นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ในการพิจารณาสำนวนเรื่องร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส สัดส่วน กลุ่ม 4 และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมฯยังไม่สามารถลงมติได้ เนื่องจากนายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน ที่เป็นผู้ร้องคัดค้าน ได้ร้องขอให้ กกต.สอบพยานสำคัญเพิ่มอีก 7 ปาก กกต.ส่วนใหญ่เห็นว่า เพื่อความรอบคอบ ความสมบูรณ์ของสำนวน น่าจะให้สอบพยานเพิ่มเติม จึงได้ขยายเวลาให้อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนที่มีนายสุธน แสงสายัณห์ เป็นประธาน ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ก่อนจะเสนอกลับมาให้กกต.พิจารณาลงมติอีกครั้ง
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า การให้สอบเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการให้ความยุติธรรมและเกิดความสบายใจกับทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งต้องการให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะลงมติ ไม่ใช่เพราะอนุกรรมการฯ เสนอข้อมูล หลักฐานประกอบสำนวนไม่เพียงพอ
เพื่อไม่ให้มีปัญหาว่าอนุกรรมการของ กกต.รวบรัดตัดความ กลายเป็นว่าฟังพยานไม่หมดตามที่ต้องการ หรือฟังพยานอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า ทำให้เกิดการ ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการดึงเรื่อง หรือประวิงเวลา แต่ถ้าวินิจฉัยไปทางฝ่ายผู้ร้องก็จะบอกว่าทำไมไม่ให้โอกาสเขา แต่ทำไมให้โอกาสฝ่ายผู้ถูกร้องมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการร้องขอสอบพยานเพิ่มเติมอีกจะให้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ต้องพิจารณาในแต่ละเรื่องว่าจะให้สอบเพิ่มหรือไม่ แต่ระยะเวลาที่ให้ไป ก็มากแล้ว ดังนั้น ไม่ควรสอบเพิ่มเติมอีก และครั้งนี้จะเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย คงไม่เลื่อนแล้ว เพราะอาจถูกมองว่าให้ความยุติธรรมไม่เท่ากัน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า สาเหตุที่ต้อง ให้สอบเพิ่มเพราะประธานอนุฯสอบไม่มีการสอบพยานทางผู้ร้องเพิ่มเติม ตามที่ได้ มีการร้องขอ โดยเฉพาะพยานที่อ้างว่าเป็นนายกสมาคมผู้สื่อข่าว จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวให้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ก็ได้มีหนังสือมายังประธาน กกต.กลางและนายสุเมธ ว่า เขาต้องการให้ปากคำเนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน กลับไม่มีการเรียกมาสอบ โดยประธานอนุฯสอบตัดการสอบพยานเหล่านี้ทั้งหมด กกต.จึงเห็นว่าควรสอบเพิ่มเพื่อลดข้อครหา หรืออย่างกรณีที่มีการร้องว่า นายตำรวจ ที่เป็นเจ้าของสำนวนสอบสวนใน จ.อบุลฯมีนามสกุลเดียวกับ นายสุทัศน์ เงินหมื่น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กกต.ก็ถามว่าตกลงแล้วนายตำรวจคนดังกล่าวเกี่ยวพันเป็นอะไรกับนายสุทัศน์ อนุฯก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
เรื่องนี้เมื่อมีข้อสงสัยอีกมากก็ไม่ควรด่วนสรุป และขอเรียกร้องว่าใครก็ตาม ที่มีวีซีดีที่อ้างว่ามีการถ่ายทำรายละเอียดไว้ก็ให้ส่งมาให้กกต.พิจารณาได้ ซึ่งการ สอบสวนกรณีล่าสุด กรรมการ 5 คนในอนุกรรมการฯทั้งหมดได้ขอลาออก 2 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการสอบไม่ครบถ้วนแต่กลับจะเสนอให้ยกคำร้อง กกต. ไม่เห็นด้วยจึงให้สอบเพิ่มใช่หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ใช่ และขณะนี้ตนเองก็ข้องใจว่า ทำไมกรรมการสอบสวนขอลาออกถึง 2 คน
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมั่นใจการทำงานของ กกต. ว่าจะให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ยังมั่นใจในพยานและหลักฐานที่มอบให้ กกต. พิจารณา และขอยืนยันว่าไม่มีการแจกตั๋วหนังหรือฉายหนังแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการฉายประวัติของพรรคและผู้สมัครเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากคาดเดาผลการตัดสินแต่ก็พร้อมรับทุกกรณี ซึ่งหาก กกต. พิจารณา ให้ใบแดงจริง ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป
นายวิฑูรย์ กล่าวว่าได้ชี้แจงในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งพรรคก็ไม่ได้ติดใจอะไร ทั้งนี้ ได้ดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับนายสมบัติ รัตโน ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชนแล้ว ส่วนถ้า กกต.มีมติยกคำร้อง ตนก็จะทำหนังสือขอคำให้การพยานของนายสมบัติ เพื่อนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจฟ้องดำเนินคดี ในข้อหาให้การเท็จ
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า การให้สอบเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการให้ความยุติธรรมและเกิดความสบายใจกับทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งต้องการให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะลงมติ ไม่ใช่เพราะอนุกรรมการฯ เสนอข้อมูล หลักฐานประกอบสำนวนไม่เพียงพอ
เพื่อไม่ให้มีปัญหาว่าอนุกรรมการของ กกต.รวบรัดตัดความ กลายเป็นว่าฟังพยานไม่หมดตามที่ต้องการ หรือฟังพยานอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า ทำให้เกิดการ ได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการดึงเรื่อง หรือประวิงเวลา แต่ถ้าวินิจฉัยไปทางฝ่ายผู้ร้องก็จะบอกว่าทำไมไม่ให้โอกาสเขา แต่ทำไมให้โอกาสฝ่ายผู้ถูกร้องมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการร้องขอสอบพยานเพิ่มเติมอีกจะให้หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ต้องพิจารณาในแต่ละเรื่องว่าจะให้สอบเพิ่มหรือไม่ แต่ระยะเวลาที่ให้ไป ก็มากแล้ว ดังนั้น ไม่ควรสอบเพิ่มเติมอีก และครั้งนี้จะเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย คงไม่เลื่อนแล้ว เพราะอาจถูกมองว่าให้ความยุติธรรมไม่เท่ากัน
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า สาเหตุที่ต้อง ให้สอบเพิ่มเพราะประธานอนุฯสอบไม่มีการสอบพยานทางผู้ร้องเพิ่มเติม ตามที่ได้ มีการร้องขอ โดยเฉพาะพยานที่อ้างว่าเป็นนายกสมาคมผู้สื่อข่าว จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวให้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ก็ได้มีหนังสือมายังประธาน กกต.กลางและนายสุเมธ ว่า เขาต้องการให้ปากคำเนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน กลับไม่มีการเรียกมาสอบ โดยประธานอนุฯสอบตัดการสอบพยานเหล่านี้ทั้งหมด กกต.จึงเห็นว่าควรสอบเพิ่มเพื่อลดข้อครหา หรืออย่างกรณีที่มีการร้องว่า นายตำรวจ ที่เป็นเจ้าของสำนวนสอบสวนใน จ.อบุลฯมีนามสกุลเดียวกับ นายสุทัศน์ เงินหมื่น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กกต.ก็ถามว่าตกลงแล้วนายตำรวจคนดังกล่าวเกี่ยวพันเป็นอะไรกับนายสุทัศน์ อนุฯก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
เรื่องนี้เมื่อมีข้อสงสัยอีกมากก็ไม่ควรด่วนสรุป และขอเรียกร้องว่าใครก็ตาม ที่มีวีซีดีที่อ้างว่ามีการถ่ายทำรายละเอียดไว้ก็ให้ส่งมาให้กกต.พิจารณาได้ ซึ่งการ สอบสวนกรณีล่าสุด กรรมการ 5 คนในอนุกรรมการฯทั้งหมดได้ขอลาออก 2 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรรมการสอบไม่ครบถ้วนแต่กลับจะเสนอให้ยกคำร้อง กกต. ไม่เห็นด้วยจึงให้สอบเพิ่มใช่หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ใช่ และขณะนี้ตนเองก็ข้องใจว่า ทำไมกรรมการสอบสวนขอลาออกถึง 2 คน
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมั่นใจการทำงานของ กกต. ว่าจะให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ยังมั่นใจในพยานและหลักฐานที่มอบให้ กกต. พิจารณา และขอยืนยันว่าไม่มีการแจกตั๋วหนังหรือฉายหนังแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการฉายประวัติของพรรคและผู้สมัครเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากคาดเดาผลการตัดสินแต่ก็พร้อมรับทุกกรณี ซึ่งหาก กกต. พิจารณา ให้ใบแดงจริง ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ และดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป
นายวิฑูรย์ กล่าวว่าได้ชี้แจงในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งพรรคก็ไม่ได้ติดใจอะไร ทั้งนี้ ได้ดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับนายสมบัติ รัตโน ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชนแล้ว ส่วนถ้า กกต.มีมติยกคำร้อง ตนก็จะทำหนังสือขอคำให้การพยานของนายสมบัติ เพื่อนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจฟ้องดำเนินคดี ในข้อหาให้การเท็จ