xs
xsm
sm
md
lg

ขนเอกสาร180ลังยึดเงินแม้ว อานันท์สั่งธ.ถกปมสรรพากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - อัยการสูงสุดใช้รถบรรทุก 6 ล้อ ขนสำนวนคำฟ้อง เอกสารหลักฐาน 180 ลัง ฟ้องยึดทรัพย์ “ทักษิณ-ครอบครัว” 7.6 หมื่นล้าน ต่อศาลฎีกานักการเมืองวันนี้ 10 โมง เตือนใครยักย้ายเงินโดยที่ศาลไม่มีคำสั่งอนุญาตโดนคดีอาญาแน่ ยันฟ้องยึดทรัพย์เป็นคดีแพ่ง แม้หน้าเหลี่ยมไม่มาศาลพิจารณาคดีลับหลังได้จนจบ แบงก์ไทยพาณิชย์แจงเงินอยู่ครบ แต่ยังร้องศาลปกครอง ถาม ป.ป.ช.และ อสส.ขอคำตอบ เผย "อานันท์ ปันยารชุน" สั่งประชุมด่วนบอร์ดแบงก์ “กรณ์” จี้สรรพากรชี้แจงสังคม

นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดี คตส.กล่าวถึงการเตรียมยื่นฟ้องยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คณะทำงาน เสนอคำฟ้องที่สมบูรณ์ ซึ่งมีรายละเอียด 124 หน้า ให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาเพื่อลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยฐานมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติเตรียมยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สิน ซึ่งเป็นเงินบัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว รวม 16 บัญชีในธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน รวม 7.6 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่ได้จากเงินฝากนั้น ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว โดยตนได้มอบหมายให้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และคณะเป็นผู้นำ คำฟ้อง สำนวนพยานหลักฐานในชั้น คตส.ไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ ในวันนี้ (25 ส.ค.)

"ในการยื่นคำฟ้องนั้น อัยการไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามยักย้ายทรัพย์สินอีก เพราะที่ผ่านมา คตส.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง อีกทั้งเมื่อคดีกำลังจะเข้าสู่ศาล หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นทรัพย์สินก็ต้องถูกอายัดไว้จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ห้ามบุคคลใดๆ ยักย้าย ทรัพย์สินที่เป็นเงินในบัญชีเงินฝากที่ถูกอายัดออกไป หากบุคคลใดๆ ฝ่าฝืนด้วยการนำเงินบัญชีเหล่านั้นออกไปโดยที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งอนุญาต บุคคลนั้นมีความผิดต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย"

ส่วนที่ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ในประเทศแล้ว จะดำเนินคดีได้หรือไม่ นายวัยวุฒิ กล่าวว่า การฟ้องคดีนี้ เป็นเรื่องคดีความทางแพ่ง ซึ่งปกติศาลสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาได้เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ตัวจำเลยไม่ต้องมาฟังกระบวนพิจารณาอยู่แล้ว ซึ่งหากยื่นฟ้องแล้วศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องและส่งหมาย สำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยตามที่อยู่ที่ปรากฏทราบแล้ว หากจำเลยไม่มาศาล และไม่แต่งตั้งทนายความเพื่อยื่นคำให้การสู้คดี ถือว่าจำเลยขาดนัด ศาลก็ดำเนินกระบวนพิจารณาลับหลังจำเลยโดยไต่สวนพยานหลักฐานที่โจทก์นำเสนอต่อศาลเพียงฝ่ายเดียวได้จนเสร็จสิ้น

***ใช้ 6 ล้อบรรทุกเอกสาร 180 ลัง
ด้านนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า ตนและคณะเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจเอกสารและหลักฐานที่จะยื่นต่อศาล ที่เอกสารมีมากถึง 180 ลัง ประกอบด้วยเอกสารหลักฐานการสอบสวนของ คตส.ที่จะมีคำให้การพยานบุคคลต่างๆ รวมทั้งสำเนาเอกสารทั้งหมดที่ต้องจัดทำไว้ 9 ชุด ให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ 9 คนที่จะรับผิดชอบคดี และสำหรับที่ต้องจัดส่งให้จำเลย ซึ่งในวันนี้จะต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อขนย้ายเอกสารที่จัดเก็บไว้อย่างดีจากสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ไปยังศาลฎีกาฯ สนามหลวง โดยช่วงเช้า ตนจะเข้าไปรับคำฟ้องจากนายชัยเกษม อัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง ซึ่งคาดว่าจะยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ได้ในเวลา 10.00-10.30 น.

สำหรับบัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ที่ถูก คตส.อายัดไว้ 16 บัญชี ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ 39,634 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 18,156 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 15,748 ล้านบาท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์และที่ดิน 2,722 ล้านบาท บลจ.ไทยพาณิชย์ 2,237 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2,125 ล้านบาท ธนาคารธนชาต 1,476 ล้านบาท ธนาคารยูโอบี รัตนสิน 492 ล้านบาท บลจ.กสิกรไทย 208 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 200 ล้านบาท บลจ.แอสเซทพลัส 172 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย 36 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย 10 ล้านบาท ธนาคารนครหลวงไทย 1 ล้านบาท เป็นต้น

***ไทยพาณิชย์ยันเงินโอ๊คเอมยังอยู่ครบ
จากกรณีที่กรมสรรพากรได้ทำหนังสือส่งถึงธนาคารไทยพาณิชย์โดยอ้างอำนาจตามมาตรา 12 ประมวลรัษฎากรสั่งให้ธนาคารไทยพาณิชย์จ่ายเช็ค 1.2 หมื่นล้านบาท ให้แก่กรมสรรพากร ภายใน 15 วันนั้น บ่ายวานนี้ (24 ส.ค.) ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ออกหนังสือชี้แจงว่า ธนาคารฯ ได้รับหนังสือคำสั่งจากกรมสรรพากร เมื่อตอนบ่ายวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ธนาคารนำส่งเงินอายัดซึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ของนางสาวพินทองทา ชินวัตร และนายพานทองแท้ ชินวัตร เพื่อการชำระหนี้ภาษีอากรของบุคคลทั้งสองแก่กรมสรรพากร แม้ธนาคารพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่ง แต่บัญชีเงินฝากดังกล่าวอยู่ภายใต้คำสั่งอายัดทรัพย์ของ คตส. คำสั่งทั้งสองมีความขัดแย้งในทางปฏิบัติ และหากธนาคารปฏิบัติตามคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งก็จะเป็นการฝ่าฝืนอีกคำสั่งหนึ่งซึ่งเป็นความผิดมีโทษทางอาญาได้ ประกอบกับมีข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) จะดำเนินยื่นฟ้องและขอให้ศาลยึดทรัพย์กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ธนาคารจึงจำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ นายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการธนาคาร จึงได้มีคำสั่งให้นำเรื่องหนังสือของกรมสรรพากรเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการธนาคารโดยเร็ว พร้อมกันนี้ธนาคารได้ทำคำร้องไปยังศาลปกครองและทำหนังสือถึง ป.ป.ช. และ อสส.เพื่อขอความกระจ่างในการปฏิบัติ ระหว่างนี้ธนาคารจะยังคงเก็บรักษาเงินในบัญชีดังกล่าวอยู่

***กรณ์จี้สรรพากรให้คำตอบสังคม
นายกรณ์ จาติกวณิช
ส.ส.กทม.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลังและสถาบันการเงินสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า เรื่องนี้มีประเด็นปัญหาคืออำนาจการถอนอายัดของกรมสรรพากรไม่น่าจะมีอำนาจ เนื่องจากในการประชุมคณะกรรมาธิการการเงินฯ ที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาถึงประเด็นนี้โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งกรมสรรพากร และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งหมดยืนยันว่ากรมสรรพากรไม่มีอำนาจที่จะถอนอายัดได้ เนื่องจาก คตส.ได้มีมติอายัดไว้แล้ว และกรมสรรพากร ได้ดำเนินการอายัดเงินดังกล่าวหลังจาก คตส.ด้วยซ้ำ ดังนั้นหากกรมสรรพากรจะถอนอายัดก็ยังมีคำสั่งอายัดของ คตส.อยู่ จึงมีคำถามว่าเหตุใดกรมสรรพากรจึงคิดที่จะให้มีการอายัดในขณะนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องให้คำตอบกับสังคม

นายกรณ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากรมสรรพากรต้องการท้าทายอำนาจของ คตส.โดยมีอำนาจการเมืองเข้ามาแอบแฝง โดยเฉพาะอำนาจการอายัดทรัพย์ของ คตส. ซึ่งจะเป็นความพยายามที่จะทำนำไปสู่การตีความอำนาจหน้าที่ของ คตส. เพราะกรมสรรพากรรู้ว่าตัวเองไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ถอนอายัดได้ และไม่มีทางที่ธนาคารจะถอนอายัด

“เป็นที่น่าสังเกตว่า คตส.ส่งเรื่องให้สรรพากรดำเนินการประเมินเรียกเก็บภาษีของทั้งสองคนดังกล่าวมานานหลายเดือนแล้ว แต่เป็นเพราะเหตุใด กรมสรรพาการจึงต้องมาเร่งรีบ เร่งรัดให้มีการนำเงินที่ถูดอายัดดังกล่าวมาชำระภาษี เพราะก่อนหน้านี้ ธนาคารพาณิชย์ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังอัยการและ ป.ป.ช.แล้วว่าไม่สามารถถอนอายัดได้ และสาเหตุหนึ่งที่ประชุมบอร์ดธนาคารไทยพาณิชย์ไม่สามารถอนุมัติไม่แน่ใจว่ากรมสรรพากรมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย หรือไม่ หรือใช้กฎหมายฉบับใดมาดำเนินการ เชื่อว่าในวันที่ 25 ส.ค.บอร์ดไทยพาณิชย์จะมีการประชุมกันอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ธนาคารต้องยึดตามมติของ คตส.และกฎหมายโดยไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายกรณ์กล่าว

เมื่อถามว่าหากกรมสรรพากรยังยืนยันที่ถอนอายัด นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ รองอธิบดีกรมสรรพากร ที่ลงนามในหนังสือจะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ทั้งๆ ที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทนอธิบดี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากกรมสรรพากรทำผิดต่ออำนาจหน้าที่จะต้องรับผิดชอบ โดยพรรคจะมีการติดตามในเรื่องนี้ และกรมสรรพากรจะออกมาชี้แจงเหตุผลกับสังคม เพราะการดำเนินการครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ทีเกี่ยวข้อง แต่เป็นความพยายามที่จะนำเงินก้อนดังกล่าวเข้ามาอยู่ในความรับผิดชอบของตัวเอง เพื่อเข้าสู่กระบวนอุทร์ภาษีในชั้นของคณะกรรมการอุทรณ์ภาษีที่สามารถไปล็อบบี้ตัวแทนจากอัยการและกรมการปกครอง

ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย หากธนาคารไทยพาณิชย์ไม่นำเงินส่งกรมภายใน 15 วัน นายกรณ์กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ต้องปฎิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกันเพราะได้เคยสอบถามไปยัง ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดแล้ว จึงอยากทราบว่ากรมสรรพการจะใช้กฏหมายตัวไหนมาดำเนินคดี เพราะรู้ทั้งรู้ว่ากรมสรรพากรไม่มีอำนาจหน้าที่ ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามมติของ คตส.

***อธิบดีกรมสรรพากรแถลงวันนี้
รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (25 ส.ค.) นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร จะเรียกประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรก่อนเปิดแถลงข่าว ในเวลา 13.00น. เพื่อชี้แจงถึงที่มาของเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสรรพากร ระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ รองอธิบดีกรมสรรพากร เข้าพบตนขอดำเนินการเรียกเงินภาษีพร้อมค่าปรับเงินเพิ่ม 1.2 หมื่นล้านบาท จากบัญชีเงินฝากนายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร ในธนาคารไทยพาณิชย์ นายประดิษฐ์ยืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะนำเข้ากรมสรรพากร ไม่ใช่เพื่อนายพานทองแท น.ส.พิณทองทา หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น