“พิภพ” หวั่นปล่อย “แม้ว” จ้อข้ามทวีปบิดเบือนความจริง ทำลายตุลาการภิวัฒน์ไทย ระบุนักโทษไม่มีสิทธิใช้สมบัติชาติทำลายประเทศตนเอง พร้อมจี้ “อังกฤษ” เร่งตัดสินเรื่องลี้ภัย “แม้ว” หรือส่งคนผิดรับโทษ ด้วยบรรทัดฐานการประณามเรื่องการคอร์รัปชันที่เคยฟุ้งไว้ จวกนักวิชาการลดระดับปัญหาการเมืองไทยเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มหรือส่วนตัวระหว่างพันธมิตรฯ กับ นปก.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วานนี้ (24 ต.ค.) เวลาประมาณ 22.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีในทำเนียบรัฐบาลว่า ตนในฐานะผู้ดูแลผู้บาดเจ็บและพิการที่เกิดจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สั่งสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งตอนนี้เราได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บไปแล้วกว่า 5 ล้านบาท จากเงินบริจาค 34 ล้านกว่าบาท ขณะที่ตำรวจมีพฤติกรรมรับใช้รัฐบาลและนายเก่า ด้วยการเดินสายสอบสวนผู้บาดเจ็บ และหลอกว่าจะกันไว้เป็นพยาน แต่ถ้าให้การผิดพลาดตำรวจก็จะทำให้โจทก์กลายเป็นจำเลย นี่เป็นการพิสูจน์แล้วว่ารัฐตำรวจนั้นมีจริงในปัจจุบัน
ส่วนการที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคประจำตัวในที่ชุมนุมนั้น ได้มีคุณหมอฝากเตือนมากับเรื่องผู้สูงอายุทั้งหลาย เนื่องจากพันธมิตรฯ มีผู้สูงอายุหลายคน ซึ่งถ้ามีโรคประจำตัวให้นำยามาด้วย และถ้าลืมนำมาให้มาติดต่อได้ที่เต็นท์พยาบาลที่กองทัพธรรม แม้ว่าพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ไม่กลัวตาย แต่พวกเราจะต้องดูแลกัน เพราะเราเป็นพี่น้องกัน
นายพิภพ กล่าวอีกว่า หลังจากที่วันนี้ได้มีโอกาสไปร่วมประชุมสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้มีการนำเสนอผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า มีนักวิชาการส่วนหนึ่งได้พยายามตีความสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรฯ กับ นปก. อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมานั่งตกลงกัน ซึ่งตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะลดระดับความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ลงเป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล จึงได้ลุกขึ้นแย้งในที่ประชุมทันที
“เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยในข้อ 1 บอกว่า เรามีความขัดแย้งกับนายสมชาย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะเราต้องการไล่เขาออกไม่ได้ขัดแย้ง ซึ่งเหมือนกับทักษิณที่อ้างว่าเข้าขัดแย้งกับคนชั้นสูง เท่ากับเป็นการลดระดับเรื่องการโกงกินชาติบ้านเมืองมาเป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล และก่อนหน้านี้เขาก็อ้างว่าเป็นความขัดแย้งกับตุลาการ และทหาร รวมถึงพันธมิตรฯ เราอย่าสับสน เพราะต้องดูปัญหาระดับโครงสร้างไม่เช่นนั้นจะถูกตั้งคำถามว่าทักษิณติดคุกแล้ว ทำไมเราไม่เลิก หรือสนายมชายออกไปแล้วทำไมไม่เลิก เพราะเราไม่ได้ทะเละกับใคร แต่เราต่อต้านการเมืองที่โกงกิน คอร์รัปชัน ผมจึงต้องเตือนนักวิชาการว่าอย่าลดปัญหาของการเมืองไทยเป็นการขัดแย้งระหว่างกลุ่มหรือบุคคล ทักษิณถ้าไม่ถูกกล่าวหาว่าโกงชาติ เราจะไปขัดแย้งกับเขาทำไม” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ นั้นเป็นการขัดแย้งกับระบอบการเมืองเก่าที่ทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งการเมืองเก่ามีตัวละครตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายบรรหาร ศิลปอาชา นายเสนาะ เทียนทอง นี่เป็นตัวละครส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง โดยพันธมิตรฯ เราเห็นว่า หากระบบยังเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าเป็นใครมาเป็นรัฐบาลก็ยังสนับสนุนให้มีการคอร์รัปชันงบประมาณแผ่นดิน จึงอยากเตือนสถาบันต่างๆ อย่าลดระดับความขัดแย้งด้านการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้
โดยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เข้าใจถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่เขากระทำผิด และยังอ้างว่าเมื่อภรรยาตนเองไม่ผิด แล้วตนเองจะผิดได้อย่างไรนั้น แท้ที่จริงเป็นการคอร์รัปชันทางนโยบายที่มีความผิดทางกฎหมายเช่นเดียวกับการให้พม่ากู้เงิน 4 พันล้าน ที่จะมีความผิดเช่นเดียวกัน เพราะมีการอนุมัติเพื่อให้กลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับเขาได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนั้น
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณขอลี้ภัยทางการเมืองประเทศอังกฤษจะต้องตรวจสอบเหตุผลการลี้ภัยนั้น เพราะอังกฤษเองก็ทราบว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณมีอะไรบ้าง โดยอังกฤษเองเป็นประเทศหนึ่งที่มักกล่าวหาประเทศไทยและประเทศด้อยพัฒนาอื่น เรื่องที่ผู้นำมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่เมื่อมีนักโทษในกรณีนี้ อังกฤษจะส่งตัวผู้ต้องหาคนนี้กลับมาหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อมีการตัดสินแล้วว่าเขาคอร์รัปชันอังกฤษจะทำอย่างไรในเรื่องนี้
“อังกฤษประกาศว่า การลงทุนในประเทศไทยและประเทศด้อยพัฒนาทำได้ลำบาก เพราะนักการเมืองเรียกรับเงินนั้น เมื่อมีการตัดสินกันแล้วอังกฤษจะว่าอย่างไรในกรณีทักษิณ” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ประเด็นสุดท้ายที่น่าห่วงในวันนี้ คือ การที่ที่ทักษิณทำจดหมายให้สื่อนำมาลง และการที่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ทักษิณจะโทรศัพท์มาออกอากาศผ่านช่องเอ็นบีที ในเรื่องราวของเขา ซึ่งมีคนถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิ์หรือไม่
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวสามารถอธิบายได้หลายระดับ โดยก่อนถูกกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิตามคนธรรมดา เมื่อถูกล่าวหา เขาก็มีสิทธิในฐานะจำเลย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ตัดสิทธิในการสู้คดีด้วยการหนีศาล ศาลจึงพิจารณาตามหลักฐานที่มีอยู่ แต่เมื่อพิจารณาแล้วกลับไม่มารับฟังแถมมีการโกหกด้วย โดยเมื่อศาลจำเป็นต้องอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำให้ขณะนี้ทักษิณมีฐานะเป็นนักโทษแล้ว
“ถามว่านักโทษจะใช้สิทธิสื่อของรัฐชี้แจงได้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่นั้น คลื่นที่เป็นของรัฐนักโทษก็ใช้ไม่ได้ เพราะคลื่นที่อยู่ในอากาศมีสัญญาว่าเป็นของรัฐไทย ซึ่งเป็นสมบัติของรัฐ และเป็นสมบัติของประชาชน เรื่องนี้ต้องตีความให้กว้างหน่อย เพราะตนเองเป็นนักโทษ มิเช่นนั้นนักโทษกว่า 1 แสนคนก็ใช้สิทธิได้แบบเดียวกันหรืออย่างไร ซึ่งรัฐบาลสมชายต้องระวังให้ดี” นายพิภพ กล่าว
นอกจากนี้ หากปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เอ็นบีทีเป็นที่ชี้แจงแล้วก็จะมีการโต้แย้งคำพิพากษา และบิดเบือนข้อมูลต่างๆ หากประชาชนไม่ได้อ่านคำพิพากษาอย่างละเอียดแล้วจะเข้าใจผิดว่าตุลาการกลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถ้าวันที่ 1 พ.ย.เกิดขึ้นสังคมไทยจะเดือดร้อน เพราะสังคมไทยต้องการพึ่งตุลาการภิวัฒน์ และการปล่อยให้เป็นแบบนี้เท่ากับเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของศาล
“อะไรจะเกิดขึ้นกับตุลาการ และนี่เป็นการทำลายของนายกฯ ที่เคยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ผมไม่อยากพูดเกินเลยไป หลังจากที่ในหลวงออกขอให้ศาลทำหน้าที่ดูแลยุติธรรมในสังคม อันเป็นพระราชดำรัสให้เกิดตุลาการภิวัฒน์ เพราะอำนาจ 3 ฝ่ายต้องคานกัน โดยตอนนี้เหลือแค่อำนาจตุลาการอันเดียวเท่านั้น ซึ่งจะต้องแก้วิกฤตของประเทศที่ใหญ่ที่สุด ผมจึงอยากเตือนว่าไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมถูกทำลายโดยนักโทษชายทักษิณ”