รอยเตอร์/เอเอฟพี – ทางการสหรัฐฯประกาศทุ่มเงินกู้ 85,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงก์ (เอไอจี) บริษัทยักษ์ใหญ่ประกันภัย ต้องประสบภาวะล้มละลาย ซึ่งเห็นกันว่าจะส่งผลกระทบกระเทือนตลาดการเงินทั่วโลกอย่างรุนแรงยิ่ง ความเคลื่อนไหวคราวนี้ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียและยุโรปกระเตื้องขึ้นทันควัน ทว่าไม่สามารถผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัว โดยอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ยังสูงมาก และพวกธนาคารกลางในเอเชียก็ต้องทุ่มอัดฉีดเงินเข้าระบบอีกเป็นวันที่สามติดต่อกัน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ออกคำแถลงเมื่อตอนดึกวันอังคาร(ตรงกับเช้าวันพุธที่ 17 เวลาเมืองไทย) ว่า จะให้เงินกู้ระยะเวลา 24 เดือนเป็นจำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์ แลกเปลี่ยนกับการที่เอไอจีต้องโอนหุ้นจำนวน 79.9% ให้แก่เฟด
เห็นกันว่าการยื่นเครื่องชูชีพให้แก่เอไอจีคราวนี้ ซึ่งเฟดบอกว่าได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯนั้น เป็นการซื้อเวลาให้พวกนักลงทุนได้บดย่อยเหตุการณ์แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงหลายต่อหลายเรื่อง ที่ประดังกันเข้ามาสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯในระยะไม่ถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าแทบจะไม่ช่วยผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวหนักหน่วง ที่บังเกิดขึ้นจากความผันผวนปั่นป่วนเหล่านี้
การช่วยเหลือครั้งนี้ แม้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการโอนกิจการ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค 2 สถาบันสินเชื่อเคหะยักษ์ใหญ่ของอเมริกัน ให้เป็นของรัฐเมื่อ 9 วันก่อน ทว่าเป็นการกลับตาลปัตรนโยบายที่ทางการสหรัฐฯยืนกรานนำมาใช้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ว่าจะไม่นำเงินภาษีอากรของประชาชนไปกอบกู้ช่วยเหลือสถาบันการเงินภาคเอกชนที่ประสบปัญหาจากการดำเนินงานผิดพลาด จนยังผลให้ เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของวอลล์สตรีท ต้องยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายเมื่อวันจันทร์(15) ขณะที่วาณิชธนกิจคู่แข่งอีกรายหนึ่งคือ เมอร์ริลลินช์ ต้องยอมให้แบงก์ออฟอเมริกาเข้ามาเทคโอเวอร์
คำแถลงของเฟดอธิบายแก้ต่างให้กับการกลับตาลปัตรของตัวเองว่า “ในภาวการณ์ปัจจุบัน หากปล่อยให้เอไอจีล้มลงไปอย่างไร้ระเบียบแล้ว ก็อาจทำให้ระดับความเปราะบางของตลาดการเงินซึ่งกำลังย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ไปอีก ตลอดจนจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นอย่างชัดเจน, ความมั่งคั่งของครัวเรือนลดต่ำลง, และผลประกอบการของเศรษฐกิจย่ำแย่ลงอย่างมาก”
ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของเฟดบอกกับรอยเตอร์ว่า เอไอจีมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่ขายแก่ลูกค้ารายย่อยซึ่งใหญ่โตกว้างขวางยิ่ง จึงทำให้จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ แตกต่างไปจากกรณีของเลห์แมน
เอไอจีต้องประสบกับภาวะขาดแคลนเงินสดอย่างรุนแรง ภายหลังจากตัดขาดทุนรวมเป็นจำนวน 18,000 ล้านดอลลาร์ในรอบ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เนื่องจากหลักทรัพย์อันซับซ้อนที่เชื่อมโยงกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมีราคาตกฮวบฮาบลงทุกทีตามความย่ำแย่ของวิกฤตที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ
สภาพเช่นนี้ทำให้บรรดานักลงทุนและบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ต่างเกิดความข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเอไอจีจะสามารถชดเชยการขาดทุนของตน ด้วยการระดมเม็ดเงินทุนใหม่เข้ามาได้เพียงพอหรือไม่ ในเมื่อการระดมทุนใหม่กำลังมีต้นทุนแพงขึ้นจนแทบไม่เห็นทางเป็นไปได้ สืบเนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทดำดิ่งลงเหว
ในช่วงการซื้อขายเมื่อวันศุกร์(12) จนถึงวันอังคาร(16) หุ้นเอไอจีหดหายไป 79% และในการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังตลาดปิดวันอังคาร ราคายังไหลรูดลงอีก 31% เหลือ 2.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนที่เฟดจะประกาศให้เงินกู้ช่วยเหลือ
ตามข้อตกลงที่เฟดทำกับเอไอจีคราวนี้ บริษัทประกันภัยแห่งนี้จะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 8.50% บวกกับอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของลอนดอน (ไลบอร์) แบบระยะเวลาสามเดือน ซึ่งคำนวณในอัตราปัจจุบันจะเท่ากับประมาณ 11.4% รวมทั้งทางการมีสิทธิที่จะยับยั้งการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ตลอดจนเปลี่ยนตัวคณะผู้บริหารของบริษัท แต่ก็ทำให้เอไอจีมีแรงจูงใจที่จะดำเนินแผนการตัดขายทรัพย์สินที่มีอยู่มหาศาลของบริษัทออกไป เพื่อระดมเงินมาชดใช้เงินกู้ของทางการโดยเร็ว
ทั้งนี้ ธุรกิจทางด้านประกันชีวิต, ประกันทรัพย์สิน, และประกันอุบัติเหตุ, ตลอดจนธุรกิจเช่าซื้อเครื่องบินของเอไอจี ได้รับการจับตามองว่ายังมีสุขภาพดีมีราคา
สำหรับปฏิกิริยาต่อการช่วยเอไอจีครั้งนี้มีทั้งที่เป็นในทางบวกและในทางลบ แดเนียล ฟัสส์ ผู้จัดการซื้อขายตราสารหนี้ที่ทรงอิทธิพลยิ่ง โดยเป็นผู้ดูแลการลงทุนมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่ ลูมิส, เซย์เลส, แอนด์ โค ในเมืองบอสตัน,สหรัฐฯ อุทานออกมาทันทีว่า “ขอบคุณพระเจ้า” และกล่าวว่าเอไอจีเป็นบริษัทที่พัวพันกับผู้คนจำนวนมากมายตลอดจนเกี่ยวข้องกับบริษัทเยอะแยะทั่วโลก ความเคลื่อนไหวของทางการสหรัฐฯครั้งนี้จึงช่วยให้ภาคส่วนจำนวนมากในตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความโล่งอกโล่งใจ
แต่ก็มีผู้ที่เห็นว่า การช่วยเหลือเช่นนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น ซึ่งอาจจะส่งผลเสียหายในระยะยาวด้วยซ้ำ ดังเช่น โรนัลด์ ชาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนด้านหลักทรัพย์ในเอเชีย ให้กับ ฟอร์ติส อินเวสต์เมนต์ ในฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ดูแลการลงทุนมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์ ให้ความเห็นว่า “สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯกำลังกระทำโดยพื้นฐานแล้วกลับกลายเป็นการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงๆ จากการยังรักษาชีวิตของเอไอจี และจากการถอยกลับเข้าโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งระยะยาวแล้วน่าจะเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์”
“ระยะสั้นแล้ว ผมคิดว่าประเด็นปัญหาความเสี่ยงเชิงระบบได้ลดน้อยลงมา จากข้อเท็จจริงที่ว่าเฟดถูกมองว่ากำลังก้าวออกมาช่วยเหลือตลาดให้อยู่รอด ทว่าการฟื้นตัวก็จะต้องชะลอออกไปเช่นกัน” เขาบอก
พวกที่ไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวคราวนี้ ยังบอกด้วยว่า หลังจากที่สร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาได้ในกรณีเลห์แมน เฟดก็อาจจะกำลังทำลายเครดิตของตัวเองในกรณีเอไอจี และน่าจะเป็นการเปิดประตูให้บริษัทอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนเรียกร้องขอให้ทางการเข้าไปช่วยเหลือพวกตนบ้าง
“โดยเนื้อหาสาระแล้ว เรากำลังสืบต่อระบบที่ว่ากำไรต้องทำให้เป็นของเอกชน และ ...ขาดทุนต้องทำให้เป็นของสังคม” นูรีล รูบินี ศาสตราจารย์แห่งวิทยาลัยธุรกิจสเติร์น นิวยอร์กยูนิเวอร์ซิตี้ ให้ความเห็น และกล่าวต่อไปว่า อีกไม่นานพวกบริษัทผู้ผลิตรถยนต์, สายการบิน, และธุรกิจที่กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดอยู่ในเวลานี้ ก็จะต้องมาเข้าแถวขอให้รัฐบาลช่วยเหลือไม่ให้ล้มละลาย
**สินเชื่อตึงตัวยังไม่คลี่คลาย**
ถึงแม้ทางการสหรัฐฯทุ่มเงินกู้มหาศาลเข้าช่วยเหลือเอไอจีเช่นนี้ แต่สภาพสินเชื่อตึงตัวที่ดำรงมานานแล้วก็ยังไม่มีท่าทีผ่อนเพลาสักเท่าใด
ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นวานนี้ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในตลาด 2 รอบรวมเป็นมูลค่า 3 ล้านล้านเยน(28,580 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ทำเช่นนี้มาแล้ว 2 วันติดต่อกัน ทางด้านแบงก์ชาติของออสเตรเลียและอินเดีย ก็ปล่อยสภาพคล่องเข้าระบบเช่นกัน รอยเตอร์บอกว่ารวมทั้ง 3 ประเทศนี้ได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดการเงินเมื่อวานนี้ไม่ต่ำกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีออกมาเตือนว่า เงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกไปจากตลาดตราสารหนี้ในประเทศ “เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือในเรื่องความเป็นไปได้ที่เงินทุนต่างประเทศจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ในช่วงระยะกลาง” ลีเซืองเต ผู้ว่าการแบงก์ชาติเกาหลีชี้
สำหรับตลาดกู้ยืมระหว่างธนาคารยังคงอยู่ในสภาพตึงตัว อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของลอนดอนล่าสุดเมื่อคืนนี้ ที่เผยแพร่โดยสมาคมนายธนาคารอังกฤษ แม้ว่าอัตรากู้ยืมชั่วข้ามคืนสกุลดอลลาร์จะลดลงมากว่า 1% ทว่าอัตราสำหรับระยะ 3 เดือนยังคงพุ่งขึ้น
**ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกฟื้นขึ้นบ้าง**
ทางด้านตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทเมื่อคืนวันอังคาร ในช่วงปลายตลาดได้ดีดตัวกลับขึ้นมาเนื่องจากข่าวลือเรื่องที่ทางการสหรัฐฯทำท่าจะเข้าไปช่วยเหลือเอไอจีไม่ให้ต้องล้มละลาย โดยดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 141.51 จุด หรือ 1.30%
ระหว่างการซื้อขายแถบเอเชียวานนี้ ซึ่งเฟดออกคำแถลงเรื่องปล่อยกู้ให้แก่เอไอจีแล้ว ตลาดหุ้นต่างกระเตื้องขึ้นเป็นแถวในช่วงแรกๆ แต่แล้วก็เกิดความไม่แน่ใจว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะเพียงพอแก้ปัญหาได้ ในตอนปิดตลาด โตเกียวบวก 1.21% แต่ฮ่องกง –3.6% และเซี่ยงไฮ้ –2.9%
สำหรับวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ ช่วงต้นๆ ของตลาดติดลบแรง โดยเพียงสิบนาทีแรก ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ถอยลง 155.92 จุด หรือ 1.41% ส่งผลให้ตลาดแถบยุโรปซึ่งอยู่ในช่วงปลายๆ ตลาด ยิ่งติดลบเพิ่มขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ออกคำแถลงเมื่อตอนดึกวันอังคาร(ตรงกับเช้าวันพุธที่ 17 เวลาเมืองไทย) ว่า จะให้เงินกู้ระยะเวลา 24 เดือนเป็นจำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์ แลกเปลี่ยนกับการที่เอไอจีต้องโอนหุ้นจำนวน 79.9% ให้แก่เฟด
เห็นกันว่าการยื่นเครื่องชูชีพให้แก่เอไอจีคราวนี้ ซึ่งเฟดบอกว่าได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯนั้น เป็นการซื้อเวลาให้พวกนักลงทุนได้บดย่อยเหตุการณ์แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงหลายต่อหลายเรื่อง ที่ประดังกันเข้ามาสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯในระยะไม่ถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าแทบจะไม่ช่วยผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวหนักหน่วง ที่บังเกิดขึ้นจากความผันผวนปั่นป่วนเหล่านี้
การช่วยเหลือครั้งนี้ แม้จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการโอนกิจการ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค 2 สถาบันสินเชื่อเคหะยักษ์ใหญ่ของอเมริกัน ให้เป็นของรัฐเมื่อ 9 วันก่อน ทว่าเป็นการกลับตาลปัตรนโยบายที่ทางการสหรัฐฯยืนกรานนำมาใช้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ว่าจะไม่นำเงินภาษีอากรของประชาชนไปกอบกู้ช่วยเหลือสถาบันการเงินภาคเอกชนที่ประสบปัญหาจากการดำเนินงานผิดพลาด จนยังผลให้ เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของวอลล์สตรีท ต้องยื่นขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายเมื่อวันจันทร์(15) ขณะที่วาณิชธนกิจคู่แข่งอีกรายหนึ่งคือ เมอร์ริลลินช์ ต้องยอมให้แบงก์ออฟอเมริกาเข้ามาเทคโอเวอร์
คำแถลงของเฟดอธิบายแก้ต่างให้กับการกลับตาลปัตรของตัวเองว่า “ในภาวการณ์ปัจจุบัน หากปล่อยให้เอไอจีล้มลงไปอย่างไร้ระเบียบแล้ว ก็อาจทำให้ระดับความเปราะบางของตลาดการเงินซึ่งกำลังย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ไปอีก ตลอดจนจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นอย่างชัดเจน, ความมั่งคั่งของครัวเรือนลดต่ำลง, และผลประกอบการของเศรษฐกิจย่ำแย่ลงอย่างมาก”
ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของเฟดบอกกับรอยเตอร์ว่า เอไอจีมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่ขายแก่ลูกค้ารายย่อยซึ่งใหญ่โตกว้างขวางยิ่ง จึงทำให้จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ แตกต่างไปจากกรณีของเลห์แมน
เอไอจีต้องประสบกับภาวะขาดแคลนเงินสดอย่างรุนแรง ภายหลังจากตัดขาดทุนรวมเป็นจำนวน 18,000 ล้านดอลลาร์ในรอบ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เนื่องจากหลักทรัพย์อันซับซ้อนที่เชื่อมโยงกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมีราคาตกฮวบฮาบลงทุกทีตามความย่ำแย่ของวิกฤตที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ
สภาพเช่นนี้ทำให้บรรดานักลงทุนและบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ต่างเกิดความข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเอไอจีจะสามารถชดเชยการขาดทุนของตน ด้วยการระดมเม็ดเงินทุนใหม่เข้ามาได้เพียงพอหรือไม่ ในเมื่อการระดมทุนใหม่กำลังมีต้นทุนแพงขึ้นจนแทบไม่เห็นทางเป็นไปได้ สืบเนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทดำดิ่งลงเหว
ในช่วงการซื้อขายเมื่อวันศุกร์(12) จนถึงวันอังคาร(16) หุ้นเอไอจีหดหายไป 79% และในการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังตลาดปิดวันอังคาร ราคายังไหลรูดลงอีก 31% เหลือ 2.60 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนที่เฟดจะประกาศให้เงินกู้ช่วยเหลือ
ตามข้อตกลงที่เฟดทำกับเอไอจีคราวนี้ บริษัทประกันภัยแห่งนี้จะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 8.50% บวกกับอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของลอนดอน (ไลบอร์) แบบระยะเวลาสามเดือน ซึ่งคำนวณในอัตราปัจจุบันจะเท่ากับประมาณ 11.4% รวมทั้งทางการมีสิทธิที่จะยับยั้งการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ตลอดจนเปลี่ยนตัวคณะผู้บริหารของบริษัท แต่ก็ทำให้เอไอจีมีแรงจูงใจที่จะดำเนินแผนการตัดขายทรัพย์สินที่มีอยู่มหาศาลของบริษัทออกไป เพื่อระดมเงินมาชดใช้เงินกู้ของทางการโดยเร็ว
ทั้งนี้ ธุรกิจทางด้านประกันชีวิต, ประกันทรัพย์สิน, และประกันอุบัติเหตุ, ตลอดจนธุรกิจเช่าซื้อเครื่องบินของเอไอจี ได้รับการจับตามองว่ายังมีสุขภาพดีมีราคา
สำหรับปฏิกิริยาต่อการช่วยเอไอจีครั้งนี้มีทั้งที่เป็นในทางบวกและในทางลบ แดเนียล ฟัสส์ ผู้จัดการซื้อขายตราสารหนี้ที่ทรงอิทธิพลยิ่ง โดยเป็นผู้ดูแลการลงทุนมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่ ลูมิส, เซย์เลส, แอนด์ โค ในเมืองบอสตัน,สหรัฐฯ อุทานออกมาทันทีว่า “ขอบคุณพระเจ้า” และกล่าวว่าเอไอจีเป็นบริษัทที่พัวพันกับผู้คนจำนวนมากมายตลอดจนเกี่ยวข้องกับบริษัทเยอะแยะทั่วโลก ความเคลื่อนไหวของทางการสหรัฐฯครั้งนี้จึงช่วยให้ภาคส่วนจำนวนมากในตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความโล่งอกโล่งใจ
แต่ก็มีผู้ที่เห็นว่า การช่วยเหลือเช่นนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น ซึ่งอาจจะส่งผลเสียหายในระยะยาวด้วยซ้ำ ดังเช่น โรนัลด์ ชาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนด้านหลักทรัพย์ในเอเชีย ให้กับ ฟอร์ติส อินเวสต์เมนต์ ในฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ดูแลการลงทุนมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์ ให้ความเห็นว่า “สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯกำลังกระทำโดยพื้นฐานแล้วกลับกลายเป็นการชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจริงๆ จากการยังรักษาชีวิตของเอไอจี และจากการถอยกลับเข้าโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งระยะยาวแล้วน่าจะเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์”
“ระยะสั้นแล้ว ผมคิดว่าประเด็นปัญหาความเสี่ยงเชิงระบบได้ลดน้อยลงมา จากข้อเท็จจริงที่ว่าเฟดถูกมองว่ากำลังก้าวออกมาช่วยเหลือตลาดให้อยู่รอด ทว่าการฟื้นตัวก็จะต้องชะลอออกไปเช่นกัน” เขาบอก
พวกที่ไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวคราวนี้ ยังบอกด้วยว่า หลังจากที่สร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาได้ในกรณีเลห์แมน เฟดก็อาจจะกำลังทำลายเครดิตของตัวเองในกรณีเอไอจี และน่าจะเป็นการเปิดประตูให้บริษัทอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนเรียกร้องขอให้ทางการเข้าไปช่วยเหลือพวกตนบ้าง
“โดยเนื้อหาสาระแล้ว เรากำลังสืบต่อระบบที่ว่ากำไรต้องทำให้เป็นของเอกชน และ ...ขาดทุนต้องทำให้เป็นของสังคม” นูรีล รูบินี ศาสตราจารย์แห่งวิทยาลัยธุรกิจสเติร์น นิวยอร์กยูนิเวอร์ซิตี้ ให้ความเห็น และกล่าวต่อไปว่า อีกไม่นานพวกบริษัทผู้ผลิตรถยนต์, สายการบิน, และธุรกิจที่กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดอยู่ในเวลานี้ ก็จะต้องมาเข้าแถวขอให้รัฐบาลช่วยเหลือไม่ให้ล้มละลาย
**สินเชื่อตึงตัวยังไม่คลี่คลาย**
ถึงแม้ทางการสหรัฐฯทุ่มเงินกู้มหาศาลเข้าช่วยเหลือเอไอจีเช่นนี้ แต่สภาพสินเชื่อตึงตัวที่ดำรงมานานแล้วก็ยังไม่มีท่าทีผ่อนเพลาสักเท่าใด
ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นวานนี้ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในตลาด 2 รอบรวมเป็นมูลค่า 3 ล้านล้านเยน(28,580 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ทำเช่นนี้มาแล้ว 2 วันติดต่อกัน ทางด้านแบงก์ชาติของออสเตรเลียและอินเดีย ก็ปล่อยสภาพคล่องเข้าระบบเช่นกัน รอยเตอร์บอกว่ารวมทั้ง 3 ประเทศนี้ได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดการเงินเมื่อวานนี้ไม่ต่ำกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีออกมาเตือนว่า เงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกไปจากตลาดตราสารหนี้ในประเทศ “เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือในเรื่องความเป็นไปได้ที่เงินทุนต่างประเทศจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ในช่วงระยะกลาง” ลีเซืองเต ผู้ว่าการแบงก์ชาติเกาหลีชี้
สำหรับตลาดกู้ยืมระหว่างธนาคารยังคงอยู่ในสภาพตึงตัว อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของลอนดอนล่าสุดเมื่อคืนนี้ ที่เผยแพร่โดยสมาคมนายธนาคารอังกฤษ แม้ว่าอัตรากู้ยืมชั่วข้ามคืนสกุลดอลลาร์จะลดลงมากว่า 1% ทว่าอัตราสำหรับระยะ 3 เดือนยังคงพุ่งขึ้น
**ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกฟื้นขึ้นบ้าง**
ทางด้านตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทเมื่อคืนวันอังคาร ในช่วงปลายตลาดได้ดีดตัวกลับขึ้นมาเนื่องจากข่าวลือเรื่องที่ทางการสหรัฐฯทำท่าจะเข้าไปช่วยเหลือเอไอจีไม่ให้ต้องล้มละลาย โดยดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 141.51 จุด หรือ 1.30%
ระหว่างการซื้อขายแถบเอเชียวานนี้ ซึ่งเฟดออกคำแถลงเรื่องปล่อยกู้ให้แก่เอไอจีแล้ว ตลาดหุ้นต่างกระเตื้องขึ้นเป็นแถวในช่วงแรกๆ แต่แล้วก็เกิดความไม่แน่ใจว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะเพียงพอแก้ปัญหาได้ ในตอนปิดตลาด โตเกียวบวก 1.21% แต่ฮ่องกง –3.6% และเซี่ยงไฮ้ –2.9%
สำหรับวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ ช่วงต้นๆ ของตลาดติดลบแรง โดยเพียงสิบนาทีแรก ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ถอยลง 155.92 จุด หรือ 1.41% ส่งผลให้ตลาดแถบยุโรปซึ่งอยู่ในช่วงปลายๆ ตลาด ยิ่งติดลบเพิ่มขึ้น