“สนธิ” เตือนมวลชนพันธมิตรฯ อย่าไปศาลฎีกา วันพิพากษา “พจมาน” ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมเอาเอง ย้ำกรรมมีจริง ผลจากรวยแล้วไม่รู้จักพอ พร้อมทั้งแผ่เมตตาให้มีมโนสำนึกคิดถึงความอนิจจังไม่เที่ยง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันที่ 30 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตจประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวานฯ โดยเริ่มกล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) ซึ่งศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลี่ยงภาษีการซื้อหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ว่า ล้วนเกิดจากกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น พร้อมขอร้องไม่ให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่าไปที่ศาลอาญารัชดาฯ แม้แต่คนเดียว ให้พวกเขาเผชิญชะตากรรมของเขาเอง พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนให้พี่น้องในที่ชุมนุมสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาทีโดยให้อธิษฐานอะไรก็ได้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
นายสนธิ ได้เล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า เคยเจอคุณหญิงพจมาน ชินวัตร สมัยที่ยังไม่ร่ำรวยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สมัยที่มาพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามี มากราบกรานขอความช่วยเหลือจากนายสุวิทย์ มหาแถลง ที่เป็นชาวจังหวัดสุโขทัย และทำธุรกิจเอเยนต์รถยนต์ ในครั้งนั้นจำได้ว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ไปกราบกรานขอให้ช่วยวิ่งเต้นให้ช่วยเหลือบิดา คือ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ ที่กำลังถูกสอบสวนกรณีอนุมัติให้นำเข้ารถเบนซ์แวน ซึ่งครั้งนั้นยังนึกนิยมในใจว่าผู้หญิงคนนี้กตัญญูต่อบิดา
นายสนธิ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีข้าราชการอีกนับไม่ถ้วนที่ทั้งสองคนไปกราบกรานขอความช่วยเหลือ จนอาจเป็นปมด้อยและเจ็บแค้นในใจในเวลาต่อมา
จากวันนั้นถึงวันนี้นานกว่า 20 ปีที่สองสามีภรรยาคู่นี้ทำธุรกิจด้วยวิธีการหลายรูปแบบทำให้เกิดความร่ำรวย ซึ่งลักษณะจะเป็นแบบการเจรจา แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ คุณหญิงพจมานเพียงคนเดียว หรือแม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การโยกย้ายแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญล้วนมาจากการตัดสินใจของ คุณหญิงพจมานแทบทั้งสิ้น
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวอีกว่า ยังมีการส่งคนไปควบคุมการทำงานในหน่วยงานสำคัญไม่เว้นแม้กระทั่งในทำเนียบรัฐบาล ส่งคนไปเป็นเลขาธิการนายกฯ คอยควบคุมการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีต กกต.ในยุคสามหนายังเคยกล่าวอย่างเจ็บช้ำว่า เมื่อตัวเองตายไปแล้วจะให้ลูกๆ เปิดแผ่นซีดีที่บันทึกว่าใครเป็นคนแบล็กเมล์เขา ซึ่งก็เหมือนบางคนที่แบล็กเมล์กับทุกคนที่ยอมรับเงินของเขาไปแล้ว โดยจะมีการถ่ายรูป หรือเก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้หมด เพื่อแบล็กเมล์ให้คนเหล่านั้นยอมเป็นทาสตลอดไป จนบางครั้งว่านึกแปลกใจว่าทำไม่แม้บางคนคนบางคนไม่น่าจะทำแต่ก็ยังทำไปขนาดนั้นได้
นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตกรณีศาลอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกนอกประเทศให้กลับมาก่อนวันที่ 11 ส.ค.เพื่อมาขึ้นศาลคดีที่ดินรัชดาฯ ขณะที่ คุณหญิงพจมานให้ออกนอกประเทศวันที่ 5 ส.ค. และถ้าวันพรุ่งนี้ศาลสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา แล้วก็ต้องขอประกันตัวแล้วเดินทางออกนอกประเทศถ้าถึงตอนนั้นทั้งคู่ก็ต้องเลือกว่าจะกลับไทยหรือไม่ หากหนีคดีก็ต้องเลือกประเทศที่ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และถึงตอนนั้นคงไม่กล้าไปอาศัยฮุนเซนอย่างแน่นอน
“ที่พูดเรื่องนี้เพื่อชี้ให้เห็นถึงเรื่องกฎแห่งกรรม และพูดเพื่อเตือนให้เห็นพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้จักพอ แต่คนพวกนี้รวยแล้วไม่รู้จักพอ ทุกอย่างเอาเงินนำหน้า เพราะตั้งแต่รู้จักมาไม่เคยเห็นทั้งคู่ติดดิน หรือการไปพบกับประชาชนก็ทำเพื่อต้องการหาคะแนนเสียง หรือสร้างภาพเท่านั้น” แกนนำผู้นี้ระบุ
นายสนธิ ยังชี้ให้เห็นว่า ในอดีตไปไหนมีแต่คนห้อมล้อม แต่ทุกอย่างล้วนอนิจจัง พรุ่งนี้ก็ต้องยืนหน้าบัลลังก์ฟังคำพิพากษา และคิดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับ แต่อยากให้มีมโนสำนึกและให้ย้อนกลับไปมองอดีตแล้วสำนึกเสียใจ ถ้าอย่างนี้ก็พอให้อภัยได้ แต่ถ้าเป็นความคั่งแค้นก็ช่วยไม่ได้ เพราะวันพรุ่งนี้เป็น “วันพิพากษา”
นายสนธิ กล่าวว่า ในคืนนี้จะไม่ทำอะไรแต่จะแผ่เมตตาให้เขา เพราะไม่ได้โกรธแค้นพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่ที่โกรธแค้นเพราะเขาทำกับชาติบ้านเมือง พร้อมเชื่อว่ากรรมดีจะตอบแทนพี่น้องกันแบบวันเว้นวัน จนพี่น้องจะเชื่อว่ากรรมนั้นมีจริง
