“พิภพ” เปิดแผลซ้ำ ลูกกรอกท้องมารหวังฟาดเมกะโปรเจกต์ ผุดโครงการเขื่อนน้ำงึมซื้อน้ำจากลาวมูลค่านับแสนล้านบาท โดยไม่คำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศของโลก ที่จะทำให้ไทยได้รับน้ำฝนจำนวนมหาศาล ย้อนลิ่วล้อไม่ต้องช่วยหาทางลงให้พันธมิตรฯ เพราะชัยชนะของประชาชน สร้างการเมือง-สังคมใหม่ คือทางลงของพันธมิตรฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.52 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า การต่อสู้ของเราจะต้องเปลี่ยนสังคมใหม่ได้ ผู้มีอำนาจก็ทำแบบผู้มีอำนาจเปลี่ยนจากอำนาจหนึ่งไปยังอำนาจหนึ่ง ไม่เคยคิดแม้แต่เปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้น เราได้ชื่อว่าประเทศที่ทุจริตคอรัปชั่นต้นๆ ผู้มีอำนาจเคยคิดเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้หรือไม่ ไม่เคยคิดเลย ขณะที่ประชาชนคิดเปลี่ยนแปลงตลอดว่าทำอย่างไรไม่ให้รัฐบาล ข้าราชการ และนักธุรกิจ ร่วมกันโกงกินชาติ
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เราจะต้องไม่ให้การต่อสู้ของเราเหนื่อยเปล่า เราต้องเปลี่ยนแปลงเนื้อหาสาระได้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่รูปแบบที่ถ่ายโอนอำนาจกันไปมาเหมือนเช่นในอดีต วันนี้เราสู้กันยาวที่สุดเท่าที่การต่อสู้ของประวัติศาสตร์สังคมไทยและสังคมโลกบันทึกไว้ เราสู้ยาวที่สุดในโลก เราไม่ต้องการหาทางลง เพราะทิศทางของเราคือต้องชนะและเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้ได้
“อย่ามาประมาทเราว่าคิดจะหาทางลง 5แกนนำพันธมิตรฯฯประชุมกันไม่เคยถึงพูดถึงทางลง แต่พูดว่าจะหาทางเอาชนะความชั่วร้ายที่เกิดในแผ่นดินนี้ โดยนักการเมืองและผู้มีอำนาจได้อย่างไรเท่านั้น และขอให้มั่นใจ แกนนำฯและคนอื่นๆ รวมทั้งพีน้องที่นั่งที่นี่แม้จะตากแดดตากฝน พี่น้องที่ดูเอเอสทีวี คงจะรู้ว่าการต่อสู้ยาวนานไม่ได้รับชัยชนะแค่ผิวเผิน แต่ลุกซึ่งถึงขั้นเปลี่ยนรากฐานทางวัฒนธรรมที่สร้างความชั่วร้ายได้ ไม่ว่าจะเรื่องการทุจริตฯ การใช้อำนาจบาตรใหญ่กับประชาชนตลอดมาตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา เราต้องชนะให้ได้ในการต่อสู้ครั้งนี้”
ทั้งนี้ นายพิภพยังได้กล่าวถึงเรื่องที่การเมืองใหม่จะต้องปฏิรูปให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่อันดับที200 ของโลก ลูกเราเมื่อเข้าเรียนต้องฉลาดขึ้นและมีคุณธรรมทำเพื่อคนอื่น ปฏิรูปการศึกษาจึงต้องเกิดขึ้น จะปล่อยให้อยู่อันดับที่200ของโลกต่อไปไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นยังมีเรื่องการกระจายรายได้ก็เช่นเดียกัน เราปล่อยให้ ความรวยกระจุก ความจนยังกระจาย ทักษิณบอกว่าเข้ามาจะสู้กับความจน แต่กลับหลงสู้กับความรวยของตัวเอง จนรวยเอาๆ ไม่ได้สู้เพ่อความยากจนเลย เป็นการหลอกชาวบ้านโดยใช้ประชานิยมโยนไปให้ 1ล้านบาทเท่านั้นเอง โอทอปก็ไม่ได้สนับสนุนให้มีการค้าขายดีขึ้นแต่อย่างไร เมื่อไปสู้กับทุนนิยมก็แพ้ กลายเป็นสิ่งที่ประดับประเทศไปเท่านั้น
นายพิภพ กล่าวว่า สิ่งที่ทั่วโลกยอมรับโดยไม่ต้องให้รัฐบาลสนับสนุนเลย คือ อาหารไทย ที่ได้รับการนิยมรับประทานไปทั่วโลก แต่เรากลับกำลังทำลายแหล่งผลิตอาหารลง โดยยอมให้ผลิตพืชพลังงานเพิ่มขึ้น จะมีการเฉือนที่ดินให้ต่างชาติซื้อ ให้เช่าที่นาเป็นหมื่นๆล้านๆไร่ จากกลุ่มพ่อค้าน้ำมัน คนที่ได้ประโยชน์ตรงนี้ก็มีเพียงนักการเมืองกับกลุ่มทุนเท่านั้น
นอกจากนั้นจะคิดทำโครงการใหญ่ๆ เป็นแสนล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำน้ำจากเขื่อนนำงึมเข้ามาที่ภาคอีสานและภาคกลาง โครงการนี้ไม่ได้เกิดจากข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงของโลก
“รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงเลย ไม่ได้รู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกขณะนี้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ที่สุด จนกลายเป็นแหล่งเก็บน้ำฝนที่มากที่สุดในโลก แล้วทำไมต้องไปเอาน้ำจากเขื่อนนำงึม โครงการแสนล้านเข้ามาด้วย โดยตัวเองจะได้เปอร์เซ็นต์ไม่น้อยกว่า 2-4หมื่นล้าน อย่างนี้หลอกประชาชนใช่ไหม” นายพิภพ กล่าว และว่า ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจะเก็บน้ำฝนยังไงต่างหาก ไม่ใช่ไปเที่ยวเอาน้ำจากลาวมาโดยใช้เงินเป็นแสนล้านบาท ผิดที่สุดเลย
นายพิภพ ยังได้ระบุถึงคำพูดของ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของโลก ที่ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก เราจะได้รับผลกระทบจากพายุและเหตุต่างๆ แต่สิ่งสำคัญ คือ ต้องขุดคูคลองแหล่งเก็บน้ำเอาไว้รองรับทำเกษตรปลูกข้าวให้เป็นแหล่งอาหารของโลก ไม่ใช่คิดโครงการพิสดาร เพื่อเพียงแต่จะเอาโปรเจคใหญ่ เก็บเงินทองเพื่อทุจริตคอร์รัปชันและเอาไปซื้อสิทธิขายเสียงมาครองอำนาจอีกต่อไป อย่างนี้เราก็เห็นเส้นทางการเมืองแบบเก่า
นายพิภพ กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่นักการเมืองพอรู้ว่าสู้เราทางการเมืองไม่ได้ อย่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ สู้ไม่ได้ก็คาไว้ สู้เรื่องกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ พวกนี้ก็คิดจะตีกินสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา และทำเมกะโปรเจกต์ โดยตอนนี้โครงการเขื่อนน้ำงึมผ่านหลักการเบื้องต้นไป 1.7 หมื่นล้านบาทแล้ว และจะมีโครงการอื่นๆ ตามมาอีกไม่ได้ พวกนี้ไม่คิดอะไรนอกจากจะถอนทุนจากการเลือกตั้งที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง แล้วมาบอกว่ามาจากการเลือกของประชาชน โดยไม่ได้บอกว่าซื้อเขามา แล้วพวกนี้ก็จะยื้ออำนาจต่อไป
“อำนาจอื่นๆ ในสังคมแทนที่จะคานอำนาจกับรัฐบาลและบอกกับประชาชนว่าคุณกำลังทำโครงการใหญ่ๆ ของรัฐเพื่อได้เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นกองทัพก็ต้องถามตัวเอง และกลุ่มที่มีอำนาจต่างๆ ในสังคมต้องถามตัวเองว่าจะปล่อยให้สภาพรัฐบาลทำมาหากินไปเช่นนี้แล้วสุดท้ายก็อาจจะเอาคุณทักษิณกลับมาแล้วเริ่มนโยบายผลาญชาติอีกครั้งหนึ่ง คุณเห็นหรือเปล่า แต่พันธมิตรฯเห็นแล้ว ว่าเราจะต้องต่อสู้เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กับการต่อสู้เรื่องอื่นด้วย” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณวางแผนอย่างละเอียดโดยการหนีหมายศาล คุณหญิงพจมานวางแผนจะไม่ยอมติดคุก สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ทีมทนายของทั้งสองเชื่อว่า เมื่อเขาไม่อยู่กระบวนการยุติธรรมจะดำเนินงานต่อไปไม่ได้ แต่กระบวนการยุติธรรมบอกว่าแม้พ.ต.ท.ทักษิณไม่กลับมาในคดีทุจริตที่ดินรัชดาก็จะต้องดำเนินต่อไป ไม่อย่างนั้นก็ลอยนวล มีเงินมหาศาล และหนีไปประเทศที่ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนยากที่สุด เพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรมไม่ให้ดำเนินคดีกับเขาต่อไปได้ เป็นแผนที่ล้ำลึกมาก แต่เรารู้ทัน และศาลก็รู้ทัน เราก็ต้องสนับสนุนศาลให้พิพากษาคดี โดยไม่สนใจว่าทักษิณจะกลับมาอยู่ในคอกจำเลยหรือไม่ ทำความผิดอยู่โต้งๆ ยังถือว่ามีเงิน ระหว่างมีอำนาจทำธุรกิจในจีน ตอนนี้ได้รายได้จากเมืองจีนปีละหมื่นกว่าล้านบาท เขามีเงินมีอำนาจ จะกลับมาอีก
นอกจากนั้น นายพิภพ ยังกล่าวถึงรัฐบาลด้วยว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็พยายามสร้างฐานอำนาจและเงินของตัวเอง ตอนนี้กลายเป็นว่านักการเมืองทีชั่วร้ายแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มของทักษิณที่สวาปามไปมาก และกลุ่มรัฐบาลที่จะสร้างสถานะทางการเมืองของตัวเองให้กลับมาใหม่และยึดอำนาจ แล้วก็ร่วมมือกับกลุ่มทักษิณ กลืนกินประเทศไทยจนเราไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นเราจะต้องยันการแก้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ เราก็ต้องยันไว้ไม่ให้แก้ องค์กรอิสระ ป.ป.ช. กกต. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เหล่านี้เราจะต้องรักษาไว้ให้ได้ ยืนหยัดไว้ให้ได จะโกงกินยังไงก็แล้วแต่สุดท้ายต้องเอาเข้าคุกให้หมด
นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลสมัครทำผิดเยอะมาก แล้วก็ไม่สนใจความทุกข์ยากของพ่อแม่พี่น้อง วันนี้หนองคายถูกจีนปล่อยน้ำออกมา โดยเขื่อนของจีน รัฐบาลเคนแสดงวิสัยทัศน์พูดกับประชาชนหรือเปล่าว่า จะพูดจีนอย่างไรให้บรรเทาการปล่อยน้ำ ไม่มีเลย จะช่วยชาวหนองคาย เชียงรายอย่างไร อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีเลย เมื่อทักษิณโจมตีเรื่องกระบวนการยุติธรรมและความปลอดภัย หัวหน้ารัฐบาลก็ไม่เคยออกมาปกป้องประเทศของตัวเอง ปล่อยให้กระทรวงต่างประเทศทำอย่างเดียวดาย ซึ่งไม่พอ นี่เรื่องระดับประเทศนายกฯต้องออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองในปัญหาต่างๆ ของประเทศที่กำลังถูกดิสเครดิตหรือทำให้เกิดความเดือดร้อน ต้องออกมาแสดงว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย มีแต่จะมองหาช่องทางเอาผลประโยชน์เท่านั้น
“ไม่ต้องห่วงนะรัฐบาลว่าเราหาทางลงไม่ได้ เพราะทางลงเราชัดเจน เมื่อคุณลงเมื่อไหร่นั่นแหล่ เราก็จะลง เมื่อคุณไม่กลับมาเมื่อไหร่ เราก็จะลง เมื่อเราปฏิรูปการเมืองใหม่ได้ สร้างการเมืองใหม่ได้ สร้างสังคมใหม่ได้ นั่นล่ะเราจะลง เรามีทางลงที่สวยงามอยู่แล้ว ทางลงนั้นก็คือชัยชนะของประชาชนทั้งประเทศ สร้างการเมืองและสังคมใหม่” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ ยืนยันด้วยว่า 5 แกนนำพันธมิตรฯ จะไม่เล่นการเมืองในระบบรัฐสภาแน่นอน อย่างกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำฯ ไม่ต้องการไปเล่นการเมืองในระบบ แต่ไปเล่นแล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกหรือมีความสุขไปกับการเมืองในระบบ แต่เพราะนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ผู้มีพระคุณของนายสมเกียรติ ขอร้องให้มาช่วยกันหน่อยในภาคอีสาน แต่เมื่อลงไปแล้วนายสมเกียรติก็มีนโยบายของตัวเอง 13 ข้อซึ่งไม่ตรงกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด แต่เป็นนโยบายเพื่อสร้างสังคมและการเมืองใหม่
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า นายสมเกียรติเคยบอกว่าถ้าถึงที่สุดก็พร้อมจะลออกจาก ส.ส. แล้วมายืนกับการเมืองภาคประชาชนเต็มตัว สุดท้ายเราจะอยู่กับพี่น้อง การเมืองภาคประชาชนเพื่อสร้างการเมืองใหม่ สังคมใหม่ ปฏิรูปทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้น เมื่อถึงเป้าชัยชนะแล้วก็ขะลง ตอนนี้หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ลง