหน้าที่ธุรการศาลในการเข้าตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องจริงจังที่จะให้จำเลยทั้ง 44 ตรวจสอบเอกสารหลักฐานของโจทก์ให้เสร็จสิ้น เพื่อพร้อมยื่นบัญชีระบุจำนวนพยานว่าประสงค์จะนำเข้าไต่สวนกี่ปากพร้อมเหตุผล และแนวทางการสู้คดีว่าจะต่อสู้ในประเด็นใดบาง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในประเด็นที่ปรากฏในสำนวนแล้ว และหากพยานเอกสารหรือพยานวัตถุใดอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น ให้คู่ความขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานมาจากบุคคลนั้นให้ทันก่อนวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 16-18 ธ.ค. นี้ เวลา 10.00 น. และให้คู่ความยื่นบัญชีพยานและแนวทางต่อสู้คดีก่อนวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานไม่น้อยกว่า 7 วัน

ภายหลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายก ฯ กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า ต้องการให้กำลังใจทุกคนในการทำงาน เพราะประเทศเรากำลังได้รับผกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีหากไม่ประมาท คิดว่าประเทศไทยน่าจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ เพราะประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และมีประสบการณ์จากเมื่อครั้งวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ส่วน รมว.คลังนั้น ตนเห็นว่า ผู้ที่จะมาเป็นต้องมีคุณสมบัติที่จะประสานงานได้กับทุกฝ่าย เพื่อจะนำประเทศไปสู่จุดมุ่งหมายให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น