ศูนย์ข่าวศรีราชา – พันธมิตรฯและประชาชนในเขตจังหวัดภาคตะวันออก ชี้กรณีศาลอาญาพิพากษาจำคุก “หญิงอ้อ” และพรรคพวก 3 ปีฐานจงใจเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯเป็นบรรทัดฐานที่ดีทางกระบวนการยุติธรรมและเป็นคดีตัวอย่างที่สร้างมิติใหม่ให้แก่สังคมไทย
น.ส.นุช (ขอนามสกุล) ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ศรีราชา-ชลบุรี แสดงความเห็นภายหลังศาลอาญารัชดาฯ ได้พิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 3 ปี และจำเลยที่ 3 คือนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปีว่า ส่วนตัวมองดูว่าคนทำผิดก็สมควรได้รับผลจากการกระทำ ซึ่งศาลได้ให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแจ่มชัดต่อสังคมแล้ว เพราะถ้ามองถึงประชาชนคนไทยคนอื่นที่ต่างต้องเสียภาษีให้ต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทุกคนควรกระทำ แต่การกระทำในเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีของจำเลยทั้ง 3 ก็เป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อได้ตัวผู้กระทำผิดมาก็ต้องดำเนินไปตามขั้นตอน
ด้านนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชนสระแก้ว 1 ในเครือข่ายแกนนำพันธมิตรฯภาคตะวันออก กล่าวว่า ถือเป็นบรรทัดฐานตามกระบวนการยุติธรรม เพราะศาลมีหลักฐานและข้อมูลเอาผิดอย่างครบถ้วนและการกระทำของคุณหญิงพจมาน และจำเลยทั้งหมดก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การประกันตัวเพื่ออุทธรณ์ความผิดก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่สามารถทำได้ แต่อยากจะให้สติแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ก็อยากให้ทำตามที่เคยบอกไว้ ส่วนเรื่องจะหนีคดีความดังกล่าวหรือไม่นั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป
ขณะที่ นายมนัด อ่ำเอี่ยมศรี นักต่อสู้เพื่อสิทธิประชาชนเมืองระยอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคมไทย เพราะที่ผ่านมาผู้นำประเทศหรือวงศคณาญาติจะถูกตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ น้อยมาก ที่สำคัญผู้นำประเทศก็เป็นผู้หนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งสามารถจะถูกตรวจสอบได้นับเป็นความเท่าเทียมกันทางสังคม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นบรรทัดฐานที่ดีมากของการเมืองมิติใหม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดา หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองนั้น ก็สามารถถูกตรวจสอบได้จากหลากหลายองค์กร ทั้งองค์กรภาคประชาชน รวมถึงองค์กรด้านความยุติธรรม ซึ่งจะยกระดับความเท่าเทียมกันในสังคมไทยให้มีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานที่ดีมากของการเมืองมิติใหม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดา หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองนั้น ก็สามารถถูกตรวจสอบได้จากหลากหลายองค์กร ทั้งองค์กรภาคประชาชน รวมถึงองค์กรด้านความยุติธรรม ซึ่งจะยกระดับความเท่าเทียมกันในสังคมไทยให้มีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ เชษฐวงค์รัตน์ แกนนำพันธมิตรฯกบินทร์บุรี-ปราจีนบุรี กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดหมายสำหรับผู้ที่รักในความถูกต้อง เพราะศาลได้ตัดสินไปตามหน้าที่ตามคัลลองแห่งชอบธรรมแล้ว และเชื่อแน่ว่าหลังจากได้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีนี้คงต้องหาทางหลบหนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน คงไม่มีวันยอมติดคุกเป็นแน่
นางศิริรัตน์ โพธิ์ทอง นักธุรกิจขนาดเล็กในพนัสนิคม กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ฟังผลการตัดสินของศาลอาญา ที่มีคำพิพากษาว่าให้ คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ มีความผิดจริงและสั่งลงโทษจำคุก 3 ปีแต่ก็ยังกังวลอีกว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกไปก็กลัวว่า คุณหญิงพจมาน จะหลบหนีหลีกเลี่ยงการติดคุก เพราะก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน สามารถเดินทางออกไปนอกประเทศได้ก็อาจจะทำให้ทั้งสองคนหลบหนีคำสั่งศาล ไม่ยอมติดคุก ไม่เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอีก อย่างที่นักการเมืองหรือผู้มีอันจะกินหลายๆ คนปฏิบัติกันมาก่อนหน้านี้
นางวิจิตรา วังประภา ชาวอรัญประเทศ จ.สระแก้ว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก ที่ศาลยังเป็นที่พึ่งของประชาชนอยู่ ตอนนี้กินอะไรก็ลงหลังจากรอฟังคำตัดสินมาตั้งแต่ช่วงเช้า ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อทราบผลการตัดสินของศาล
ด้านนายปัญญา เกิดชัย พ่อค้าตลาดศรีราชา กล่าวว่า ได้ฟังผลการพิพากษาของศาลวันนี้รู้สึกว่า ศาลเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้มีกำลังใจมากเลย ศาลยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่การให้ประกันอาจทำให้คุณหญิงพจมาน ที่ขอเดินทางออกไปนอกประเทศก่อนหน้านี้จะไม่กลับมาในประเทศไทยอีกครั้ง
“เขารู้ตัวอยู่แล้ว เขาคงไม่อยากติดคุกแน่นอน วิธีการไหนหลีกเลี่ยงการติดคุกได้ ผมว่าเขาทำแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าเขาหนีไปต่างประเทศถ้าไปอยู่ในประเทศที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ยังไงก็ต้องโดนส่งตัวกลับ แต่ถ้าไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็ให้เค้าอยู่ในประเทศนั้นไปเลย ไม่ต้องกลับมาอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป”
น.ส.นุช (ขอนามสกุล) ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ศรีราชา-ชลบุรี แสดงความเห็นภายหลังศาลอาญารัชดาฯ ได้พิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงภาษีหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 3 ปี และจำเลยที่ 3 คือนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปีว่า ส่วนตัวมองดูว่าคนทำผิดก็สมควรได้รับผลจากการกระทำ ซึ่งศาลได้ให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแจ่มชัดต่อสังคมแล้ว เพราะถ้ามองถึงประชาชนคนไทยคนอื่นที่ต่างต้องเสียภาษีให้ต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ทุกคนควรกระทำ แต่การกระทำในเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีของจำเลยทั้ง 3 ก็เป็นเรื่องที่ผิดอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อได้ตัวผู้กระทำผิดมาก็ต้องดำเนินไปตามขั้นตอน
ด้านนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชนสระแก้ว 1 ในเครือข่ายแกนนำพันธมิตรฯภาคตะวันออก กล่าวว่า ถือเป็นบรรทัดฐานตามกระบวนการยุติธรรม เพราะศาลมีหลักฐานและข้อมูลเอาผิดอย่างครบถ้วนและการกระทำของคุณหญิงพจมาน และจำเลยทั้งหมดก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การประกันตัวเพื่ออุทธรณ์ความผิดก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่สามารถทำได้ แต่อยากจะให้สติแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ก็อยากให้ทำตามที่เคยบอกไว้ ส่วนเรื่องจะหนีคดีความดังกล่าวหรือไม่นั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป
ขณะที่ นายมนัด อ่ำเอี่ยมศรี นักต่อสู้เพื่อสิทธิประชาชนเมืองระยอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับสังคมไทย เพราะที่ผ่านมาผู้นำประเทศหรือวงศคณาญาติจะถูกตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ น้อยมาก ที่สำคัญผู้นำประเทศก็เป็นผู้หนึ่งที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งสามารถจะถูกตรวจสอบได้นับเป็นความเท่าเทียมกันทางสังคม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นบรรทัดฐานที่ดีมากของการเมืองมิติใหม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดา หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองนั้น ก็สามารถถูกตรวจสอบได้จากหลากหลายองค์กร ทั้งองค์กรภาคประชาชน รวมถึงองค์กรด้านความยุติธรรม ซึ่งจะยกระดับความเท่าเทียมกันในสังคมไทยให้มีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานที่ดีมากของการเมืองมิติใหม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดา หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองนั้น ก็สามารถถูกตรวจสอบได้จากหลากหลายองค์กร ทั้งองค์กรภาคประชาชน รวมถึงองค์กรด้านความยุติธรรม ซึ่งจะยกระดับความเท่าเทียมกันในสังคมไทยให้มีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ เชษฐวงค์รัตน์ แกนนำพันธมิตรฯกบินทร์บุรี-ปราจีนบุรี กล่าวว่า เป็นไปตามที่คาดหมายสำหรับผู้ที่รักในความถูกต้อง เพราะศาลได้ตัดสินไปตามหน้าที่ตามคัลลองแห่งชอบธรรมแล้ว และเชื่อแน่ว่าหลังจากได้ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีนี้คงต้องหาทางหลบหนีออกนอกประเทศอย่างแน่นอน คงไม่มีวันยอมติดคุกเป็นแน่
นางศิริรัตน์ โพธิ์ทอง นักธุรกิจขนาดเล็กในพนัสนิคม กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ฟังผลการตัดสินของศาลอาญา ที่มีคำพิพากษาว่าให้ คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ มีความผิดจริงและสั่งลงโทษจำคุก 3 ปีแต่ก็ยังกังวลอีกว่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกไปก็กลัวว่า คุณหญิงพจมาน จะหลบหนีหลีกเลี่ยงการติดคุก เพราะก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน สามารถเดินทางออกไปนอกประเทศได้ก็อาจจะทำให้ทั้งสองคนหลบหนีคำสั่งศาล ไม่ยอมติดคุก ไม่เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอีก อย่างที่นักการเมืองหรือผู้มีอันจะกินหลายๆ คนปฏิบัติกันมาก่อนหน้านี้
นางวิจิตรา วังประภา ชาวอรัญประเทศ จ.สระแก้ว กล่าวว่า รู้สึกดีใจมาก ที่ศาลยังเป็นที่พึ่งของประชาชนอยู่ ตอนนี้กินอะไรก็ลงหลังจากรอฟังคำตัดสินมาตั้งแต่ช่วงเช้า ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อทราบผลการตัดสินของศาล
ด้านนายปัญญา เกิดชัย พ่อค้าตลาดศรีราชา กล่าวว่า ได้ฟังผลการพิพากษาของศาลวันนี้รู้สึกว่า ศาลเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ทำให้มีกำลังใจมากเลย ศาลยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่การให้ประกันอาจทำให้คุณหญิงพจมาน ที่ขอเดินทางออกไปนอกประเทศก่อนหน้านี้จะไม่กลับมาในประเทศไทยอีกครั้ง
“เขารู้ตัวอยู่แล้ว เขาคงไม่อยากติดคุกแน่นอน วิธีการไหนหลีกเลี่ยงการติดคุกได้ ผมว่าเขาทำแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรถ้าเขาหนีไปต่างประเทศถ้าไปอยู่ในประเทศที่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ยังไงก็ต้องโดนส่งตัวกลับ แต่ถ้าไปอยู่ในประเทศที่ไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็ให้เค้าอยู่ในประเทศนั้นไปเลย ไม่ต้องกลับมาอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป”