“พิภพ” ประเมิน “แม้ว” เริ่มหลังพิงฝา ผวาคุก หลังเมียรักเจอคุก 3 ปี เตือนคนไทยจับตา สมุนเร่งเครื่องเต็มที่หวังแก้ รธน.ฟอกนายใหญ่แน่ หากยังเหลวมีสิทธิ์ยุบสภาหยุดการชุมนุมของพันธมิตรฯล้างไพ่ใหม่ ชี้ถ้ายังเหลวทางสุดท้ายต้องมุดหนีออกนอกประเทศสถานเดียว ขณะเดียวกัน เรียกร้องประชาชนร่วมแสดงพลัง 1ส.ค.นี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 23.19 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า ภายหลังศาลศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีหวยบนดินตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้รัฐมนตรี 3 หนาหน้าหวย ก็ยังไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งปัญหาที่เกิดต่อมาคือจะรับเงินเดือนได้ไหม ก็เป็นเรื่องของกรมบัญชีกลางว่าจะจ่ายเงินเดือนให้ไหม ซึ่งเราจะมีหนังสือไปท้วงติงว่า ถ้าคุณจ่ายเงินเดือนให้จะผิดกฎหมาย
นายพิภพ กล่าวถึงคำตัดสินของศาลอาญานัดนัดอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตรและพวกเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ ว่า ถ้าดูสีหน้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอาการแค้นที่ทำไมศาลชั้นต้นลงโทษคดีนี้อย่างรุนแรง 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา คดีกำลังเดินมาอีกมาก ตนคิดว่าจากนี้คุณทักษิณจะทำคือต้องล้มคดี เอาคดีออกจากศาลให้ได้ วิธีเดียวที่ทำได้คือการแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ของคุณทักษิณและพรรคพลังประชาชน
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นเราจึงเรียกร้องพี่น้องว่าถ้าพรุ่งนี้เขาเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอแก้รัฐธรรมนูญ เราต้องมาแสดงพลังว่าไม่เห็นด้วย เพราะการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีความหมายมาก จะทำให้คดีต่างๆ ของคุณทักษิณ ถ้าแก้สำเร็จจะไปทำลายตุลาการภิวัฒน์ เมื่อทำลายได้แล้วคดีต่างๆก็จะหลุดออกหมด นี่ล่ะเรื่องใหญ่ของเรา ซึ่งตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า ปรนะเทศของเราถ้าไม่สามารถแก้ไขการทุจริตและฉ้อโกงได้ โดยนำตัวคนที่มีอำนาจทางการเมืองขึ้นศาลได้ การเมืองไม่มีวันเปลี่ยน แต่วันนี้จะเห็นว่าการเมืองเริ่มเปลี่ยนแล้ว
“ผมไม่ใช่ต้องการทับถมคุณหญิงพจมาน แต่เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของประเทศชาติ ถ้าเราไม่สามารถเอาคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดแล้วทำผิดกฎหมาย เข้าสู่กระบวนการ ความยุติธรรมแล้วให้ศาลตัดสินได้ การทุจริตคอรัปชั่น การหลีกเลี่ยงภาษีก็จะล้มเหลวหมด” นายพิภพ กล่าว
ทั้งนี้ นายพิภพ ระบุด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคมโลก โดยได้ยกตัวอย่างกรณีคดีอัลคาโปน ของสหรัฐฯ ช่วงยุคกลาง ที่มีอิทธิพลมากแต่เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนสุดท้ายถูกจับเพราะคดีหลีกเลี่ยงภาษี
นายพิภพ กล่าวเสริมว่า เรื่องหลีกเลี่ยงภาษี ถ้าสรรพากรเอาจริงร่วมมือกับอัยการ เชื่อว่ารมต.ทุกคนจะถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษีหมด เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าเงินที่ใช้ซื้อบ้านซื้อรถ และฝากไว้ในธนาคาร ส่งลูกเรียนต่างประเทศ รายได้มาจากไหน เสียภาษีหรือเปล่า ฉะนั้นวันนี้ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเอาระบบตรวจสอบภาษี แล้วเอาคนที่หลีกเลี่ยงภาษีเข้าคุกให้หมด ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นไหน เพราะเป็นระบบตรวจสอบที่ง่ายที่สุด
นายพิภพ กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องใหญ่ของคุณทักษิณที่ต้องทำให้ได้ เราจึงต้องจัดการไม่ให้แก้ได้ เราจึงบอกว่าวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.) เป็นวันสำคัญที่เราจะต้องระดมพลให้มากที่สุด เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่าเราไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ นี่คือขั้นตอนที่หนึ่ง แล้วถ้าหากคุณทักษิณ แก้ไม่ได้ ตนคิดว่าเขาจะคิดถึงการยุบสภา แต่ทำช้ามีปัญหาเพราะตุลาการกำลังดำเนินคดีตามลำดับ ซึ่งกำลังจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคดีซื้อที่ดินรัชดา ซึ่งมีศาลเดียวตัดสินด้วย เชื่อวันนี้คุณทักษิณคิดมากเรื่องนี้ ว่าจะทำยังไง แก้รัฐธรรมนูญให้เร็วจขึ้นก็ทำไม่ได้ เพราะได้ข่าวว่า ส.ส.หลายพรรคเตรียมตีรวนแปรญัตติทุกมาตรา เอาให้ไม่เสร็จภายใน 120 วัน
“ทางเดียวคิดว่านอกจากแก้รัฐธรรมนูญก็อาจจะยุบสภาเพื่อหยุดการชุมนุมของเราไปด้วยในตัว นื่คือเส้นทางเดินของคุณทักษิณ ผมไม่มองคุณทักษิณในแง่ร้ายที่จะลี้ภัยทางการเมืองไปต่างประเทศ หรือหลบคดีออกไป ซึ่งก็เป็นทางหนึ่ง ผมเชื่อเสมอว่า ผมเกรงว่าจะเอาคุณทักษิณเข้าคุกไม่ได้ ถ้าเขาผิดจริง แต่ยังไงก็ต้องให้ศาลตัดสินว่าเขาผิดจริงก่อน ส่วนเอาคุกได้ไม่ได้ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง เขาจะหนีไปต่างประเทศหรือไม่ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ครม.ก็ลำบากในการเปลี่ยนครั้งนี้เพราะเต็มไปด้วยคนที่มีคดีติดตัวอยู่นับตั้งแต่นายกฯ และหลายคนที่มีชื่อแพลมออกมา ก็ล้วนแต่มีคดีติดตัวหรือต้องคดีมาแล้ว ซึ่งเป็นที่ลำบากใจมาก ถ้านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรียังจะขอโปรดเกล้าฯ ครม.ที่มีคดีติดตัวอยู่ ภาพลักษณ์ครม.ก็จะเต็มไปด้วยคนที่มีคดี การยอมรับจากนานาชาติและคนในประเทศจะมีปัญหา
“ตอนนี้ยังมองทางออกของคุณทักษิณยังไม่เจอ ไปทางโน้นก็ติดทางนี้ก็ติด ถอยหลังก็ไม่ได้ เดินหน้าก็เจอศาล ลำบากมากๆคุณทักษิณตอนนี้ แต่ว่ากรรมก็จะต้องสนอง ถ้าทำกรรมดีก็ได้กรรมดี ถ้าทำกรรมชั่วก็ต้องยอมรับ” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า อันนี้เป็นอาการเรียกว่า ทางการเมืองของเมืองไทยกลังถึงจุดเปลี่ยนจริงๆ แต่จะเปลี่ยนเป็นการเมืองใหม่ได้หรือเปล่ายังต้องใช้เวลา แต่การจะให้ตุลาการภิวัฒน์กวาดนักการเมืองเก่าออกไปให้มากที่สุดมีความหวัง ฉะนั้นวันนี้เราจึงต้องสนับสนุนตุลาการฯ ให้ทำงานไปได้ตลอดลอดฝั่ง
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า ความต่อสู้ของเราที่พยายามใช้หลักอหิงสา ขันติ ไม่ใช่อาวุธและความรุนแรง 68 วัน ได้พิสูจน์นานาชาติได้แล้วว่า เราสามารถจัดการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ทำผิดกฎหมาย ทุจริตและมีนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อนได้สำเร็จ นี่คือความก้าวหน้ามากของสังคมไทยและโลก
อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะต้องยังไม่ชะล่าใจ เพราะคดียังไม่ถึงตัวคนอีกหลายคน ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อนโดยเฉพาะอดีตนายกฯ ฉะนั้นยังต้องอดทนสู้ต่อไป เขาพยายามจะขวางให้ตุลาการฯ หมดสภาพลงโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกดดันให้ ป.ป.ช.ลาออก ซึ่งเรายอมไม่ได้ เพราะถ้าตุลาการฯ และ ป.ป.ช.พัง งานที่เราทำมาทั้งหมดจะสูญไปเลย ฉะนั้นวันนี้ต้องยืนหยัด อดทนรอคอยสนับสนุน และใครที่มาใช้กำลังกับเรา อย่างกรณีที่อุดรธานีและมหาสารคาม เราก็จะใช้กฎหมายจัดการ
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า หากเราสามารถ ทำเรื่องเหล่านั้นข้างต้นสำเร็จ เรื่องต่อไปก็คือการเข้าสู่ระบบการเมืองโดยการเลือกตั้ง