ปชป.ยังต้องลุ้นพรรคถูกเสนอยุบไม่ยุบอีกรอบ เหตุ กกต.เลื่อนลงมติสำนวนร้อง “วิฑูรย์” ทุจริต แถมขยายเวลาอีก 15 วันให้อนุฯ สอบพยานเพิ่มอีก 7 ปาก
วันนี้ (11 ก.ย.) นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ที่มีการพิจารณาสำนวนเรื่องร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 4 และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมฯ ยังไม่สามารถลงมติในเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากนายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน ที่เป็นผู้ร้องคัดค้านได้ร้องขอให้ กกต.สอบพยานสำคัญเพิ่มอีก 7 ปาก กกต.ส่วนใหญ่เห็นว่าเพื่อความรอบคอบ ความสมบูรณ์ของสำนวนน่าจะให้สอบพยานเพิ่มเติม จึงได้ขยายเวลาให้อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนที่มีนายสุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ก่อนจะเสนอกลับมาให้ กกต.พิจารณาลงมติอีกครั้ง
ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวว่า การให้สอบเพิ่มเติมเนื่องจากต้องการให้ความยุติธรรมและเกิดความสบายใจต่อทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งต้องการให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะลงมติ ไม่ใช่เพราะอนุกรรมการฯ เสนอข้อมูล หลักฐานประกอบสำนวนไม่เพียงพอ
“เพื่อไม่ให้มีปัญหาว่าอนุกรรมการของ กกต.รวบรัดตัดความ กลายเป็นว่าฟังพยานไม่หมดตามที่ต้องการ หรือฟังพยานอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการดึงเรื่อง หรือประวิงเวลา แต่ถ้าวินิจฉัยไปทางฝ่ายผู้ร้องก็จะบอกว่าทำไมไม่ให้โอกาสเขา แต่ทำไมให้โอกาสฝ่ายผู้ถูกร้องมากกว่า”
เมื่อถามว่า หากมีการร้องขอสอบพยานเพิ่มเติมอีกจะให้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ต้องพิจารณาในแต่ละเรื่องว่าจะให้สอบเพิ่มหรือไม่ แต่ระยะเวลาที่ให้ไปก็มากแล้ว ดังนั้น ไม่ควรสอบเพิ่มเติมอีก และครั้งนี้จะเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย คงไม่เลื่อนแล้ว เพราะอาจถูกมองว่าให้ความยุติธรรมไม่เท่ากัน
ส่วน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องให้สอบเพิ่มเพราะประธานอนุฯ สอบไม่มีการสอบพยานทางผู้ร้องเพิ่มเติมตามที่ได้มีการร้องขอ โดยเฉพาะพยานที่อ้างว่าเป็นนายกสมาคมผู้สื่อข่าว จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวให้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ก็ได้มีหนังสือมายังประธาน กกต.กลาง และนายสุเมธว่าเขาต้องการให้ปากคำเนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน กลับไม่มีการเรียกมาสอบ โดยประธานอนุฯ สอบตัดการสอบพยานเหล่านี้ทั้งหมด กกต.จึงเห็นว่าควรสอบเพิ่มเพื่อลดข้อครหา หรืออย่างกรณีที่มีการร้องว่านายตำรวจที่เป็นเจ้าของสำนวนสอบสวนใน จ.อบุลฯ มีนามสกุลเดียวกับนายสุทัศน์ เงินหมื่น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กกต.ก็ถามว่าตกลงแล้วนายตำรวจคนดังกล่าวเกี่ยวพันเป็นอะไรกับนายสุทัศน์ อนุฯ ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
“เรื่องนี้เมื่อมีข้อสงสัยอีกมากก็ไม่ควรด่วนสรุป และขอเรียกร้องว่าใครก็ตามที่มีวีซีดีที่อ้างว่ามีการถ่ายทำรายละเอียดไว้ก็ให้ส่งมาให้ กกต.พิจารณาได้ ซึ่งการสอบสวนกรณีล่าสุด กรรมการ 5 คนในอนุกรรมการฯทั้งหมดได้ขอลาออก 2 คน”
เมื่อถามว่า กรรมการสอบไม่ครบถ้วนแต่กลับจะเสนอให้ยกคำร้อง กกต.ไม่เห็นด้วยจึงให้สอบเพิ่มใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ใช่ และขณะนี้ตนเองก็ข้องใจว่าทำไมกรรมการสอบสวนขอลาออกถึง 2 คน