ผู้จัดการรายวัน – คลังเผยแผนระดมทุนปี 52 กู้เงินจากตลาดในประเทศ 4.3 แสนล้านบาท ออกพันธบัตรรัฐบาล 6 รุ่น 2.33 แสนล้าน พันธบัตรออมทรัพย์ 6 หมื่นล้าน ระบุหลังหารือกับนักลงทุนพบว่ามีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลต้องการระดมทุนจากตลาดเงินในประเทศทั้งสิ้น 435,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 249,500 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 175,200 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ 11,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากแผนความต้องการกู้เงินของรัฐบาลในปีงบ 2552 ยังไม่รวมความต้องการระดมทุนจากรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งสบน.จะต้องไปศึกษารายละเอียดเพื่อกำหนดรายละเอียดการขอกู้เงินในภายหลัง
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า จากความต้องการระดมทุนดังกล่าว สบน.จึงได้จัดทำแผนการออกพันธบัตรรัฐบาลในปีงบ 2552 จะมีวงเงินทั้งสิ้น 233,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 รุ่น ทั้งรุ่นอายุ 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี และ 30 ปี ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์มีทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 รุ่น รุ่นละ 10,000-15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ออมแยกเป็น 2 ประเภท คือพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไป และพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ สำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น เพื่อเยาวชน เพื่อการศึกษา เพื่อผู้สูงอายุ และเพื่อภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีแผนระดมทุนแบบอื่น ทั้งตั๋วสัญญาใช้เงิน 43,000 ล้านบาท ตั๋วเงินคลัง 63,500 ล้านบาท และยังมีวงเงินเหลืออีก 36,000 ล้านบาทที่จะประกาศเครื่องมือที่ใช้ในการระดมทุนต่อไป
ทั้งนี้จากการหารือระหว่างสบน.และผู้ร่วมตลาดตราสารหนี้ เช่น ธนาคารพาณิชย์และนักลงทุนสถาบัน พบว่าตลาดมีสภาพคล่องเพียงพอสามารถรองรับแผนการออกพันธบัตรของรัฐบาลได้ทั้งสี่แสนกว่าล้านบาท เพียงแต่เสนอให้รัฐบาลจัดทำแผนชัดเจนเพื่อการวางแผนเตรียมเงินสดเพื่อลงทุนในพันธบัตรตามเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ต้องการให้สบน.รวมรุ่นพันธบัตรเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
นายพงษ์ภาณุ กล่าวด้วยว่า แม้ปีนี้จะเกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ แต่จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยืนยันว่าสามารถรองรับความต้องการกู้เงินของรัฐบาลในปีหน้าได้ ทั้งนี้การออกพันธบัตรในปีงบ 2552 ยืนยันจะออกเฉพาะตลาดในประเทศเท่านั้น แต่จะมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศเช่นเจบิก และเอดีบีหรือธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย จำนวน 2.5 พันล้านเหรียญ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลต้องการระดมทุนจากตลาดเงินในประเทศทั้งสิ้น 435,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 249,500 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 175,200 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อ 11,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากแผนความต้องการกู้เงินของรัฐบาลในปีงบ 2552 ยังไม่รวมความต้องการระดมทุนจากรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งสบน.จะต้องไปศึกษารายละเอียดเพื่อกำหนดรายละเอียดการขอกู้เงินในภายหลัง
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า จากความต้องการระดมทุนดังกล่าว สบน.จึงได้จัดทำแผนการออกพันธบัตรรัฐบาลในปีงบ 2552 จะมีวงเงินทั้งสิ้น 233,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 รุ่น ทั้งรุ่นอายุ 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี และ 30 ปี ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์มีทั้งสิ้น 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 รุ่น รุ่นละ 10,000-15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ออมแยกเป็น 2 ประเภท คือพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไป และพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษ สำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น เพื่อเยาวชน เพื่อการศึกษา เพื่อผู้สูงอายุ และเพื่อภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีแผนระดมทุนแบบอื่น ทั้งตั๋วสัญญาใช้เงิน 43,000 ล้านบาท ตั๋วเงินคลัง 63,500 ล้านบาท และยังมีวงเงินเหลืออีก 36,000 ล้านบาทที่จะประกาศเครื่องมือที่ใช้ในการระดมทุนต่อไป
ทั้งนี้จากการหารือระหว่างสบน.และผู้ร่วมตลาดตราสารหนี้ เช่น ธนาคารพาณิชย์และนักลงทุนสถาบัน พบว่าตลาดมีสภาพคล่องเพียงพอสามารถรองรับแผนการออกพันธบัตรของรัฐบาลได้ทั้งสี่แสนกว่าล้านบาท เพียงแต่เสนอให้รัฐบาลจัดทำแผนชัดเจนเพื่อการวางแผนเตรียมเงินสดเพื่อลงทุนในพันธบัตรตามเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ต้องการให้สบน.รวมรุ่นพันธบัตรเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
นายพงษ์ภาณุ กล่าวด้วยว่า แม้ปีนี้จะเกิดวิกฤติการเงินในสหรัฐ แต่จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยืนยันว่าสามารถรองรับความต้องการกู้เงินของรัฐบาลในปีหน้าได้ ทั้งนี้การออกพันธบัตรในปีงบ 2552 ยืนยันจะออกเฉพาะตลาดในประเทศเท่านั้น แต่จะมีการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศเช่นเจบิก และเอดีบีหรือธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย จำนวน 2.5 พันล้านเหรียญ