ผู้บริหาร ธ.ไทยพาณิชย์ คาดไทยโดนผลกระทบวิกฤต ศก.โลกเต็มๆ ปลายปีนี้ ชี้ปีหน้า ศก.เจอเผาจริง ภาคธุรกิจจะขายสินค้าได้น้อยลง การส่งออกชะลอการเติบโต หลัง ศก.ประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ชะลอตัว การบริโภคในประเทศ ชะลอต่อเนื่อง เกิดปัญหาการชำระคืนหนี้ ยอดเอ็นพีแอลพุ่ง เตือนลูกค้าแบงก์ ระมัดระวังในการขยายการลงทุน หากรายใดยังไม่มีความจำเป็น ให้ชะลอการขอสินเชื่อไปก่อน ขณะที่แบงก์ชาติ นัดถกด่วนแบงก์พาณิชย์ ไทย-เทศ บ่ายวันนี้
วันนี้ (13 ต.ค.) นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ คาดว่า กำลังส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลง และกระทบต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน โดยเริ่มเห็นผลกระทบตั้งแต่ปลายปีนี้ โดยจะมีผลกระทบอย่างหนัก หรือที่เรียกกันว่า เผาจริงในปี 2552 รวมทั้งในปี 2553 จะเห็นผลกระทบชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจจะขายสินค้าได้น้อยลง การส่งออกจะชะลอการเติบโต เพราะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ชะลอตัว และการบริโภคภายในประเทศ ยังชะลอต่อเนื่อง ทำให้จะเกิดปัญหาการชำระคืนหนี้ และยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น ทางธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้เข้าไปดูแล และให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าให้พิจารณาอย่างรอบคอบ และระมัดระวังในการขยายการลงทุน หากลูกค้ารายใดที่ยังไม่มีความจำเป็นในการขยายการลงทุน ให้ชะลอการการขอสินเชื่อไปก่อน รวมทั้งเตือนให้ลูกค้าระวังผลกระทบทางเศรษฐกิจครั้งนี้ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินระยะเวลา และมูลค่าความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้เตรียมสภาพคล่องเพียงพอสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่จะหันมากู้เงินในประเทศมากขึ้น ทดแทนการกู้เงินจากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงกว่าในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้ระดมเงินฝากจากประชาชนไปแล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะไม่มีการแข่งขันระดมเงินฝากในระยะนี้
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศ มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงตามตลาดโลก แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นอยู่กับการส่งสัญญาณของธนาคารแห่งประเทศไทย
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ประเมินสถานการณ์ได้ลำบาก เพราะนักลงทุนยังตื่นตระหนกกับวิกฤติการเงินโลก ซึ่งหากมีการเปิดเผยปัญหาของสถาบันการเงินออกมาอีก นักลงทุนก็จะเทขายหุ้นลดความเสี่ยง และหันไปลงทุนในทรัพย์สินประเภทอื่น โดยเฉพาะทองคำ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดีขึ้น เชื่อว่า เอเชียยังเป็นภูมิภาคที่น่าลงทุนมากที่สุด เพราะมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูง และสถาบันการเงินมีความเข้มแข็ง หลังผ่านวิกฤตปี 2540 ทำให้มีระบบการเงินที่รัดกุมมากขึ้น
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คงจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 2552 ชะลอตัว โดยคาดว่า จะเติบโตร้อยละ 3-3.2 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งการลงทุนของรัฐมาทดแทนการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัว เพราะทั้งการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนยังชะลอต่อเนื่อง จากทั้งปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินและการเมืองในประเทศ
**ธปท.ถกด่วนแบงก์ไทย-ต่างประเทศ บ่ายนี้
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เรียกผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ไทย และสาขาธนาคารต่างประเทศ เข้าประชุมด่วนในช่วงบ่ายของวันนี้ (13 ต.ค.) รับมือวิกฤติการเงินโลก โดยธนาคารไทยเริ่มเวลา 13.30 น.ส่วนธนาคารต่างประเทศเริ่ม 15.00 น.
โดยในวันนี้ ธปท.กับธนาคารพาณิชย์จะมีการหารือเรื่องของสภาพคล่องในระบบ และการเตรียมรับมือกับปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีแผนที่จะหารือร่วมกันอยู่แล้ว ก่อนที่จะมากำหนดเป็นวันนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดการเงินในประเทศยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เรื่องของสภาพคล่อง แบงก์ชาติก็มีแผนกันไว้นานแล้ว โดยมองว่า หลังมีปัญหาในต่างประเทศ เราก็คงจะพูดคุยกันในเรื่องนี้ ก็มาดูว่าแบงก์ชาติจะมีมาตรการอะไรยังไง และแบงก์พาณิชย์จะต้องทำอะไร ก็เป็นการหารือกันแต่ตอนนี้ ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร