xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” ย้ำเหตุต้าน “สมชาย” ชี้เป็นนอมินียิ่งกว่า“หมัก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศักดิ์ โกศัยสุข
“สมศักดิ์” ย้ำต้าน “สมชาย” เหตุเป็น “ทักษิณ” ตัวจริงยิ่งกว่า “สมัคร” แฉเคยร่วมก๊วนโกงกับ “แม้ว” ยันพันธมิตรฯ ไม่เคยได้คืบเอาศอก เพราะ “สมชาย-ทักษิณ” ไม่แตกต่างกัน ระบุปลายทางขบวนรถไฟพันธมิตรฯ คือสถานีประชาภิวัฒน์ สร้างการเมืองที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ปราศรัย 

เวลาประมาณ 22.50 น. วันที่ 16 ก.ย. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ทำเนียบนี้เป็นของประชาชน ไม่ใช่ทำเนียบของรัฐบาล เนื่องจากที่นี่เป็นเงินของพวกเราทั้งนั้น ฉะนั้น เมื่อนักการเมืองเก่าๆ ที่โกงด้วยการมาเอาเงินบริหารนั้น แล้วเราจะมานอนที่นี่จะผิดตรงไหน เป็นความชอบธรรมอย่างยิ่ง และเราเรียนรู้ เปิดโปงความชั่วร้ายของการเมืองเก่า ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชน โดยเรียกตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎร

“แต่วันนี้เมื่อประชาชนมาอยู่ในทำเนียบ จนกลายเป็นทำเนียบของประชาชนแล้ว ผู้แทนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนราษฎรจึงเป็นผู้แทนโมฆะ ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรอีกต่อไป เนื่องจากไม่มีหน้าที่แทนเราอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ทำนั้นเป็นการซื้อเสียงมา แล้วมาอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง และยังคิดหาคณะบุคคลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น ไม่ได้คิดหาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแม้แต่นิดเดียว” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น เคยแจ้งทรัพย์สินเท็จตอนเป็นรัฐมนตรี และยังมีบริษัทที่เป็นเจ้าของที่ทำร่วมกับทักษิณในการโกงกิน เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยโกงกิน ฉ้อฉลประเทศชาติ เอารัดเอาเปรียบประชาชนมาหลายครั้งหลายหน ไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่มาแล้วดี ซึ่งเรานั้นไม่ได้ติดที่ตัวบุคคล

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ก๊วนนายเนวิน ที่มีพ่อเป็นประธานสภาที่โกงที่ดินรถไฟ ที่บอกว่าไม่ยอมกว่า 70 เสียงที่แท้เป็นการต่อรอง ที่ต่อรองก็เพราะว่าจะเอากระทรวงเกรดเอ เช่น เกษตร คมนาคม พลังงาน ซึ่งกระทรวงไหนที่มีงบประมาณมากก็จะเอากระทรวงนั้น โดยกระทรวงที่มีงบประมาณมากสามารถโกงได้ถึง 30% ถ้า 1 ล้านล้านบาท ก็ได้ไป 3 แสนล้านบาท

“ถ้านักการเมืองมาแบบนี้แล้วประเทศชาติจะหลงเหลืออะไร ฉะนั้นไม่ใช่พวกเราได้คืบเอาศอก แต่ถามว่าสมชายมากับทักษิณมาไม่ต่างกัน และนี่อาจะเรียกได้ว่าทักษิณตัวจริงยิ่งกว่านายสมัครอีก แล้วพวกเราจะไปยอมได้อย่างไร และนี่ยังไม่ได้สักคืบสักศอกเลยด้วยซ้ำ” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่มีบางคนบอกว่าพันธมิตรเหมือนขบวนรถไฟที่ไม่รู้สถานีจอดนั้น ที่จริงปลายทางของเราคือ สถานีประชาภิวัฒน์ คือ กระบวนการประชาชนที่มาเปลี่ยนแปลงการเมือง ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่และประเทศชาติ และเมื่อประชาชนมาเปลี่ยนแปลงแบ่งปันสิ่งที่มีคุณค่าให้คนส่วนใหญ่อย่างความยุติธรรม นี่คือ การเมืองในความหมายของประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งต้องสอนอาจารย์รัฐศาสตร์กันใหม่ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจที่เหมาะกับประเทศของเรานั้น คือ แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประชาชนก็รู้กันแต่รัฐบาลไม่เคยทำ และรัฐธรรมนูญก็ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 83

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นักการเมืองในระบบการเมืองเก่า ไม่เคยทำตามที่ตัวเองพูด นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เคยบอกว่า ตอนเลือกตั้งสู้ฝนห่าใหญ่ไม่ได้ ซึ่งหมายถึงว่าสู้พรรคที่ซื้อเสียงไมได้ แต่พอจะจัดตั้งรัฐบาลก็ไปร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคที่ปล่อยฝนห่าใหญ่นั้น ส่วนนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ตอนก่อนเลือกตั้งว่ามีการซื้อตัว ส.ส.คนละหลายสบล้าน แต่พอเลือกตั้งเสร็จก็ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคที่ซื้อ ส.ส.นั้น ขอยืนยันว่านี่คือ เผด็จการทุนนิยมสามานย์ อย่าได้เรียกว่าประชาธิปไตยในเสื้อคลุมเผด็จการ ประชาธิปไตยไปใช้กับนักเลือกตั้งแบบนี้ไม่ได้ และนี่ไม่ใช่พรรคการเมืองในวิชารัฐศาสตร์ ซึ่งที่ผ่านมานั้นแต่ละพรรคได้นำนโยบายหาเสียงกันคนละอย่าง พอสุดท้ายมารวมกันดันมาเขียนนโยบายใหม่ ไม่ได้นำนโยบายที่หาเสียงตั้งแต่แรกมาใช้ แบบนี้ถือว่าเป็นการหลอกประชาชน ถ้าเป็นพรรคการเมืองพูดอย่างไรต้องทำอย่างนั้น

นายสมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมครั้งแล้วครั้งเล่า และการที่รัฐบาลมาอ้างว่าเป็นตัวแทน เมื่อใดประชาชนลุกฮือขึ้นมาแบบนี้ถือว่าหมดสภาพการเป็นตัวแทน ไปจ้างคนมาอย่างไรก็ไม่เคยได้เท่ากับพวกเรา ดังนั้นเราต้องรักษาจำนวนคนให้มากตลอดเวลา นอกจากนี้ อยากให้นักวิชาการทั้งหลายได้รู้ว่า คำว่าประชาภิวัฒน์ แปลว่า การที่ประชาชนลุกขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่การเมืองใหม่ เป็นการเมืองที่กำหนดโดยประชาชน ประเด็นหลักคือต้องจัดการคนที่โกงภาษีของประชาชน ให้จำคุก ยึดทรัพย์ให้กลับมาเป็นของแผ่นดินโดยเร็ว ประเด็นที่สองต้องไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิด ประเด็นนี้ต้องต่อสู้และไม่ยอมอย่างเด็ดขาด ประเด็นที่สามการเมืองแบบนี้ต้องขับเคลื่อนให้ผ่านพ้นไป

“ถ้าเรามีความรู้ทางการเมือง ภายใต้องค์ประกอบบริบทของสังคมไทย ประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ ก็ต้องไปคิดมาว่าต้องทำอย่างไร ไม่ใช่พวกเรานำมาบอกแล้วมาโจมตี อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่านักวิชาการ แต่เป็นนักฉวยโอกาสทางการเมือง นักวิชาการที่ฉลาดต้องเขียนมาว่าควรทำแบบไหน ซึ่งจะสามารถทำได้ง่ายนิดเดียว” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประเทศนี้วันนี้เนื่องจากกลไกไม่ทำงาน จะว่าดีก็ดี แต่ถ้ากลไกทำงานก็ไม่เกิดประชาชนที่เรียกว่าประชาภิวัฒน์ลุกขึ้นอย่างที่เห็น ดังนั้น อย่าไปเรียกร้องให้ป่วยการ ให้เรียกร้องตัวเราเอง ด้วยการซื่อสัตย์ต่อสู้ และจะรักชาติเหนือชีวิต ขอให้เชื่อว่าทำดีแล้วได้ดี สุดท้ายขอให้มั่นใจต่อสู้ต่อไปอย่าได้ท้อถอย
กำลังโหลดความคิดเห็น