xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะใส” ถามหาจริยธรรม “อัยการ” รับสู้คดีให้ผู้ต้องหาคดีแผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุริยะใส” จวก อัยการ ไร้มโนสำนึก เป็นถึงองค์กรอิสระ ศักดิ์ศรีเทียบเท่าตุลาการ กลับยอมว่าความให้ 3 รมต.หวย ผู้ต้องหาแผ่นดิน ยันพันธมิตรฯ จะไม่เคลื่อนพลฟังผลคดี "เมียแม้ว” พรุ่งนี้ เลี่ยงเผชิญหน้าม็อบเชลียร์ เตือน ปชช.ระวัง 7 วันอันตราย ช่วง"พลังแม้ว"ยื่นแก้ รธน.เชื่อคนจะแห่ต้านอย่างเนืองแน่น ด้าน “อมร” งง ตำรวจโอ๋ กุ๊ยป่วนมัฆวาน ตั้งข้อหาเบาหวิว ทั้งที่เจตนาพยายามฆ่าชัดเจน ตำหนิ “อัศวิน” ทำเป็นขำ ประหนึ่งรู้เห็นเป็นใจให้เกิดเหตุ

วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลแพ่งมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจชี้ขาดกรณีข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการยื่นเรื่องร้องต่อศาลแพ่งให้สั่งพันธมิตรฯย้ายเวที ว่า เนื่องจากครั้งนี้เราทราบล่วงหน้าว่าจะมีข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ไปร้อง เราจึงทำหนังสือคัดค้าน ซึ่งผู้พิพากษาก็เห็นเหตุผล จึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ

นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องนี้จริงๆ แล้วจะต้องร้องกับ ผอ.เขต หรือ กทม.หรือ บช.น.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ก่อน แต่นี่เป็นการข้ามขั้นตอน ดังนั้น จึงต้องขอบคุณผู้พิพากษาที่เปิดโอกาสให้เราโต้แย้ง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลาเป็นเดือน ดังนั้น เราจึงไม่กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะเราเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะจบลงก่อน

“อย่างที่บอก ช่วงนี้เป็นช่วง 7 วันอันตราย เนื่องจากการยื่นแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน เมื่อเริ่มมีการออกมายื่น ประชาชนก็จะออกมาอย่างเต็มที่ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนอาจนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลได้” นายสุริยะใส กล่าว

นอกจากนั้น นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีศาลอาญานัดนัดอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และพวก เลี่ยงภาษีหุ้น บ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ ในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) นั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า สำหรับมาตการรักษาความปลอดภัยที่มีคำสั่งพิเศษเฉพาะ มีหลายคนตีความว่าเพื่อเป็นการรับมือกับกองเชียร์ใช่หรือไม่ ซึ่งเพื่อความสบายใจ พันธมิตรฯจะไม่เดินทางไป จะรอฟังผลที่สะพานมัฆวาน ดังนั้น จึงอยากขอร้องประชาชนว่าอย่าไปเพื่อไม่ให้เกิดการประทะกัน

เมื่อถามว่า กลัวจะเกิดม็อบชนม็อบไหม เนื่องจากศาลที่พิจารณาคดีดังกล่าวอยู่บริเวณสนามหลวง ซึ่งใกล้กับพื้นที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ กล่าวว่า ถ้ากลุ่มที่เชียร์จะมาก็ให้ต่างคนต่างอยู่ไม่ควรมายั่วยุท้าทาย หรือเคลื่อนขบวนมาเผชิญหน้า แต่ตนคิดว่าน่าจะมีคนมาไม่เยอะ เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่กำนันและผู้ใหญ่บ้านที่ไปเกณฑ์คนมาตำบลละ 200 คน และมีค่าหัวถือว่าไม่เหมาะสม

ส่วนกรณีที่อัยการสูงสุดจะเป็นทนายแก้ต่างให้ 3 รัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดีเรื่องหวยบนดินนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ในเชิงจริยธรรมถือว่าไม่เหมาะสม เพราะคนที่ดูสำนวนแล้วไปแก้ต่างให้ มันถือว่าไม่สมควร

“อัยการสูงสุดเป็นองค์กรอิสระ และเทียบเท่าสถาบันตุลาการ แต่กลับไม่พยายามยกระดับองค์กรตัวเอง ให้เทียบเท่าสถาบันตุลาการ ดังนั้นระยะยาว ประชาชนคงหวังพึ่งไม่ได้ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่” นายสุริยะใส กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯจะหาช่องเอาผิดพฤติกรรมของอัยการ เพราะตรงนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เพราะโดยมโนธรรมสำนึกแล้ว อัยการน่าจะมีมากกว่านี้

ทั้งนี้ นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงเรื่องการชุมนุมใหญ่ วันที่ 1 ส.ค.นี้ ว่า เนื่องจากพันธมิตรฯมองว่าอาจจะมีการยื่นแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่สภา เราจึงต้องแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ เราได้แจ้งในต่างจังหวัด ว่า การเดินทางมา กทม.วันนี้อยากให้ปักหลักที่ กทม.ไม่อยากให้กลับ อย่างไรก็ตาม เราคงต้องดูท่าทีพรรคพลังประชาชนด้วย ส่วนจะเคลื่อนไปสภาด้วยหรือไม่นั้นต้องรอดูสถานการณ์อีกที

นอกจากนั้น นายสุริยะใส พร้อมด้ว ยนายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกประจำเวทีพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันกล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายขับรถบุกเข้าป่วนพื้นที่ชุมนุมพันธมิตรฯเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดย นายสุริยะใส กล่าวว่า ได้สอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว พบว่า ชายคนดังกล่าวไม่ได้มึนเมา แต่เพิ่งจะมาเมาตอนคุมตัวไปสถานีตำรวจ โดยรีบนำแอลกอฮอล์ที่ติดตัวมากรอกเข้าไปทั้งขวด และมีการนำอาวุธสงครามมาด้วย

ทั้งนี้ ข่าวเรื่องการใช้มือปืน รวมทั้งสร้างสถานการณ์ความรุนแรงช่วงนี้มีมากขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องปรับบริเวณ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความปอลดภัย ซี่งหากกระทบกระทั่งกับประชาชนก็คงต้องขออภัยด้วย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในรถมีกระเป๋าอาวุธอีกหลายใบ ดูแล้วน่าจะทำเป็นขบวนการเหมือนว่าจะมีการกระจายอาวุธ เครื่องไม้เครื่องมือให้กับพรรคพวก ถือว่ามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่า อาจจะเจตนาเอาชีวิตแกนนำ

ด้าน นายอมร ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ระบุว่า การตั้งข้อหาพกพาอาวุธของตำรวจถือว่าอ่อนเกินไป เพราะขณะที่รถพุ่งเข้ามาชนนั้น เจ้าหน้าที่รรักษาความปลอดภัยได้เข้าไปชาร์จทันที และเมื่อเปิดประตูออกมาก็อยู่ในสภาพที่ถือปืนพร้อมจะยิง มีอาวุธอยู่ด้านหน้า 5กระบอก และในมืออีกกระบอก ทุกกระบอกอยู่ในภาพพร้อมยิง จึงน่จะมีเจตนามาก่อนความวุ่นวายอย่างแน่นอน ดังนั้นตำรวจจึงควรตั้งข้อหาพยายามฆ่า

นายอมร เล่าต่อว่า เมื่อเปิดกระโปรงหลังรถของคนร้าย ก็พบกระเป๋าพร้อมอาวุธ 7-8 ใบ รวมแล้วเท่ากับมีปืนถึง 10 กว่ากระบอก ตรงนี้ตำรวจก้รีบนำไปสถานีตำรวจทันทีโดยไม่ค้นทั้งๆ ที่อาจจะนำอาวุธมาแจกจ่ายให้กับทีมสองก็ได้ นอกจากนั้น ในวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยบนเวทีนั้น มีคนเห็นชายคนดังกล่าวได้สวมเสื่อแจ๊กเก็ตในรถมาป้วนเปี้ยนบริเวณนี้ และพยายามจะเข้ามาด้วย

ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ให้สัมภาษณ์แบบตลกในลักษณะเหมือนเราพูดเกินจริงนั้น นายอมร กล่าวว่า เป็นความพยายามกลบเกลื่อนสถานการณ์ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กหรือว่ารู้เห็นเป็นใจกับเขาด้วยหรือไม่

“ตอนที่จับได้ ผมได้สอบสวนด้วย ชายคนดังกล่าวก็บอกว่าต้องการมาเคลียร์กับพวกเรา ที่สำคัญเมื่อค้นตัว ก็พบบัตร ส.ส.พรรคพลังประชาชน คือ นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร และเมื่อสอบถามอะไรก็พยายามจะโยนว่าเป็นเด็กที่อยู่ในซุ้มของ นายรณฤทธิชัย และที่สำคัญ นายรณฤทธิชัย ก็เคยอยู่พรรคชาติไทยก่อนย้ายมาอยู่พรรคพลังประชาชน” นายอมร ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น