ผู้จัดการรายวัน-ครม.ไฟเขียวโยกงานบริหารจัดการข้าวทั้งระบบคืน “พาณิชย์” หลังไร้ “สมัคร” ได้ทีเตรียมเสนอกขช. เร่งด่วน ขอความชัดเจนใครคุมจำนำข้าว ระหว่างธ.ก.ส.กับอ.ค.ส. พร้อมแนวทางการบริหารจัดการข้าว
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์กลับมาดูแลงานบริหารจัดการข้าวทั้งระบบอีกครั้ง หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ไม่มีเจ้าภาพในการดูแลบริหารจัดการข้าว เนื่องจากคณะกรรมการบริหารข้าวครบวงจร ที่มีนายสมัคร เป็นประธานหมดวาระลงด้วย
ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับเป้าหมายปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2551 เพิ่มอีก 1 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านตัน จากเดิมที่ ครม.อนุมัติให้มีการรับจำนำในโครงการดังกล่าวแล้ว 3.5 ล้านตัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เรียกประชุมกขช.เร่งด่วน เพื่อพิจารณาว่าจะให้กระทรวงพาณิชย์หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 ที่จะเริ่มเปิดรับจำนำวันที่ 16 ต.ค.นี้ เพราะมติครม.เดิมให้ธ.ก.ส.เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ แต่เมื่องานบริหารจัดการข้าวทั้งระบบกลับมาสู่ความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ก็อาจต้องให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2551 ที่เปิดดำเนินการไปแล้วนั้น จะขอมติจาก กขช.เช่นกัน ว่าจะให้ธ.ก.ส.เป็นผู้สานต่อโครงการเหมือนเดิมหรือไม่ เพื่อให้งานเกิดความคล่องตัว เพราะการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 ก.ย.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเรียกประชุมกขช.เร่งด่วน เนื่องจากต้องขอมติที่จะให้คณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการรับจำนำข้าว คณะกรรมการสีแปรสภาพ และคณะกรรมระบายข้าว สิ้นสภาพตามคณะกรรมการบริหารข้าวครบวงจร และขอมติ กขช. ถึงแนวทางการทำงานให้กับกระทรวงพาณิชย์ เพราะเดิมทีกระทรวงพาณิชย์ดูแลทั้งการรับจำนำ การสีแปรสภาพ และการระบายข้าว ซึ่งมีคณะอนุกรรมการภายใต้กขช. ดูแลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องการให้กขช. มีแนวทางการทำงานให้กับกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ โดยเฉพาะการเป็นผู้ดูแลโครงการรับจำนำข้าวนาปี เพราะโครงการรับจำนำข้าวนาปรังที่ผ่านมา แม้ธ.ก.ส.จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ แต่ก็ต้องใช้บุคลากรจากอคส. ซึ่งขณะนี้ อคส. ได้คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อคส. ครบชุดแล้ว ทำให้อคส.สามารถดำเนินการทางด้านนโยบายได้อย่างเต็มที่
“หลังจากที่ได้ความชัดเจนจากกขช.แล้ว คงจะมีการพูดถึงการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ที่มีรมช.พาณิชย์ เป็นประธาน เพราะขณะนี้มีข้าวในสต๊อกมากถึง 4 ล้านตันว่าจะใช้วิธีการใด และระบายออกจำนวนเท่าไร” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับรายชื่อคณะกรรมการบอดร์อคส.ชุดใหม่ ประกอบด้วย นายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธาน นายประเสริฐ เกษมโกเมศ รองประธาน และกรรมการได้แก่ นายธีรชัย เขมะสิริ นายชูชาติ ตันอังสนากุล นายพงษ์ภัฎ เรืองเครือ นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ และนายยงยุทธ นันทพงษ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์กลับมาดูแลงานบริหารจัดการข้าวทั้งระบบอีกครั้ง หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ไม่มีเจ้าภาพในการดูแลบริหารจัดการข้าว เนื่องจากคณะกรรมการบริหารข้าวครบวงจร ที่มีนายสมัคร เป็นประธานหมดวาระลงด้วย
ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปรับเป้าหมายปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2551 เพิ่มอีก 1 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านตัน จากเดิมที่ ครม.อนุมัติให้มีการรับจำนำในโครงการดังกล่าวแล้ว 3.5 ล้านตัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เรียกประชุมกขช.เร่งด่วน เพื่อพิจารณาว่าจะให้กระทรวงพาณิชย์หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 ที่จะเริ่มเปิดรับจำนำวันที่ 16 ต.ค.นี้ เพราะมติครม.เดิมให้ธ.ก.ส.เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ แต่เมื่องานบริหารจัดการข้าวทั้งระบบกลับมาสู่ความดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ก็อาจต้องให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปีการผลิต 2551 ที่เปิดดำเนินการไปแล้วนั้น จะขอมติจาก กขช.เช่นกัน ว่าจะให้ธ.ก.ส.เป็นผู้สานต่อโครงการเหมือนเดิมหรือไม่ เพื่อให้งานเกิดความคล่องตัว เพราะการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 ก.ย.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเรียกประชุมกขช.เร่งด่วน เนื่องจากต้องขอมติที่จะให้คณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการรับจำนำข้าว คณะกรรมการสีแปรสภาพ และคณะกรรมระบายข้าว สิ้นสภาพตามคณะกรรมการบริหารข้าวครบวงจร และขอมติ กขช. ถึงแนวทางการทำงานให้กับกระทรวงพาณิชย์ เพราะเดิมทีกระทรวงพาณิชย์ดูแลทั้งการรับจำนำ การสีแปรสภาพ และการระบายข้าว ซึ่งมีคณะอนุกรรมการภายใต้กขช. ดูแลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องการให้กขช. มีแนวทางการทำงานให้กับกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ โดยเฉพาะการเป็นผู้ดูแลโครงการรับจำนำข้าวนาปี เพราะโครงการรับจำนำข้าวนาปรังที่ผ่านมา แม้ธ.ก.ส.จะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ แต่ก็ต้องใช้บุคลากรจากอคส. ซึ่งขณะนี้ อคส. ได้คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อคส. ครบชุดแล้ว ทำให้อคส.สามารถดำเนินการทางด้านนโยบายได้อย่างเต็มที่
“หลังจากที่ได้ความชัดเจนจากกขช.แล้ว คงจะมีการพูดถึงการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการระบายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ที่มีรมช.พาณิชย์ เป็นประธาน เพราะขณะนี้มีข้าวในสต๊อกมากถึง 4 ล้านตันว่าจะใช้วิธีการใด และระบายออกจำนวนเท่าไร” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับรายชื่อคณะกรรมการบอดร์อคส.ชุดใหม่ ประกอบด้วย นายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นประธาน นายประเสริฐ เกษมโกเมศ รองประธาน และกรรมการได้แก่ นายธีรชัย เขมะสิริ นายชูชาติ ตันอังสนากุล นายพงษ์ภัฎ เรืองเครือ นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ และนายยงยุทธ นันทพงษ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป