ผู้จัดการรายวัน - ปชป.จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง สางปมลดราคาช้ากว่าน้ำมันโลก พร้อมชี้แจงข้อมูลผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหลังเลห์แมนล้ม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงา แถลงผลการประชุม ครม.เงา วานี้ (18 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมฯ เห็นว่ารัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน เพราะขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมากเหลือราคา 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งถ้าเทียบกับจุดสูงสุด ถือว่าลดลงมาถึงกว่าร้อยละ 30 แต่ถ้าคำนวณในแง่ของความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนและการที่รัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีสรรพาสามิตจากราคาน้ำมัน กลับพบว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มยังสูงกว่าราคาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาถึง 3-5 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปดูแลว่าเหตุใดราคาน้ำมันหน้าปั๊มจึงไม่ลดตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และถ้าราคาน้ำมันยังสูงกว่า 3-5 บาท หมายความว่าการที่เรายอมสูญเสียภาษีสรรพสามิตที่เป็นรายได้ของรัฐไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน แต่กลายเป็นไปช่วยคนกลุ่มอื่น นี่จึงเป็นสิ่งที่เราอยากให้รัฐบาลเข้าไปเร่งแก้ไข
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เงายังได้ประเมินผลกระทบจากปัญหาที่บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ในประเทศสหรัฐอเมริกา ล้มละลาย โดยเราขอเสนอว่ารัฐบาลต้องมีความตื่นตัวในการให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจของไทยอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว เพราะจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่น แม้ผลกระทบทางลบจะมีอยู่พอสมควร แต่ถ้าไม่บริหารจัดการในเรื่องความเชื่อมั่นหรือไม่ให้ข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสภาพปัญหาที่จะเกิดในไทย อีกทั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อสภาพคล่องภายในประเทศ จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังมีท่าทีที่ชัดเจนในการออกมาตรการมาดูแลสภาพคล่องไม่ให้เป็นปัญหา รวมถึงรัฐบาลต้องประเมินและทบทวนเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกกะโปรเจกต์) ก่อนการแถลงนโยบาย มิฉะนั้นจะเป็นปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯและของบางประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องปรับแผนส่งเสริมการส่งออก โดยเฉพาะในตลาดที่เราเห็นว่าพอมีกำลังซื้อและมีความสามารถเพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจของไทยยังสามารถขยายตัวได้ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนการที่มีรัฐมนตรีบางคนเสนอให้ตั้งกองทุนเพื่อนำไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศนั้น ตนเห็นว่าในภาวะที่ความพร้อมด้านข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือในกรณีที่ ตลาดมีความผันผวนอยู่ การทำตามแนวคิดนี้ต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ควรผลีผลาม เพราะแม้แต่วิกฤตที่กระทบต่อภาวะหุ้นในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคมและอาจรวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)ที่รัฐบาลเคยเปิดโอกาสให้ไปลงทุนเรื่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้ง รัฐบาลควรตรวจสอบด้วยว่าภาวะขาดทุนเกิดจากการแทรกแซงทางการเมือง ในการบริหารจัดการเงินทุนก้อนนี้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ด้วยหรือไม่.
+++++++++++
ข่าว2
สรรพากรลุ้นศาลชี้ขาดภาษี1.2หมื่นล้าน
ผู้จัดการรายวัน – อธิบดีกรมสรรพากรรอศาลปกครองชี้ขาดคำขอไทยพาณิชย์กรณีที่กรมฯ ขอถอนอายัดเงินโอ๊เอม 1.2 หมื่นล้านมาชำระภาษี ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่สรรพากรโกงภาษีคดีบรรณพจน์ต้องยืดอีก 1 เดือน
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยเรื่องที่กรมสรรพากรขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ถอนอายัดเงินสดของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ที่ฝากอยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์จำนวน 12,000 ล้านบาท มาชำระค่าภาษีว่า อยู่ระหว่างรอฟังการตัดสินของศาลปกครองที่ธนาคารไทยพาณิชย์ไปร้องขอการคุ้มครองไว้ โดยขณะนี้ทางศาลปกครองได้แจ้งให้กรมสรรพากรส่งเอกสารเพื่อไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกรมสรรพากรได้ดำเนินการตามที่ศาลปกครองแจ้งมา
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเกี่ยวกับความผิดทางแพ่งคดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลีกเลี่ยงภาษีซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนคอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวน 546 ล้านบาทที่ถูกศาลอาญาสั่งตัดสินจำคุก 3 ปีนั้น นั้น คณะกรรมการฯ ได้ขอขยายเวลาการสอบสวนเรื่องนี้ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากต้องมีการหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร
โดยในการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้พบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้พ้นความผิดจากการถูกไล่ออกจากราชการ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบจะได้นำเรื่องนี้มาประกอบการพิจารณาในครั้งนี้ด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่และผลประโยชน์ของทางราชการ
"คณะกรรมการชุดนี้เป็นการแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้นว่ามีใครเกี่ยวข้องการกระบวนการเลี่ยงภาษีคดีนี้บ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุดเพื่อสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องให้รับผิดทางแพ่งอีกครั้ง"
นายศานิตกล่าวว่า สิ้นเดือนกันยายนที่เขาจะเกษียณอายุไปแล้วและหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จะโยกย้ายไปตำแหน่งอื่นแต่กระบวนการสอบสวนก็จะคงดำเนินการต่อไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ถูกตั้งขึ้นมาเป็นคณะกรรมการยังคงทำหน้าที่ต่อไปที่เปลี่ยนแปลงมีเพียงหัวหน้าชุดเท่านั้นเพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเกิดความกระจ่าง.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงา แถลงผลการประชุม ครม.เงา วานี้ (18 ก.ย.) ว่า ที่ประชุมฯ เห็นว่ารัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาราคาน้ำมัน เพราะขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมากเหลือราคา 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งถ้าเทียบกับจุดสูงสุด ถือว่าลดลงมาถึงกว่าร้อยละ 30 แต่ถ้าคำนวณในแง่ของความแตกต่างของอัตราแลกเปลี่ยนและการที่รัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีสรรพาสามิตจากราคาน้ำมัน กลับพบว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มยังสูงกว่าราคาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาถึง 3-5 บาทต่อลิตร ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปดูแลว่าเหตุใดราคาน้ำมันหน้าปั๊มจึงไม่ลดตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และถ้าราคาน้ำมันยังสูงกว่า 3-5 บาท หมายความว่าการที่เรายอมสูญเสียภาษีสรรพสามิตที่เป็นรายได้ของรัฐไม่ได้ช่วยเหลือประชาชน แต่กลายเป็นไปช่วยคนกลุ่มอื่น นี่จึงเป็นสิ่งที่เราอยากให้รัฐบาลเข้าไปเร่งแก้ไข
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เงายังได้ประเมินผลกระทบจากปัญหาที่บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ในประเทศสหรัฐอเมริกา ล้มละลาย โดยเราขอเสนอว่ารัฐบาลต้องมีความตื่นตัวในการให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจของไทยอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว เพราะจะเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่น แม้ผลกระทบทางลบจะมีอยู่พอสมควร แต่ถ้าไม่บริหารจัดการในเรื่องความเชื่อมั่นหรือไม่ให้ข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสภาพปัญหาที่จะเกิดในไทย อีกทั้งวิกฤตที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อสภาพคล่องภายในประเทศ จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังมีท่าทีที่ชัดเจนในการออกมาตรการมาดูแลสภาพคล่องไม่ให้เป็นปัญหา รวมถึงรัฐบาลต้องประเมินและทบทวนเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกกะโปรเจกต์) ก่อนการแถลงนโยบาย มิฉะนั้นจะเป็นปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯและของบางประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงจำเป็นต้องปรับแผนส่งเสริมการส่งออก โดยเฉพาะในตลาดที่เราเห็นว่าพอมีกำลังซื้อและมีความสามารถเพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจของไทยยังสามารถขยายตัวได้ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนการที่มีรัฐมนตรีบางคนเสนอให้ตั้งกองทุนเพื่อนำไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศนั้น ตนเห็นว่าในภาวะที่ความพร้อมด้านข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือในกรณีที่ ตลาดมีความผันผวนอยู่ การทำตามแนวคิดนี้ต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ควรผลีผลาม เพราะแม้แต่วิกฤตที่กระทบต่อภาวะหุ้นในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคมและอาจรวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)ที่รัฐบาลเคยเปิดโอกาสให้ไปลงทุนเรื่องหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้ง รัฐบาลควรตรวจสอบด้วยว่าภาวะขาดทุนเกิดจากการแทรกแซงทางการเมือง ในการบริหารจัดการเงินทุนก้อนนี้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ด้วยหรือไม่.
+++++++++++
ข่าว2
สรรพากรลุ้นศาลชี้ขาดภาษี1.2หมื่นล้าน
ผู้จัดการรายวัน – อธิบดีกรมสรรพากรรอศาลปกครองชี้ขาดคำขอไทยพาณิชย์กรณีที่กรมฯ ขอถอนอายัดเงินโอ๊เอม 1.2 หมื่นล้านมาชำระภาษี ขณะที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่สรรพากรโกงภาษีคดีบรรณพจน์ต้องยืดอีก 1 เดือน
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยเรื่องที่กรมสรรพากรขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ถอนอายัดเงินสดของ นายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ที่ฝากอยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์จำนวน 12,000 ล้านบาท มาชำระค่าภาษีว่า อยู่ระหว่างรอฟังการตัดสินของศาลปกครองที่ธนาคารไทยพาณิชย์ไปร้องขอการคุ้มครองไว้ โดยขณะนี้ทางศาลปกครองได้แจ้งให้กรมสรรพากรส่งเอกสารเพื่อไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกรมสรรพากรได้ดำเนินการตามที่ศาลปกครองแจ้งมา
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเกี่ยวกับความผิดทางแพ่งคดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลีกเลี่ยงภาษีซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนคอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวน 546 ล้านบาทที่ถูกศาลอาญาสั่งตัดสินจำคุก 3 ปีนั้น นั้น คณะกรรมการฯ ได้ขอขยายเวลาการสอบสวนเรื่องนี้ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากต้องมีการหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร
โดยในการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้พบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมและผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้พ้นความผิดจากการถูกไล่ออกจากราชการ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบจะได้นำเรื่องนี้มาประกอบการพิจารณาในครั้งนี้ด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่และผลประโยชน์ของทางราชการ
"คณะกรรมการชุดนี้เป็นการแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้นว่ามีใครเกี่ยวข้องการกระบวนการเลี่ยงภาษีคดีนี้บ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุดเพื่อสอบสวนคนที่เกี่ยวข้องให้รับผิดทางแพ่งอีกครั้ง"
นายศานิตกล่าวว่า สิ้นเดือนกันยายนที่เขาจะเกษียณอายุไปแล้วและหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จะโยกย้ายไปตำแหน่งอื่นแต่กระบวนการสอบสวนก็จะคงดำเนินการต่อไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ถูกตั้งขึ้นมาเป็นคณะกรรมการยังคงทำหน้าที่ต่อไปที่เปลี่ยนแปลงมีเพียงหัวหน้าชุดเท่านั้นเพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเกิดความกระจ่าง.