นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวภายหลังการเข้าชี้แจงต่อนายประชิต ศรศักดา ประธานคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของกกต. กรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ถือครองหุ้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด วานนี้ (12 ก.ย.) ว่า เนื่องจากคณะกรรมการฯ มีหนังสือด่วนขอให้มาชี้แจงข้อร้องเรียน โดยต้องการทราบข้อมูลการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิ้นของ นพ.สุรพงษ์ ที่ตนเห็นว่า นางปราณี สืบวงศ์ลี คู่สมรสเป็นหุ้นส่วนหลักถือเงินทุนในคณะบุคคลร้อยละ 50-95 อันเป็นการกระทำต้องห้างตามมาตรา 267, 268และ269 ของรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุให้ ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 182(7)ของรัฐธรรมนูญ
เรื่องนี้นอกจากจะยื่นต่อ กกต.แล้วผมก็ยังได้ไปยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้แจ้งมายังเลขาธิการวุฒิสภาแล้วว่า ทางศาลรัฐธรรมนูญได้ตรวจคำร้องและมีคำสั่งให้รับคำร้องดังกล่าวไว้ดำเนินการตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 แล้ว
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงกรณีกกต.ยกคำร้องนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ภรรยาไปถือหุ้นในบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัดเกิน 5%ว่า ตนเห็นต่างจาก กกต. เพราะแม้จะเป็นการขอประทานบัตรระเบิดหินในที่ดิน ของตนเองแต่เมื่อหินและแร่เป็นทรัพยากรของชาติ และต้องขออนุญาต เพื่อทำกิจการเอาหินและแร่ขึ้นมาใช้ แม้จะใช้คำว่าประทานบัตร แต่ก็น่าจะเป็นการตีความเข้าข่ายสัมปทานได้
อย่างไรก็ตามตนเองเป็นส.ว. ทำให้ไม่สามารถยื่นเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยผ่านประธานวุฒิสภาได้ ต้องเป็นหน้าที่ของส.ส.ที่จะล่าชื่อส.ส. ด้วยการเสนอไปยังประธานสภาของตัวเองว่า ขาดคุณสมบัติส.ส.หรือไม่
อนูฯสอบวิฑูรย์ทุจริตจวกกกต.เลอะ
นายสุธน แสงสายัณห์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีสำนวน การทุจริตการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกกต. ขยายเวลาให้อนุฯสอบอีก 15 วันเพื่อสอบพยาน 7 ปากว่า ขอให้เห็นหนังสือของกกต. ก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ขอยืนยันว่า อนุฯได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่กกต.จังหวัดก็ได้สอบหมดทุกปากที่มี ทั้งของฝ่ายนายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชาชนที่เป็นผู้ร้องและฝ่ายนายวิฑูรย์ที่เป็นผู้ถูกร้อง และก็ได้สรุปทำความเห็นไปแล้วกกต.ก็ต้องพิจารณาดูว่าอะไรเป็นอะไร
ผมสอบไปครบหมดแล้ว ทั้งผู้ร้องคัดค้านและผู้ถูกร้อง และสรุปเสร็จก็เสนอไปยัง กกต.กลางตั้ง 20 กว่าวัน จะมาเอากันอีก ผมก็ทำให้หมดแล้ว มาโทษอะไรพวกผมอีก ที่จะให้สอบเพิ่ม โดยบอกว่าเพราะอนุฯตัดพยานนั้น ยืนยันไม่มีสักปาก สอบหมดทุกปาก ก่อนจะพูดอะไรช่วยดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเขาร้องมาให้สอบเพิ่มเติมเมื่อไร หลังจากที่ผมสรุปไปแล้วใช่หรือไม่ หากกกต. เห็นว่า เขาร้องมาต้องทำให้ครบ ให้สอบอยู่เรื่อย ๆ แล้วเมื่อไรจะสอบกันเสร็จ ในส่วนของผมนั้นถือว่าจบแล้ว
ส่วนที่มีการระบุว่า อนุกรรมการลาออกไป 2 คนก่อนลงมตินั้น ยอมรับว่าจริง แต่เป็นการลาออกก่อนลงมติ 1 คนคือ พล.ต.ต. ขรรค์ชัย อนันตสมบูรณ์ อดีต รองผบ.ตม ส่วนอีกคนหนึ่งลาออกหลังจากที่ได้ลงมติเสร็จแล้ว แต่ทั้งหมด ไม่ทราบเหตุผลในการลาออกว่าเพราะอะไร คงต้องขอทราบจากประธานกกต. เนื่องจากใบลาออกไม่ได้ผ่านมายังตน แต่ที่มีกกต.บางคนมองว่า การลาออกของอนุกรรมการเป็นปัญหา บอกได้เลยว่าตนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีปัญหาอะไร ต้องไปถามคนที่เขาลาออกว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็เชื่อว่าจะต้องมีอะไรสักอย่าง จึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ให้สอบเพิ่มแล้วอนุฯเหลือแค่ 3 คนต้องขอให้ตั้งคนเพิ่มหรือไม่ นายสุธน กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าให้สอบอะไรอย่างไร ไม่ใช่มาสั่งคณะอนุกรรมการฯต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ อนญฯุเป็นผู้ทำความเห็นเพื่อไปประกอบการพิจารณา เมื่อทำไปแล้วก็มาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะทำไม่ถูกใจ แล้วจะตั้งคณะอนุกรรมการฯขึ้นมาช่วยงานทำไม น่าจะทำเสียเองดีกว่า
ก่อนที่จะมาพูดขอให้ดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นมาอย่างไร อนุกรรมการฯ ก็พิจารณาไปตามพยานหลักฐานตามที่มีอยู่ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะมาโทษคณะอนุกรรมการฯ อย่างนี้ นายสุธน กล่าว ส่วนจะเห็นควรให้คณะอนุกรรมการฯชุดนี้ทำอีกหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่กกต.จะให้ใครทำก็ทำไปเถอะตนไม่เดือดร้อน
เรื่องนี้นอกจากจะยื่นต่อ กกต.แล้วผมก็ยังได้ไปยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ได้แจ้งมายังเลขาธิการวุฒิสภาแล้วว่า ทางศาลรัฐธรรมนูญได้ตรวจคำร้องและมีคำสั่งให้รับคำร้องดังกล่าวไว้ดำเนินการตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 แล้ว
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงกรณีกกต.ยกคำร้องนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ภรรยาไปถือหุ้นในบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัดเกิน 5%ว่า ตนเห็นต่างจาก กกต. เพราะแม้จะเป็นการขอประทานบัตรระเบิดหินในที่ดิน ของตนเองแต่เมื่อหินและแร่เป็นทรัพยากรของชาติ และต้องขออนุญาต เพื่อทำกิจการเอาหินและแร่ขึ้นมาใช้ แม้จะใช้คำว่าประทานบัตร แต่ก็น่าจะเป็นการตีความเข้าข่ายสัมปทานได้
อย่างไรก็ตามตนเองเป็นส.ว. ทำให้ไม่สามารถยื่นเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยผ่านประธานวุฒิสภาได้ ต้องเป็นหน้าที่ของส.ส.ที่จะล่าชื่อส.ส. ด้วยการเสนอไปยังประธานสภาของตัวเองว่า ขาดคุณสมบัติส.ส.หรือไม่
อนูฯสอบวิฑูรย์ทุจริตจวกกกต.เลอะ
นายสุธน แสงสายัณห์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีสำนวน การทุจริตการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีกกต. ขยายเวลาให้อนุฯสอบอีก 15 วันเพื่อสอบพยาน 7 ปากว่า ขอให้เห็นหนังสือของกกต. ก่อนจึงจะสามารถให้คำตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ขอยืนยันว่า อนุฯได้ทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่กกต.จังหวัดก็ได้สอบหมดทุกปากที่มี ทั้งของฝ่ายนายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชาชนที่เป็นผู้ร้องและฝ่ายนายวิฑูรย์ที่เป็นผู้ถูกร้อง และก็ได้สรุปทำความเห็นไปแล้วกกต.ก็ต้องพิจารณาดูว่าอะไรเป็นอะไร
ผมสอบไปครบหมดแล้ว ทั้งผู้ร้องคัดค้านและผู้ถูกร้อง และสรุปเสร็จก็เสนอไปยัง กกต.กลางตั้ง 20 กว่าวัน จะมาเอากันอีก ผมก็ทำให้หมดแล้ว มาโทษอะไรพวกผมอีก ที่จะให้สอบเพิ่ม โดยบอกว่าเพราะอนุฯตัดพยานนั้น ยืนยันไม่มีสักปาก สอบหมดทุกปาก ก่อนจะพูดอะไรช่วยดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเขาร้องมาให้สอบเพิ่มเติมเมื่อไร หลังจากที่ผมสรุปไปแล้วใช่หรือไม่ หากกกต. เห็นว่า เขาร้องมาต้องทำให้ครบ ให้สอบอยู่เรื่อย ๆ แล้วเมื่อไรจะสอบกันเสร็จ ในส่วนของผมนั้นถือว่าจบแล้ว
ส่วนที่มีการระบุว่า อนุกรรมการลาออกไป 2 คนก่อนลงมตินั้น ยอมรับว่าจริง แต่เป็นการลาออกก่อนลงมติ 1 คนคือ พล.ต.ต. ขรรค์ชัย อนันตสมบูรณ์ อดีต รองผบ.ตม ส่วนอีกคนหนึ่งลาออกหลังจากที่ได้ลงมติเสร็จแล้ว แต่ทั้งหมด ไม่ทราบเหตุผลในการลาออกว่าเพราะอะไร คงต้องขอทราบจากประธานกกต. เนื่องจากใบลาออกไม่ได้ผ่านมายังตน แต่ที่มีกกต.บางคนมองว่า การลาออกของอนุกรรมการเป็นปัญหา บอกได้เลยว่าตนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีปัญหาอะไร ต้องไปถามคนที่เขาลาออกว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็เชื่อว่าจะต้องมีอะไรสักอย่าง จึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.ให้สอบเพิ่มแล้วอนุฯเหลือแค่ 3 คนต้องขอให้ตั้งคนเพิ่มหรือไม่ นายสุธน กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าให้สอบอะไรอย่างไร ไม่ใช่มาสั่งคณะอนุกรรมการฯต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ อนญฯุเป็นผู้ทำความเห็นเพื่อไปประกอบการพิจารณา เมื่อทำไปแล้วก็มาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะทำไม่ถูกใจ แล้วจะตั้งคณะอนุกรรมการฯขึ้นมาช่วยงานทำไม น่าจะทำเสียเองดีกว่า
ก่อนที่จะมาพูดขอให้ดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นมาอย่างไร อนุกรรมการฯ ก็พิจารณาไปตามพยานหลักฐานตามที่มีอยู่ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะมาโทษคณะอนุกรรมการฯ อย่างนี้ นายสุธน กล่าว ส่วนจะเห็นควรให้คณะอนุกรรมการฯชุดนี้ทำอีกหรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่กกต.จะให้ใครทำก็ทำไปเถอะตนไม่เดือดร้อน
