ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯถกยกแรกทิศทาง "การเมืองใหม่" ยันเลือกตั้ง 100% แต่แบ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงกับเลือกตั้งจากตัวแทนกลุ่มอาชีพ เตรียมนำขอฉันทามติที่ชุมนุมก่อนถกภาคสังคม คนพิการ ชนกลุ่มน้อย 27 ก.ย.นี้ เผย "หมอประเวศ-ชัยอนันต์" ก็ร่วมเสนอแนวทางด้วย ขณะที่จดหมาย-แฟกซ์ข้อเสนอมีมากกว่าพันฉบับ "เจิมศักดิ์" ย้ำถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง "จำลอง" ย้ำจุดยืนพร้อมเจรจารัฐบาลทุกเมื่อแต่ต้องอยู่บนพื้นฐาน พปช.ลาออกและไม่แก้ รธน. ด้าน"พิภพ"แฉกลุ่มทุนนิยมสมานย์อยู่เบื้องหลังจัดโผ "ครม.สมชาย"
วานนี้ (21 ก.ย.) เวลา 14.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการประชุมกึ่งเสวนาระหว่างนักวิชาการ นักการทูต ตัวแทนภาคประชาสังคม ตัวแทนรัฐวิสาหกิจ และตัวแทนภาคส่วนต่าง ๆ ที่ห้องอาหารภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ได้เชิญประชุมและระบุก่อนหน้านี้ว่า จะมีการเสวนาและประชุมทิศทางสู่การเมืองใหม่ เพื่อนำเสนอเป็นตุ๊กตา ให้แก่พันธมิตรฯและประชาชนโดยทั่วไปรับทราบในวันนี้ (22 ก.ย.)
หลายฝ่ายร่วมถกการเมืองใหม่
ทั้งนี้ นอกจากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง พล.ต.จำลอง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา แล้วยังมีผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วยนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ นายสาวิตต์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายกษิต ภิรมย์ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสำราญ รอดเพชร และนายสุรัตน์ โหราชัยกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งการประชุมเป็นการประมวลข้อเสนอแนะ และข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองใหม่ เพื่อกำหนดกรอบการไปสู่การเมืองใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม พล.ต.จำลอง ระบุว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯคนสำคัญได้ขออนุญาตไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย แต่ได้ฝากข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายมาให้กับตนและจะมีการนำเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ แต่ในวันนี้คงยังจะไม่สรุปเป็นข้อยุติ แต่จะจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอไปยังกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เช่น ขณะนี้ทหารผ่านศึกกว่า 1 แสนนาย ไม่มีใครเข้ามาเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้เลย
ขณะเดียวกันนายสมเกียรติ ระบุว่า ทิศทางการเมืองใหม่พันธมิตรฯ จะทำอย่างไรเพื่อเสนอให้กับคนทุกอาชีพรับทราบ เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีผู้ที่ต้องการเสนอภาพสังคม ของการเมืองใหม่เข้ามายังพันธมิตรฯ จำนวนมากแต่ไม่ต้องการที่จะออกมาแสดงตัวอย่างเปิดเผย เช่น นพ.ประเวศ วะสี หรือนายชัยอนันต์ สมุทรวณิช
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสมศักดิ์ ได้นำจดหมายและแฟกซ์ข้อเสนอการเมืองใหม่จำนวนมากกว่า 1,000 ฉบับ มาชี้แจงกับที่ประชุม ซึ่งนายสมเกียรติ เห็นว่า สมควรที่จะนำข้อเสนอมาทำเป็นรายละเอียดและจัดเป็นชาร์ต เพื่อนำเสนอประชาชนรับทราบ
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวตอนท้ายว่า จากนี้ไปเมื่อพันธมิตรฯและภาคส่วนต่าง ๆ ตกผลึกทางความคิดแล้วจะจัดทำเป็นตุ๊กตาหรือโมเดล เสนอให้กับผู้ร่วมชุมนุมรับทราบและจัดทำเป็นรายละเอียดจัดส่งไปยังกลุ่มบุคคลสายอาชีพต่าง ๆ เพื่อกำหนดทิศทาง และจัดทำเป็นมติร่วมต่อไป เนื่องจากการเสวนาและการประชุมในกลุ่มบุคคลในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เราจะพูดถึงปัญหาว่าทำไมถึงจะต้องเกิดการเมืองใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกันพันธมิตรฯในภูมิภาค ได้จัดเวทีสัมมนาทิศทางสู่การเมืองใหม่ขึ้นพร้อมกับส่วนกลาง เช่น จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
ตกผลึกรอบแรกเลือกตั้ง 100%
เวลา 17.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงผลการประชุมวางกรอบการเมืองใหม่ว่า ที่ประชุมได้นิยามการเมืองใหม่ว่า เป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง มุ่งเทิดทูนสถาบันและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง การเข้าสู่การเมืองใหม่ต้องมีการปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ โดยที่ประชุมเห็นว่า ส.ส.จะต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% แต่แบ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงและการเลือกตั้งจากตัวแทนสาขาอาชีพ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า นักการเมืองจะต้องไม่ใช่อาชีพที่เข้ามาแสวงประโยชน์หรืออำนาจ นักการเมืองต้องมีจริยธรรม ต้องลงนามในสัตยาบันจริยธรรม ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้การเมืองใหม่จะต้องเพิ่มอำนาจภาคประชาชน ทั้งการมีส่วนร่วม และการเรียกคืนอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม
นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้การเมืองเก่าล้มเหลว มาจากการได้มาซึ่งอำนาจที่ขัดต่อจริยธรรมและกฎหมาย การเลือกตั้งที่มีระบบอุปถัมภ์ของนักการเมืองและนายทุน ที่ไม่ยึดหลักนิติธรรม ประกอบกับนักการเมืองที่ยอมให้นายทุนสามารถซื้อได้และประชาชนขาดการมีส่วนร่วม โดยถึงสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างจำกัด
เมื่อถามว่าได้คุยกันถึงสัดส่วนการเลือกตั้งจากสาขาอาชีพหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้คุยถึงขั้นนั้นเป็นเพียงการกำหนดกรอบกว้าง ๆ และจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 27 ก.ย.เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เช่น ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย คนจนเมือง และตัวแทนเอ็นจีโอเข้าร่วม
ด้าน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การเลือกตั้งแบบเดิมมุ่งไปที่บทบาทของพื้นที่ ซึ่งมีความหลากหลาย และในท้องถิ่นขาดข้อมูลข่าวสาร จึงสามารถถูกครอบงำโดยระบบอุปถัมภ์ได้โดยง่าย ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ต้องเปลี่ยนแปลง
นัดถก"ภาคสังคม" 27 ก.ย.นี้
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ระบบการเลือกตั้งเดิมเป็นระบบที่กีดกันบุคคลที่มาจากหลายสาขาอาชีพ ไม่ให้เข้าสู่อำนาจทำให้โครงสร้างการเมืองไม่สมบูรณ์ ระบบถูกครอบงำโดยนักเลือกตั้งและกลุ่มทุน และผู้มีอำนาจไม่ได้ใช้อำนาจ ตามหลักจริยธรรมขั้นพื้นที่ หรือคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนบ่อยครั้ง ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องมีระบบคอยตรวจสอบการได้มาจากคนหลากหลายสาขาอาชีพ ถือว่ามีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบได้โดยตรง
นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูต กล่าวถึงการลงนามสัตยาบันจริยธรรมของนักการเมืองว่าต่อไปนี้ผู้ที่จะมาเป็นผู้แทนจะต้องเซ็นสัญญาหรือลงนามสัตยาบันเพื่อประพฤติตามกรอบจริยธรรม เพราะคนเหล่านี้จะมารับใช้ประเทศชาติ หากไม่มีจริยธรรมก็ไม่สมควรเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องมีขั้นตอนมากมาย หากมีการกระทำที่ส่อว่า ประพฤติไม่ถูกไม่ควรจะต้องออกจากหน้าที่โดยอัตโนมัติ
รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพันธมิตรฯจะนำผลสรุปมาขอฉันทามติจากที่ชุมนุมและจะเชิญองค์การภาคประชาสังคมต่าง ๆ มาหารืออีกครั้งในประเด็นเศรษฐกิจและสังคมในวันที่ 27 ก.ย.นี้
"จำลอง" ค้านตั้ง"อุดมชัย"นั่งกลาโหม
เวลาประมาณ 22.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงการที่มีกระแสข่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้มีการพิจารณาตั้ง พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นเห็นว่าไม่เหมาะสม โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจาก พล.อ.อุดมชัย นั้นมีความสนิทสนมกับ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และอดีตประธานรัฐสภา และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชาย และไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่ทหาร
"ข้อความที่ผมจะบอกต่อไปนี้เป็นการช่วยท่าน พล.อ.อุดมชัย ด้วย และเป็นการช่วยท่านสมชายด้วย คือ ถ้าท่านเอา พล.อ.อุดมชัย มาดำรงตำแหน่งใดก็ตามในรัฐบาลชุดนี้ คนเขาจะเสื่อมศรัทธารัฐบาลของท่านลงไปอีก เพราะแต่เดิมคนก็มีข้อสังเกตอยู่แล้วกับตัวท่านนายกรัฐมนตรีเองและรัฐมนตรีหลายคน เพราะนายทหารที่อยู่ในกองทัพภาคที่ 3 เขารู้กันทั่วเลยครับว่าสนิทกับ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช มากที่สุด" พล.ต.จำลองกล่าว
ทั้งนี้ ประวัติของ พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ นอกจากเคยดำรงตำแหน่งอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และในเวลาต่อมาดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม สมัยนายสมัคร สุนทรเวชแล้ว โดยเป็นคนออกมาการันตีว่าการแต่งตั้ง นายดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กลับเข้ารับราชการในกระทรวงกลาโหมจะไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายยงยุทธ สมัยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นคนหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนในหมู่ทหาร เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
"เพราะฉะนั้นถ้าแต่งตั้งไปเป็นตำแหน่งใดก็ตามคนเขาจะเสื่อมศรัทธา โดยเฉพาะในแวดวงทหาร เหล่าทหารบกรู้ดีว่าไม่เป็นการบังควรที่จะตั้ง พล.อ.อุดมชัย และที่สำคัญ พล.อ.อุดมชัย ยังเคยดำรงตำแหน่งเลขาฯ รมว.กลาโหม ของนายสมัคร สุนทรเวชที่เพิ่งหลุดออกจากตำแหน่งไปอีกด้วย ดังนั้นผมเห็นว่าจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะรบกวนท่านให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี" พล.ต.จำลองกล่าว
พธม.ยื่นเงื่อนไข "พปช.ลาออก"
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราเร่งรัดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องทำเรื่องจำเป็น คือ การตั้ง ครม.
"หากนายกฯ สะดวกเมื่อไหร่ก็สามารถมาเจรจากับพันธมิตรฯได้ ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ในรัฐบาลขณะนี้ยังไม่มีติดต่อมา อย่างไรก็ตาม การเจรจาจะต้องอยู่บนพื้นฐาน คือ พรรคพลังประชาชนต้องลาออกและไม่แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตนยืนยันว่าเราไม่ได้เจรจาเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เราเจรจาเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก" พล.ต.จำลอง กล่าว
แฉกลุ่มทุนสามานย์บงการโผ ครม.
นายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า คนที่เป็นรัฐบาลจะต้องไม่ใช่คนในพรรคพลังประชาชน เพราะคนพวกนี้เป็นพวกทุนนิยมสามานย์ ต้องไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแนวทางไปสู่การเมืองใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ส่วนโฉมหน้า "ครม.สมชาย 1" ในความคิดของพันธมิตรฯ นั้น นายพิภพ กล่าวว่า ในมุมมองของกลุ่มพันธมิตรฯ มองว่า การจัดโผ ครม.ชุดนี้มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีส่วนในการจัดโผ ดังนั้น เราจึงไม่ให้ความสำคัญ เพราะคนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ก็จะมุ่งทำการเมืองเพื่อเงิน และผลประโยชน์ส่วนตัว
"จำลอง" ท้า ตร.บุกเข้าจับแกนนำ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นข่าวที่ยืนยันมาอย่างนั้น แต่จะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากตำรวจเห็นว่ายังไม่สมควรสลายการชุมนุมก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวที่พันธมิตรฯ ได้มาจะเป็นข่าวผิด ซึ่งขณะนี้เราก็อยู่กันตามปกติ ไม่ได้เตรียมรับมืออะไร แต่ถ้าหากมีการสลายการชุมนุมจริงก็อาจจะเกิดเหตุวุ่นวายตามมา ซึ่งตำรวจต้องรับผิดชอบ และชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพันธมิตรฯชนะอุทธรณ์ข้อหากบฏ พันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราไม่ได้คาดหวังไว้ล่วงหน้า ต้องดูการตัดสินของศาล ซึ่งการที่เรามาชุมนุมนั้นเราทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เราไม่ได้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งโทษข้อหากบฏถือว่ารุนแรงไป เพราะมีโทษเบาที่สุดคือติดคุกตลอดชีวิต ร้ายแรงที่สุดคือประหารชีวิต แต่เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็เป็นฝ่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ เห็นได้จากกรณีเขาพระวิหาร
เมื่อถามว่า หากพันธมิตรฯเชื่อว่าตัวเองบริสุทธิ์จริง ทำไมไม่มอบตัวต่อสู้ในชั้นศาล พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนของพันธมิตรฯ ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรม อยู่ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งตำรวจก็สามารถเข้ามาจับแกนนำพันธมิตรฯ ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะพิจารณา
"ขณะนี้วงการศาลเป็นห่วงมากว่าคนที่ทำเพื่อบ้านเมืองทำไมถึงถูกตั้งข้อหาแรงแบบนี้ ถ้าปล่อยไปอาจทำให้บ้านเมืองเสียหายาได้ เนื่องจากการกระทำของพันธมิตรไม่ได้เป็นกบฏ ดังนั้น การที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาแบบนี้จึงเป็นข้อกล่าวหาเท็จ และเราก็ไม่เคยเอาเรื่องเหล่านี้มาต่อรองในการเจรจา หากเอามาต่อสู้ก็บ้าแล้ว" พล.ต.จำลอง กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พันธมิตรฯบอกว่าตำรวจสามารถมาจับได้แสดงว่าต้องการให้เกิดความวุ่นวาย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นคงเดินไปให้ตำรวจจับไปแล้ว เราไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการสร้างสถานการณ์ ที่เราไม่มอบตัวก็เพราะประชาชนขอไว้ อีกทั้งเรายังมีแนวทางในการต่อสู้อยู่แล้ว
นายพิภพ กล่าว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นการต่อสู้ภาคประชาชน ซึ่งข้อกล่าวหาที่ตำรวจตั้งให้กลุ่มพันธมิตรฯ นั้นเป็นสิ่งที่เกินจริง และย้อนเป็นไปในลักษณะย้อนยุค เพราะในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 ที่ตำรวจจับ 13 คนที่แจกใบปลิวเรียกร้องประชาธิปไตย จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ตั้งข้อหาให้คนกลุ่มนี้ว่าเป็นกบฏ
เปิดแนวทาง"การเมืองใหม่"วันนี้
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงแนวคิด "การเมืองใหม่"ว่า ในวันนี้ (21 ก.ย.) เวลา 14.00-17.00 น.จะมีการประชุมหารือเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 10 คน โดยใช้ซอกตึกบริเวณในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ประชุม ส่วนแนวทางการประชุมนั้นจะรวบรวมความคิดเห็นแนวทางการเมืองใหม่ของแกนนำทั้ง 5 คน รวมถึงความเห็นของประชาชนที่ส่งความคิดเห็นเข้ามา ซึ่งจะมีการประกาศแนวทางการเมืองใหม่แบบตุ๊กตาให้ประชาชนทราบในวันที่ 22 ก.ย.นี้
เมื่อถามว่า หากมีการเมืองใหม่แล้วพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาล พันธมิตรฯจะยอมรับได้หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราไม่ได้มองไกลถึงขนาดนั้น แต่ขณะนี้เรามองว่าการที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลต่อไปก็จะยิ่งแย่ นอกจากนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว
"120 วัน"ของการชุมนุมยังคึกคัก
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และภายในทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวันวานนี้ (21 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 120 ของการชุมนุม ยังคงมีแนวร่วมขึ้นปราศรัยแสดงจุดยืนและกล่าวโจมตีอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลภายใต้พรรคพลังประชาชนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีว่าที่คู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง คือ นายปรัชญา สิงห์โต และนางสาวจิวาพร ไขศรี ได้เข้ามาภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปบริเวณตึกไทยคู่ฟ้าไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทั้ง 2 คนจะจัดพิธีมงคลสมรสในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก โดยนายปรัชญา ฝ่ายเจ้าบ่าว บอกว่า มาถ่ายรูปที่ทำเนียบรัฐบาลขณะที่มีการชุมนุมเพื่อขอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของไทย ซึ่งในเวลาปกติไม่สามารถเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลได้ ถือว่าวานนี้เป็นโอกาสที่ดี อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับกลุ่มแกนนำทุกเรื่อง แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ
นอกจากนี้ ภายในบริเวณการชุมนุมทำเนียบรัฐบาลยังได้มีการนำบอร์ดแสดงเจตจำนงของพันธมิตรฯ เกี่ยวกับบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรี ติดตั้งไว้ที่ประตู 1 มีประเด็นหลักว่า นายกรัฐมนตรีต้องฝักใฝ่ความดี มีจิตประชาธิปไตย และมีศักดิ์ศรีเป็นหน้าตาของประเทศด้วย
พันธมิตรสงขลาฯปักหลักสู้ไม่ถอย
วานนี้ (21 ก.ย.) ที่ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ เวทีการชุมนุมของพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ย่างเข้าเดือนที่ 4 พี่น้องประชาชนยังมาร่วมชุมนุมกันอย่างเหนียวแน่นทุกคืน จนคณะทำงานต้องเพิ่มจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่อีก 1 จอ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชมการถ่ายทอดสด ผ่านดาวเทียมช่อง ASTV ในการติดตามสถานการณ์การขับไล่รัฐบาลซูเปอร์นอมินี และรับฟังความรู้เรื่องการเมืองใหม่ จากทำเนียบรัฐบาล ได้อย่างสบายๆ ไม่แออัด
ทั้งนี้ ในส่วนของเสื้อที่ระลึกที่คณะทำงานได้จัดทำขึ้นหลายแบบด้วยกันนั้น ก็ยังคงเป็นที่นิยม ที่พี่น้องพันธมิตรซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศที่ลานประวัติศาสตร์ คึกคักอย่างเช่นทุกวัน
วานนี้ (21 ก.ย.) เวลา 14.00 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้มีการประชุมกึ่งเสวนาระหว่างนักวิชาการ นักการทูต ตัวแทนภาคประชาสังคม ตัวแทนรัฐวิสาหกิจ และตัวแทนภาคส่วนต่าง ๆ ที่ห้องอาหารภายในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ได้เชิญประชุมและระบุก่อนหน้านี้ว่า จะมีการเสวนาและประชุมทิศทางสู่การเมืองใหม่ เพื่อนำเสนอเป็นตุ๊กตา ให้แก่พันธมิตรฯและประชาชนโดยทั่วไปรับทราบในวันนี้ (22 ก.ย.)
หลายฝ่ายร่วมถกการเมืองใหม่
ทั้งนี้ นอกจากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง พล.ต.จำลอง, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา แล้วยังมีผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วยนายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ นายสาวิตต์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายสุรพงษ์ ชัยนาม นายกษิต ภิรมย์ พล.อ.อ.เทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสำราญ รอดเพชร และนายสุรัตน์ โหราชัยกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งการประชุมเป็นการประมวลข้อเสนอแนะ และข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองใหม่ เพื่อกำหนดกรอบการไปสู่การเมืองใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม พล.ต.จำลอง ระบุว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯคนสำคัญได้ขออนุญาตไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย แต่ได้ฝากข้อเสนอแนะจากหลายฝ่ายมาให้กับตนและจะมีการนำเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ แต่ในวันนี้คงยังจะไม่สรุปเป็นข้อยุติ แต่จะจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอไปยังกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เช่น ขณะนี้ทหารผ่านศึกกว่า 1 แสนนาย ไม่มีใครเข้ามาเป็นตัวแทนของคนกลุ่มนี้เลย
ขณะเดียวกันนายสมเกียรติ ระบุว่า ทิศทางการเมืองใหม่พันธมิตรฯ จะทำอย่างไรเพื่อเสนอให้กับคนทุกอาชีพรับทราบ เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีผู้ที่ต้องการเสนอภาพสังคม ของการเมืองใหม่เข้ามายังพันธมิตรฯ จำนวนมากแต่ไม่ต้องการที่จะออกมาแสดงตัวอย่างเปิดเผย เช่น นพ.ประเวศ วะสี หรือนายชัยอนันต์ สมุทรวณิช
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสมศักดิ์ ได้นำจดหมายและแฟกซ์ข้อเสนอการเมืองใหม่จำนวนมากกว่า 1,000 ฉบับ มาชี้แจงกับที่ประชุม ซึ่งนายสมเกียรติ เห็นว่า สมควรที่จะนำข้อเสนอมาทำเป็นรายละเอียดและจัดเป็นชาร์ต เพื่อนำเสนอประชาชนรับทราบ
ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวตอนท้ายว่า จากนี้ไปเมื่อพันธมิตรฯและภาคส่วนต่าง ๆ ตกผลึกทางความคิดแล้วจะจัดทำเป็นตุ๊กตาหรือโมเดล เสนอให้กับผู้ร่วมชุมนุมรับทราบและจัดทำเป็นรายละเอียดจัดส่งไปยังกลุ่มบุคคลสายอาชีพต่าง ๆ เพื่อกำหนดทิศทาง และจัดทำเป็นมติร่วมต่อไป เนื่องจากการเสวนาและการประชุมในกลุ่มบุคคลในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เราจะพูดถึงปัญหาว่าทำไมถึงจะต้องเกิดการเมืองใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเดียวกันพันธมิตรฯในภูมิภาค ได้จัดเวทีสัมมนาทิศทางสู่การเมืองใหม่ขึ้นพร้อมกับส่วนกลาง เช่น จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
ตกผลึกรอบแรกเลือกตั้ง 100%
เวลา 17.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงผลการประชุมวางกรอบการเมืองใหม่ว่า ที่ประชุมได้นิยามการเมืองใหม่ว่า เป็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง มุ่งเทิดทูนสถาบันและเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม และสร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง การเข้าสู่การเมืองใหม่ต้องมีการปฏิรูปการเข้าสู่อำนาจ โดยที่ประชุมเห็นว่า ส.ส.จะต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% แต่แบ่งเป็นการเลือกตั้งโดยตรงและการเลือกตั้งจากตัวแทนสาขาอาชีพ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า นักการเมืองจะต้องไม่ใช่อาชีพที่เข้ามาแสวงประโยชน์หรืออำนาจ นักการเมืองต้องมีจริยธรรม ต้องลงนามในสัตยาบันจริยธรรม ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนี้การเมืองใหม่จะต้องเพิ่มอำนาจภาคประชาชน ทั้งการมีส่วนร่วม และการเรียกคืนอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม
นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้การเมืองเก่าล้มเหลว มาจากการได้มาซึ่งอำนาจที่ขัดต่อจริยธรรมและกฎหมาย การเลือกตั้งที่มีระบบอุปถัมภ์ของนักการเมืองและนายทุน ที่ไม่ยึดหลักนิติธรรม ประกอบกับนักการเมืองที่ยอมให้นายทุนสามารถซื้อได้และประชาชนขาดการมีส่วนร่วม โดยถึงสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ได้อย่างจำกัด
เมื่อถามว่าได้คุยกันถึงสัดส่วนการเลือกตั้งจากสาขาอาชีพหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้คุยถึงขั้นนั้นเป็นเพียงการกำหนดกรอบกว้าง ๆ และจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 27 ก.ย.เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ เช่น ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย คนจนเมือง และตัวแทนเอ็นจีโอเข้าร่วม
ด้าน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การเลือกตั้งแบบเดิมมุ่งไปที่บทบาทของพื้นที่ ซึ่งมีความหลากหลาย และในท้องถิ่นขาดข้อมูลข่าวสาร จึงสามารถถูกครอบงำโดยระบบอุปถัมภ์ได้โดยง่าย ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ต้องเปลี่ยนแปลง
นัดถก"ภาคสังคม" 27 ก.ย.นี้
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ระบบการเลือกตั้งเดิมเป็นระบบที่กีดกันบุคคลที่มาจากหลายสาขาอาชีพ ไม่ให้เข้าสู่อำนาจทำให้โครงสร้างการเมืองไม่สมบูรณ์ ระบบถูกครอบงำโดยนักเลือกตั้งและกลุ่มทุน และผู้มีอำนาจไม่ได้ใช้อำนาจ ตามหลักจริยธรรมขั้นพื้นที่ หรือคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนบ่อยครั้ง ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องมีระบบคอยตรวจสอบการได้มาจากคนหลากหลายสาขาอาชีพ ถือว่ามีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบได้โดยตรง
นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูต กล่าวถึงการลงนามสัตยาบันจริยธรรมของนักการเมืองว่าต่อไปนี้ผู้ที่จะมาเป็นผู้แทนจะต้องเซ็นสัญญาหรือลงนามสัตยาบันเพื่อประพฤติตามกรอบจริยธรรม เพราะคนเหล่านี้จะมารับใช้ประเทศชาติ หากไม่มีจริยธรรมก็ไม่สมควรเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องมีขั้นตอนมากมาย หากมีการกระทำที่ส่อว่า ประพฤติไม่ถูกไม่ควรจะต้องออกจากหน้าที่โดยอัตโนมัติ
รายงานข่าวแจ้งว่า แกนนำพันธมิตรฯจะนำผลสรุปมาขอฉันทามติจากที่ชุมนุมและจะเชิญองค์การภาคประชาสังคมต่าง ๆ มาหารืออีกครั้งในประเด็นเศรษฐกิจและสังคมในวันที่ 27 ก.ย.นี้
"จำลอง" ค้านตั้ง"อุดมชัย"นั่งกลาโหม
เวลาประมาณ 22.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงการที่มีกระแสข่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้มีการพิจารณาตั้ง พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นเห็นว่าไม่เหมาะสม โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจาก พล.อ.อุดมชัย นั้นมีความสนิทสนมกับ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน และอดีตประธานรัฐสภา และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชาย และไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่ทหาร
"ข้อความที่ผมจะบอกต่อไปนี้เป็นการช่วยท่าน พล.อ.อุดมชัย ด้วย และเป็นการช่วยท่านสมชายด้วย คือ ถ้าท่านเอา พล.อ.อุดมชัย มาดำรงตำแหน่งใดก็ตามในรัฐบาลชุดนี้ คนเขาจะเสื่อมศรัทธารัฐบาลของท่านลงไปอีก เพราะแต่เดิมคนก็มีข้อสังเกตอยู่แล้วกับตัวท่านนายกรัฐมนตรีเองและรัฐมนตรีหลายคน เพราะนายทหารที่อยู่ในกองทัพภาคที่ 3 เขารู้กันทั่วเลยครับว่าสนิทกับ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช มากที่สุด" พล.ต.จำลองกล่าว
ทั้งนี้ ประวัติของ พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ นอกจากเคยดำรงตำแหน่งอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และในเวลาต่อมาดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.กลาโหม สมัยนายสมัคร สุนทรเวชแล้ว โดยเป็นคนออกมาการันตีว่าการแต่งตั้ง นายดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กลับเข้ารับราชการในกระทรวงกลาโหมจะไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายยงยุทธ สมัยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นคนหาเสียงให้พรรคพลังประชาชนในหมู่ทหาร เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
"เพราะฉะนั้นถ้าแต่งตั้งไปเป็นตำแหน่งใดก็ตามคนเขาจะเสื่อมศรัทธา โดยเฉพาะในแวดวงทหาร เหล่าทหารบกรู้ดีว่าไม่เป็นการบังควรที่จะตั้ง พล.อ.อุดมชัย และที่สำคัญ พล.อ.อุดมชัย ยังเคยดำรงตำแหน่งเลขาฯ รมว.กลาโหม ของนายสมัคร สุนทรเวชที่เพิ่งหลุดออกจากตำแหน่งไปอีกด้วย ดังนั้นผมเห็นว่าจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะรบกวนท่านให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี" พล.ต.จำลองกล่าว
พธม.ยื่นเงื่อนไข "พปช.ลาออก"
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราเร่งรัดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องทำเรื่องจำเป็น คือ การตั้ง ครม.
"หากนายกฯ สะดวกเมื่อไหร่ก็สามารถมาเจรจากับพันธมิตรฯได้ ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ในรัฐบาลขณะนี้ยังไม่มีติดต่อมา อย่างไรก็ตาม การเจรจาจะต้องอยู่บนพื้นฐาน คือ พรรคพลังประชาชนต้องลาออกและไม่แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตนยืนยันว่าเราไม่ได้เจรจาเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เราเจรจาเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก" พล.ต.จำลอง กล่าว
แฉกลุ่มทุนสามานย์บงการโผ ครม.
นายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า คนที่เป็นรัฐบาลจะต้องไม่ใช่คนในพรรคพลังประชาชน เพราะคนพวกนี้เป็นพวกทุนนิยมสามานย์ ต้องไม่คิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแนวทางไปสู่การเมืองใหม่ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ส่วนโฉมหน้า "ครม.สมชาย 1" ในความคิดของพันธมิตรฯ นั้น นายพิภพ กล่าวว่า ในมุมมองของกลุ่มพันธมิตรฯ มองว่า การจัดโผ ครม.ชุดนี้มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีส่วนในการจัดโผ ดังนั้น เราจึงไม่ให้ความสำคัญ เพราะคนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ก็จะมุ่งทำการเมืองเพื่อเงิน และผลประโยชน์ส่วนตัว
"จำลอง" ท้า ตร.บุกเข้าจับแกนนำ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นข่าวที่ยืนยันมาอย่างนั้น แต่จะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากตำรวจเห็นว่ายังไม่สมควรสลายการชุมนุมก็ไม่ได้หมายความว่าข่าวที่พันธมิตรฯ ได้มาจะเป็นข่าวผิด ซึ่งขณะนี้เราก็อยู่กันตามปกติ ไม่ได้เตรียมรับมืออะไร แต่ถ้าหากมีการสลายการชุมนุมจริงก็อาจจะเกิดเหตุวุ่นวายตามมา ซึ่งตำรวจต้องรับผิดชอบ และชดใช้ค่าเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพันธมิตรฯชนะอุทธรณ์ข้อหากบฏ พันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราไม่ได้คาดหวังไว้ล่วงหน้า ต้องดูการตัดสินของศาล ซึ่งการที่เรามาชุมนุมนั้นเราทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เราไม่ได้ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งโทษข้อหากบฏถือว่ารุนแรงไป เพราะมีโทษเบาที่สุดคือติดคุกตลอดชีวิต ร้ายแรงที่สุดคือประหารชีวิต แต่เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็เป็นฝ่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ เห็นได้จากกรณีเขาพระวิหาร
เมื่อถามว่า หากพันธมิตรฯเชื่อว่าตัวเองบริสุทธิ์จริง ทำไมไม่มอบตัวต่อสู้ในชั้นศาล พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนของพันธมิตรฯ ก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรม อยู่ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งตำรวจก็สามารถเข้ามาจับแกนนำพันธมิตรฯ ได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะพิจารณา
"ขณะนี้วงการศาลเป็นห่วงมากว่าคนที่ทำเพื่อบ้านเมืองทำไมถึงถูกตั้งข้อหาแรงแบบนี้ ถ้าปล่อยไปอาจทำให้บ้านเมืองเสียหายาได้ เนื่องจากการกระทำของพันธมิตรไม่ได้เป็นกบฏ ดังนั้น การที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาแบบนี้จึงเป็นข้อกล่าวหาเท็จ และเราก็ไม่เคยเอาเรื่องเหล่านี้มาต่อรองในการเจรจา หากเอามาต่อสู้ก็บ้าแล้ว" พล.ต.จำลอง กล่าว
เมื่อถามว่า การที่พันธมิตรฯบอกว่าตำรวจสามารถมาจับได้แสดงว่าต้องการให้เกิดความวุ่นวาย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นคงเดินไปให้ตำรวจจับไปแล้ว เราไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการสร้างสถานการณ์ ที่เราไม่มอบตัวก็เพราะประชาชนขอไว้ อีกทั้งเรายังมีแนวทางในการต่อสู้อยู่แล้ว
นายพิภพ กล่าว่า การต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นการต่อสู้ภาคประชาชน ซึ่งข้อกล่าวหาที่ตำรวจตั้งให้กลุ่มพันธมิตรฯ นั้นเป็นสิ่งที่เกินจริง และย้อนเป็นไปในลักษณะย้อนยุค เพราะในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 ที่ตำรวจจับ 13 คนที่แจกใบปลิวเรียกร้องประชาธิปไตย จอมพลถนอม กิตติขจร ก็ตั้งข้อหาให้คนกลุ่มนี้ว่าเป็นกบฏ
เปิดแนวทาง"การเมืองใหม่"วันนี้
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงแนวคิด "การเมืองใหม่"ว่า ในวันนี้ (21 ก.ย.) เวลา 14.00-17.00 น.จะมีการประชุมหารือเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 10 คน โดยใช้ซอกตึกบริเวณในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ประชุม ส่วนแนวทางการประชุมนั้นจะรวบรวมความคิดเห็นแนวทางการเมืองใหม่ของแกนนำทั้ง 5 คน รวมถึงความเห็นของประชาชนที่ส่งความคิดเห็นเข้ามา ซึ่งจะมีการประกาศแนวทางการเมืองใหม่แบบตุ๊กตาให้ประชาชนทราบในวันที่ 22 ก.ย.นี้
เมื่อถามว่า หากมีการเมืองใหม่แล้วพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาล พันธมิตรฯจะยอมรับได้หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราไม่ได้มองไกลถึงขนาดนั้น แต่ขณะนี้เรามองว่าการที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลต่อไปก็จะยิ่งแย่ นอกจากนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว
"120 วัน"ของการชุมนุมยังคึกคัก
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และภายในทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวันวานนี้ (21 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 120 ของการชุมนุม ยังคงมีแนวร่วมขึ้นปราศรัยแสดงจุดยืนและกล่าวโจมตีอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลภายใต้พรรคพลังประชาชนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีว่าที่คู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง คือ นายปรัชญา สิงห์โต และนางสาวจิวาพร ไขศรี ได้เข้ามาภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปบริเวณตึกไทยคู่ฟ้าไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งทั้ง 2 คนจะจัดพิธีมงคลสมรสในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก โดยนายปรัชญา ฝ่ายเจ้าบ่าว บอกว่า มาถ่ายรูปที่ทำเนียบรัฐบาลขณะที่มีการชุมนุมเพื่อขอมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของไทย ซึ่งในเวลาปกติไม่สามารถเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลได้ ถือว่าวานนี้เป็นโอกาสที่ดี อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับกลุ่มแกนนำทุกเรื่อง แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ
นอกจากนี้ ภายในบริเวณการชุมนุมทำเนียบรัฐบาลยังได้มีการนำบอร์ดแสดงเจตจำนงของพันธมิตรฯ เกี่ยวกับบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรี ติดตั้งไว้ที่ประตู 1 มีประเด็นหลักว่า นายกรัฐมนตรีต้องฝักใฝ่ความดี มีจิตประชาธิปไตย และมีศักดิ์ศรีเป็นหน้าตาของประเทศด้วย
พันธมิตรสงขลาฯปักหลักสู้ไม่ถอย
วานนี้ (21 ก.ย.) ที่ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ เวทีการชุมนุมของพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ย่างเข้าเดือนที่ 4 พี่น้องประชาชนยังมาร่วมชุมนุมกันอย่างเหนียวแน่นทุกคืน จนคณะทำงานต้องเพิ่มจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่อีก 1 จอ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชมการถ่ายทอดสด ผ่านดาวเทียมช่อง ASTV ในการติดตามสถานการณ์การขับไล่รัฐบาลซูเปอร์นอมินี และรับฟังความรู้เรื่องการเมืองใหม่ จากทำเนียบรัฐบาล ได้อย่างสบายๆ ไม่แออัด
ทั้งนี้ ในส่วนของเสื้อที่ระลึกที่คณะทำงานได้จัดทำขึ้นหลายแบบด้วยกันนั้น ก็ยังคงเป็นที่นิยม ที่พี่น้องพันธมิตรซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศที่ลานประวัติศาสตร์ คึกคักอย่างเช่นทุกวัน