ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมเกือบจะเผลอขึ้นต้นว่า “พี่น้อง...” ซะแล้ว เพราะหมู่นี้เข้าใกล้พันธมิตรฯ มากไปหน่อย บ่ายวันอาทิตย์นี้ก็ไป ทั้งนี้ด้วยผมเป็นคนไม่เล่นตัว มัวแต่รักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องหรือความเป็นกลางของตัวเอง เพราะผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เรื่องการล้มล้าง การเมืองเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองฟาสซิสต์ของทักษิณ และโปรโต ฟาสซิสต์ของสมัคร และการสืบสันดานโดยนายสมชาย อดีตนักกฎหมายที่ทำลายกฎหมายหรือทำเป็นไม่รู้กฎหมาย ผู้ที่ผมออกชื่อทั้งสามคนนี้ล้วนแต่รู้เห็นเป็นใจในการกดดันศาล ประวิงความยุติธรรม ใช้กลไกของรัฐ เช่นตำรวจและอันธพาลในอนุเคราะห์ของพรรคข่มขู่และเข่นฆ่าประชาชน รวมทั้งครอบงำสื่อเพื่อปิดหูปิดตาโกหกปกปิดบิดเบือนมิให้ประชาชนใช้เสรีภาพในการเรียนรู้และรับรู้ข่าวสารที่ครบถ้วนเที่ยงตรงได้ อันเป็นลักษณะของรัฐบาลฟาสซิสต์ดีๆนี่เอง
บ่ายวันอาทิตย์นี้ พันธมิตรฯ เชิญให้ผมและเพื่อนนักวิชาการไปให้ความเห็นเรื่อง การเมืองใหม่ การเมืองใหม่ ของพันธมิตรฯ มีรายละเอียดอย่างไรผมไม่แจ้ง เพราะไม่เคยคุยกัน ASTV ผมก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่งแล้วแต่โอกาส แต่พอได้คุยกับแกนนำพันธมิตรฯ แล้ว ผมรู้สึกว่าแกนนำมีความรู้ความเข้าใจและเต็มใจจะปรับปรัชญาและสาระของการเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับปัญหาและความเป็นจริงทางการเมืองไทย โดยเน้นความเป็นไปไม่ได้ของระบบพรรคและการเลือกตั้งแบบเก่าที่ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ และคดโกงกอบโกยกันอย่างมโหฬารไม่มีที่สิ้นสุด จนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเกิดขึ้นมิได้
การเมืองใหม่ ที่พันธมิตรฯ มุ่งมั่นจะต่อสู้ให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่จะสร้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริงให้สำเร็จ โดยเน้นการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกระดับและทุกภาคส่วนเป็นประจำ
เมื่อวานนี้ ผมได้รับอีเมลจากสุภาพสตรีสูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ตัวท่านเองและสามีเป็นบุคคลสำคัญตัวอย่างของประเทศไทยที่ผมเคารพนับถือมานาน ท่านทั้งสองมิใช่พันธมิตรฯ แต่เป็นพลังไม่เงียบที่สนับสนุนพันธมิตรฯ สุดๆ
ท่านได้ส่งข้อความเป็นคำถามมาในอีเมลว่า
สมมติเล่นๆ ว่าวันนี้ไม่มีพันธมิตรฯ ???
ถ้าสมมติวันนี้ไม่มีพันธมิตรฯ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง????? ซึ่งก็อาจที่จะถูกใจใครบางคน
1. รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยไม่มีใครขัดขวาง
2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการแก้ไขในส่วนสำคัญซึ่งรัฐบาลประกาศไว้แล้วคือ ให้มีมาตรายุบพรรค นั่นหมายถึงพรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมา ก็จะรอดจากการโดนยุบพรรคโดยฉับพลัน
3. ให้บ้านเลขที่ 111 กลับมาเป็น ส.ส.ได้
4. กฎหมายที่คณะปฏิวัติประกาศมาให้เป็นโมฆะ นั่นหมายถึงการแต่งตั้ง คตส. ด้วยทำให้คดี ทักษิณ เป็นโมฆะทั้งหมด เพราะถือว่าเป็นการฟ้องโดยหน่วยงานที่ผิดกฎหมายจากรัฐธรรมนูญใหม่และคตส.ที่ถูกฟ้องอยู่หลายสิบคดีก็จะแพ้หมดด้วยรัฐธรรมนูญใหม่
5. เงินที่ยึดจากทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ก็จะต้องคืนเจ้าของไป โดยปริยาย ลองคิดเล่นๆ เอา 7.6 หมื่นล้านบาท หารด้วย ประชาชนชาวไทย 76 ล้านคนจะสามารถเอามาแจกคนไทยได้ทุกคนคนละ 1,000 บาท เยอะมากนะ แต่จริงๆ ทักษิณเค้าก็คงไม่โกงต่อคนไทยขนาดนั้นหรอก ก็อาจจะแค่เอาจากคนไทยหัวละ 1,000 บาทเท่านั้นเอง
6. เมกะโปรเจกต์ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านๆ บาท จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วคิดว่าจะไม่มีการคอร์รัปชันเหรอ ที่มีโครงการก็เพื่อเหตุนี้เท่านั้นแหละ ดูอย่างกรณีสร้างรัฐสภาใหม่ เกียกกาย ก็แล้วกัน และคนในธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นคนของคุณหมักทั้งนั้น เงินของประเทศจะหมด ภาษีจะขึ้น สุดท้ายประชาชนก็เดือดร้อน
7. ราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงก็ได้แต่โทษ ราคาน้ำมันตลาดโลกกันไป แล้วเศรษฐกิจไทยก็จะล่ม เพราะธุรกิจขนาดย่อมไม่สามารถแบกรับราคาน้ำมันได้ขนาดนั้น ของก็จะราคาแพงขึ้นสุดท้ายประชาชนก็จะเดือดร้อน
ท่านที่เป็นสามีสรุปว่า การเมืองใหม่จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่อย่าขู่ให้ผู้คนตกใจก็แล้วกัน เพราะคนไทยขวัญอ่อน เชื่อคำลือง่ายๆ แต่ท่านเห็นว่า การเมืองเก่าแบบทักษิณนั้นจะกลับมาอีกไม่ได้ และคนไทยจะต้องร่วมกันต่อสู้ขัดขวางจนสุดฤทธิ์
ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่านคำแถลงเรื่องผลของการปรึกษาหารือเรื่องการเมืองใหม่ครั้งที่ 1 แล้ว ถ้ายังท่านอาจจะกลับไปอ่านออนไลน์หรือผู้จัดการฉบับวันจันทร์ เป็นข้อสรุปที่ชัดแจ้งว่าเมืองไทยจำต้องแก้ระบบเลือกตั้งแบบเก่าทั้งแบบเขต และบัญชีรายชื่อที่ตกเป็นเหยื่อของนายผู้มีอำนาจ มีเงินและเครือข่ายอุปถัมภ์ ทำให้สามารถซื้อเสียง ซื้อผู้สมัคร ซื้อพรรค ซื้อตำแหน่ง และโกงกินอย่างมโหฬาร และทำลายกฎหมายอะไรเมื่อใดก็ได้ การแก้ในเบื้องต้นนั้นต้องเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ตุ๊กตา 30/70 ที่ถูกนำไปบิดเบือนโจมตีอย่างหน้าด้านๆ จากพรรคพลังประชาชน สื่อและนักวิชาการอุปาทาน การเลือกตั้งในระบบการเมืองใหม่จะต้องเป็นการเลือกตั้ง 100 % แบ่งกันระหว่างระบบเขตและตัวแทนสาขาอาชีพทุกภาคส่วนรวมทั้งชนกลุ่มน้อยและผู้ด้อยโอกาส สัดส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นต้องศึกษากันให้รอบคอบ
ความจริงเรื่องการเลือกตั้งแบ่งเขตแบบใครชนะเอาที่นั่งไปเลยนั้น ในประเทศประชาธิปไตยมีอยู่ในสหรัฐอเมริกากับอังกฤษเท่านั้น ไทยพลอยเอากับเขาด้วย แต่เราไม่มีระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ซ้ำในอเมริกายังมีเลือกก่อนเลือกคือให้ประชาชนหรือที่ประชุม (ในบางรัฐ) เลือกเสียก่อนว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนพรรคลงสมัคร ของอังกฤษเขาก็กำลังจะปฏิรูป เพราะเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม พรรคที่สามบางที่ได้คะแนนรวมถึง 30 % แต่ไม่มีที่นั่ง ของเรานั้นเลวเป็นพิเศษเราะบงคับให้สังกัดพรรค นายทุนชาติตั้งพรรคเพื่อประโยชน์ตนเอง ใช้อำนาจและเงินซื้อนายทุนท้องถิ่น ซื้อผู้สมัครและซื้อเสียง แล้วก็มีเรียกทุนและกำไรคืนอีกหลายสิบหลายร้อยเท่า อย่างตำนานยุคบรรหาร ยุคทักษิณ เป็นต้น หรือไม่ก็มีนักการเมืองประเภทตั้งพรรคเอาหัวพรรคไว้คอยขาย เช่น พรรคพลังประชาชน กับพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
พรรคการเมืองไทยนอกจากจะเป็นระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” แล้ว ยังมีลักษณะชั่วคราวเกิด ใหญ่และแตกดับไปพร้อมๆ กับหัวหน้า ถ้าเป็นพรรคที่เลหลังหรือฉ้อฉลเอามาจากภายใน ก็อาจจะยืดหน่อย เช่น พรรคชาติไทย แต่ในที่สุดก็จะหมดไปแน่นอน เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวมีอำนาจก็กอบโกยกันใหญ่เอาทุนคืน เอากำไร และเก็บตุนไว้เลือกตั้งข้าวหน้า นี่คือการเมืองเก่าที่สุดสามานย์
การซื้อเสียงอย่างเป็นระบบเพราะการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแบบ5 ต่อ 1 คือ ผู้แทน 5 คน ได้เก้าอี้ รมต. 1 ทำให้เกิดระบบมุ้ง ซึ่งต้องต่อรองสนนราคากันไม่มีที่สิ้นสุด
ผมเขียนบทความไว้ 2 บท เรื่องพรรคหัวหน้าตั้งไม่ยั่งยืน ซึ่งเป็นจริงทั้ง ยุคเผด็จการ ยุคเลือกตั้งครึ่งใบ และเลือกตั้งเต็มไป ซึ่งอายุของพรรคลดหลั่นกันตามลำดับ
เดี๋ยวนี้ พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป.อยู่ที่ไหน พรรคชาติสังคมสหภูมิของจอมพลสฤษดิ์อยู่ที่ไหน พรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอมอยู่ที่ไหหน พรรคชาติประชาธิปไตยของพลเอกเกรียงศักดิ์อยู่ที่ไหน พรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิตอยู่ที่ไหน พรรคกิจสังคมของม.ร.ว.คึกฤทธิ์อยู่ที่ไหน ฯลฯ พรรคเหล่านี้สาปให้การเมืองไทยเป็นเรื่องชั่วคราว ต้องปรับสภาพไปตามสภาพของหัวหน้าทั้งสิ้น บ้านเมืองไทยจึงพังไปตามการเมืองที่พัง คงสภาพด้อยพัฒนาอยู่กระทั่งทุกวันนี้
พรรคไทยรักไทยของทักษิณซึ่งออกลูกหลานเป็นพลังประชาชน และเพื่อไทย ย่อมจะมิใช่ข้อยกเว้นอย่างแน่นอน
พรรคหัวหน้าตั้งพังการเมือง และเปลืองเวลาของประเทศชาติหรือมิใช่
ตั้งต้นกันใหม่ อย่ารักษาของเก่า เอาไว้ทำลายประเทศและประชาชนต่อไปเลย
บ่ายวันอาทิตย์นี้ พันธมิตรฯ เชิญให้ผมและเพื่อนนักวิชาการไปให้ความเห็นเรื่อง การเมืองใหม่ การเมืองใหม่ ของพันธมิตรฯ มีรายละเอียดอย่างไรผมไม่แจ้ง เพราะไม่เคยคุยกัน ASTV ผมก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่งแล้วแต่โอกาส แต่พอได้คุยกับแกนนำพันธมิตรฯ แล้ว ผมรู้สึกว่าแกนนำมีความรู้ความเข้าใจและเต็มใจจะปรับปรัชญาและสาระของการเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับปัญหาและความเป็นจริงทางการเมืองไทย โดยเน้นความเป็นไปไม่ได้ของระบบพรรคและการเลือกตั้งแบบเก่าที่ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ และคดโกงกอบโกยกันอย่างมโหฬารไม่มีที่สิ้นสุด จนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเกิดขึ้นมิได้
การเมืองใหม่ ที่พันธมิตรฯ มุ่งมั่นจะต่อสู้ให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่จะสร้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริงให้สำเร็จ โดยเน้นการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกระดับและทุกภาคส่วนเป็นประจำ
เมื่อวานนี้ ผมได้รับอีเมลจากสุภาพสตรีสูงศักดิ์ท่านหนึ่ง ตัวท่านเองและสามีเป็นบุคคลสำคัญตัวอย่างของประเทศไทยที่ผมเคารพนับถือมานาน ท่านทั้งสองมิใช่พันธมิตรฯ แต่เป็นพลังไม่เงียบที่สนับสนุนพันธมิตรฯ สุดๆ
ท่านได้ส่งข้อความเป็นคำถามมาในอีเมลว่า
สมมติเล่นๆ ว่าวันนี้ไม่มีพันธมิตรฯ ???
ถ้าสมมติวันนี้ไม่มีพันธมิตรฯ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง????? ซึ่งก็อาจที่จะถูกใจใครบางคน
1. รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยไม่มีใครขัดขวาง
2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการแก้ไขในส่วนสำคัญซึ่งรัฐบาลประกาศไว้แล้วคือ ให้มีมาตรายุบพรรค นั่นหมายถึงพรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย และพรรคมัฌชิมา ก็จะรอดจากการโดนยุบพรรคโดยฉับพลัน
3. ให้บ้านเลขที่ 111 กลับมาเป็น ส.ส.ได้
4. กฎหมายที่คณะปฏิวัติประกาศมาให้เป็นโมฆะ นั่นหมายถึงการแต่งตั้ง คตส. ด้วยทำให้คดี ทักษิณ เป็นโมฆะทั้งหมด เพราะถือว่าเป็นการฟ้องโดยหน่วยงานที่ผิดกฎหมายจากรัฐธรรมนูญใหม่และคตส.ที่ถูกฟ้องอยู่หลายสิบคดีก็จะแพ้หมดด้วยรัฐธรรมนูญใหม่
5. เงินที่ยึดจากทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ก็จะต้องคืนเจ้าของไป โดยปริยาย ลองคิดเล่นๆ เอา 7.6 หมื่นล้านบาท หารด้วย ประชาชนชาวไทย 76 ล้านคนจะสามารถเอามาแจกคนไทยได้ทุกคนคนละ 1,000 บาท เยอะมากนะ แต่จริงๆ ทักษิณเค้าก็คงไม่โกงต่อคนไทยขนาดนั้นหรอก ก็อาจจะแค่เอาจากคนไทยหัวละ 1,000 บาทเท่านั้นเอง
6. เมกะโปรเจกต์ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านๆ บาท จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วคิดว่าจะไม่มีการคอร์รัปชันเหรอ ที่มีโครงการก็เพื่อเหตุนี้เท่านั้นแหละ ดูอย่างกรณีสร้างรัฐสภาใหม่ เกียกกาย ก็แล้วกัน และคนในธนาคารแห่งประเทศไทยก็เป็นคนของคุณหมักทั้งนั้น เงินของประเทศจะหมด ภาษีจะขึ้น สุดท้ายประชาชนก็เดือดร้อน
7. ราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงก็ได้แต่โทษ ราคาน้ำมันตลาดโลกกันไป แล้วเศรษฐกิจไทยก็จะล่ม เพราะธุรกิจขนาดย่อมไม่สามารถแบกรับราคาน้ำมันได้ขนาดนั้น ของก็จะราคาแพงขึ้นสุดท้ายประชาชนก็จะเดือดร้อน
ท่านที่เป็นสามีสรุปว่า การเมืองใหม่จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ แต่อย่าขู่ให้ผู้คนตกใจก็แล้วกัน เพราะคนไทยขวัญอ่อน เชื่อคำลือง่ายๆ แต่ท่านเห็นว่า การเมืองเก่าแบบทักษิณนั้นจะกลับมาอีกไม่ได้ และคนไทยจะต้องร่วมกันต่อสู้ขัดขวางจนสุดฤทธิ์
ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่านคำแถลงเรื่องผลของการปรึกษาหารือเรื่องการเมืองใหม่ครั้งที่ 1 แล้ว ถ้ายังท่านอาจจะกลับไปอ่านออนไลน์หรือผู้จัดการฉบับวันจันทร์ เป็นข้อสรุปที่ชัดแจ้งว่าเมืองไทยจำต้องแก้ระบบเลือกตั้งแบบเก่าทั้งแบบเขต และบัญชีรายชื่อที่ตกเป็นเหยื่อของนายผู้มีอำนาจ มีเงินและเครือข่ายอุปถัมภ์ ทำให้สามารถซื้อเสียง ซื้อผู้สมัคร ซื้อพรรค ซื้อตำแหน่ง และโกงกินอย่างมโหฬาร และทำลายกฎหมายอะไรเมื่อใดก็ได้ การแก้ในเบื้องต้นนั้นต้องเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ตุ๊กตา 30/70 ที่ถูกนำไปบิดเบือนโจมตีอย่างหน้าด้านๆ จากพรรคพลังประชาชน สื่อและนักวิชาการอุปาทาน การเลือกตั้งในระบบการเมืองใหม่จะต้องเป็นการเลือกตั้ง 100 % แบ่งกันระหว่างระบบเขตและตัวแทนสาขาอาชีพทุกภาคส่วนรวมทั้งชนกลุ่มน้อยและผู้ด้อยโอกาส สัดส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นต้องศึกษากันให้รอบคอบ
ความจริงเรื่องการเลือกตั้งแบ่งเขตแบบใครชนะเอาที่นั่งไปเลยนั้น ในประเทศประชาธิปไตยมีอยู่ในสหรัฐอเมริกากับอังกฤษเท่านั้น ไทยพลอยเอากับเขาด้วย แต่เราไม่มีระบบพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ซ้ำในอเมริกายังมีเลือกก่อนเลือกคือให้ประชาชนหรือที่ประชุม (ในบางรัฐ) เลือกเสียก่อนว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนพรรคลงสมัคร ของอังกฤษเขาก็กำลังจะปฏิรูป เพราะเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม พรรคที่สามบางที่ได้คะแนนรวมถึง 30 % แต่ไม่มีที่นั่ง ของเรานั้นเลวเป็นพิเศษเราะบงคับให้สังกัดพรรค นายทุนชาติตั้งพรรคเพื่อประโยชน์ตนเอง ใช้อำนาจและเงินซื้อนายทุนท้องถิ่น ซื้อผู้สมัครและซื้อเสียง แล้วก็มีเรียกทุนและกำไรคืนอีกหลายสิบหลายร้อยเท่า อย่างตำนานยุคบรรหาร ยุคทักษิณ เป็นต้น หรือไม่ก็มีนักการเมืองประเภทตั้งพรรคเอาหัวพรรคไว้คอยขาย เช่น พรรคพลังประชาชน กับพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
พรรคการเมืองไทยนอกจากจะเป็นระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า” แล้ว ยังมีลักษณะชั่วคราวเกิด ใหญ่และแตกดับไปพร้อมๆ กับหัวหน้า ถ้าเป็นพรรคที่เลหลังหรือฉ้อฉลเอามาจากภายใน ก็อาจจะยืดหน่อย เช่น พรรคชาติไทย แต่ในที่สุดก็จะหมดไปแน่นอน เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวมีอำนาจก็กอบโกยกันใหญ่เอาทุนคืน เอากำไร และเก็บตุนไว้เลือกตั้งข้าวหน้า นี่คือการเมืองเก่าที่สุดสามานย์
การซื้อเสียงอย่างเป็นระบบเพราะการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแบบ5 ต่อ 1 คือ ผู้แทน 5 คน ได้เก้าอี้ รมต. 1 ทำให้เกิดระบบมุ้ง ซึ่งต้องต่อรองสนนราคากันไม่มีที่สิ้นสุด
ผมเขียนบทความไว้ 2 บท เรื่องพรรคหัวหน้าตั้งไม่ยั่งยืน ซึ่งเป็นจริงทั้ง ยุคเผด็จการ ยุคเลือกตั้งครึ่งใบ และเลือกตั้งเต็มไป ซึ่งอายุของพรรคลดหลั่นกันตามลำดับ
เดี๋ยวนี้ พรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป.อยู่ที่ไหน พรรคชาติสังคมสหภูมิของจอมพลสฤษดิ์อยู่ที่ไหน พรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอมอยู่ที่ไหหน พรรคชาติประชาธิปไตยของพลเอกเกรียงศักดิ์อยู่ที่ไหน พรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิตอยู่ที่ไหน พรรคกิจสังคมของม.ร.ว.คึกฤทธิ์อยู่ที่ไหน ฯลฯ พรรคเหล่านี้สาปให้การเมืองไทยเป็นเรื่องชั่วคราว ต้องปรับสภาพไปตามสภาพของหัวหน้าทั้งสิ้น บ้านเมืองไทยจึงพังไปตามการเมืองที่พัง คงสภาพด้อยพัฒนาอยู่กระทั่งทุกวันนี้
พรรคไทยรักไทยของทักษิณซึ่งออกลูกหลานเป็นพลังประชาชน และเพื่อไทย ย่อมจะมิใช่ข้อยกเว้นอย่างแน่นอน
พรรคหัวหน้าตั้งพังการเมือง และเปลืองเวลาของประเทศชาติหรือมิใช่
ตั้งต้นกันใหม่ อย่ารักษาของเก่า เอาไว้ทำลายประเทศและประชาชนต่อไปเลย