ทำไมนายสมัคร สุนทรเวช ถึงชอบเลี้ยงแมว?
อาจเพราะความน่ารัก ขี้ประจบ และผูกพันเจ้าของ หรือด้วยเหตุผลเหมือนๆ คนอื่นที่เห็นว่า แมวเป็นสัตว์ที่น่ารัก น่าเลี้ยง แต่สำหรับนายสมัครหนึ่งในหลายเหตุผลนั้น เดาว่าน่าจะมีความเชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิตรวมอยู่ด้วย
นายสมัครอาจคิดว่าชีวิตการเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2516 จนถึงพ.ศ.นี้รวมเวลา 35 ปี ที่ผ่านมาของตนเองก็คงเหมือนแมว เป็นแมวที่มี 9 ชีวิต ตายแล้วฟื้น ฟื้นแล้วตาย
บนเส้นทางเดินทางการเมืองของเขาหากเป็นเส้นกราฟก็มีช่วงที่รุ่งโรจน์และดำดิ่งตกต่ำ จนวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2551 จับพลัดจับผลูฟื้นตื่นขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทยแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นแค่หุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ยังเต็มใจ
วันนี้วันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 ในทางการเมืองนายสมัครอุปมาอุปไมยเหมือนตายลงอีกครั้ง!
นายสมัครได้พ้นตำแหน่งนายกฯ เพราะผลประโยชน์จากการจัดการรายการโทรทัศน์ ‘ชิมไปบ่นไป’ ทันทีหลังจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้เขาสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ประกอบมาตรา 182 ( 7)
ทว่า การตายของนายสมัครคล้ายกับผีดิบที่วิญญาณออกจากร่างก็จริง แต่ร่างกายไม่หายสาบสูญไปไหน เพราะความเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่มีเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยมีสิทธิจะฟื้นกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ เพราะแนวโน้มพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมคงไม่สนใจความรู้สึกใดๆ ของประชาชนยังด้านหน้าเสนอชื่อเขาให้กลับเข้ามาในตำแหน่งต่อ
หากออกมารูปนี้ก็ไม่น่าประหลาดใจอะไร เพราะลองรัฐบาลเฮงซวยที่บิดเบือนประชาธิปไตยอยู่เฉพาะในกรอบที่ตนและพวกพ้องได้ผลประโยชน์คิดอะไรได้เลวทรามกว่านี้อีกล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น!
ซ้ำร้ายกว่านั้นคิดต่อไปล่วงหน้าได้เลยว่า จากนี้ไปในความเห็นของบรรดาลิ่วล้อระบอบทักษิณที่ไม่เคยยอมรับกระบวนการยุติธรรมจะดาหน้าออกมากล่าวโทษต่อรัฐธรรมนูญ จะต้องหาทางแก้รัฐธรรมนูญกันอีก
กล่าวเฉพาะการตายจากความชอบธรรมหมดความน่าเชื่อถือทางการเมือง เพราะ กระบวนการยุติธรรมหนนี้ของนายสมัครไม่ใช่เพิ่งตายหนแรก ตามประวัติที่ผ่านมามีคนเขารวบรวมไว้มีดังนี้ (ข้อมูลจากวิกิพิเดีย)
คดีหมิ่นประมาทนายดำรง ลัทธพิพัฒน์
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่กรรมโดยการประกอบอัตวินิบาต ขณะกำลังเดินทางไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากปัญหาความเครียดส่วนตัว ต่อมานายสมัครซึ่งถูกปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2529 กลายเป็นฝ่ายค้าน ได้ให้ข่าวในทำนองว่า นายดำรงฆ่าตัวตายเพราะความเครียด เนื่องจากการยักยอกงบประมาณของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน นางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ (เกตุทัต) ภรรยานายดำรง มอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความฟ้องหมิ่นประมาทนายสมัคร สุนทรเวช ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินว่านายสมัครกล่าวข้อความเป็นเท็จ และหมิ่นประมาทจริง มีคำสั่งให้จำคุกนายสมัคร สุนทรเวช แต่ให้รอลงอาญา
กรณีสเตทเมนต์ปลอม
เมื่อ พ.ศ. 2530 นายสมัคร สุนทรเวช ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในครม.คณะที่ 43 และได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ครม.คณะที่ 44) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 นายสมัครอภิปรายกล่าวหาว่า นายจิรายุรับสินบน โดยนำสำเนาสเตทเมนต์แสดงการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเฟิสต์ อินเตอร์สเตทในสหรัฐอเมริกา มาแสดงในสภา และอภิปรายว่ามีชื่อของนายจิรายุ เป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีรายการโอนเงินค่าสินบนเป็นจำนวนเงิน 92 ล้านบาท นายจิรายุปฏิเสธว่าคำกล่าวหาของนายสมัครเป็นเท็จ และตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา
ต่อมาจากการตรวจสอบโดยคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พบว่าสเตทเมนต์ที่นายสมัครนำมาแสดงนั้นเป็นของปลอม และนายจิรายุไม่เคยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารนั้น อย่างไรก็ตามไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ กับนายสมัคร เนื่องจากมีกฎหมายให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อมานายสมัครได้ยอมรับว่า ได้นำเอกสารเท็จมาแสดงในการอภิปรายในครั้งนั้นจริง
คดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.
นายสมัคร และนายดุสิต ศิริวรรณ ซึ่งร่วมกันจัดรายการโทรทัศน์ “เช้าวันนี้ที่ช่อง 5” ทาง ททบ.5 และ “สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ถูกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา โดยทั้งสองกล่าวหาว่านายสามารถทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครในรายการโทรทัศน์
ศาลมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของทั้งคู่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ทั้งนี้นายสมัครได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่นายสมัครกลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก ศาลมีคำสั่งจำคุกนายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ รวม 4 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีกำลังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 กันยายนนี้
หลังผ่านการตายครั้งนี้ และ/หรือจะตายอีกในไม่กี่วันข้างหน้าหรือไม่ นับเป็นชีวิตที่เท่าไหร่แล้วใน 9 ชีวิตของแมวชื่อสมัคร คงมีแต่นายสมัครเท่านั้นที่รู้ แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่าว่าชีวิตที่ตายซ้ำตายซากด้วยเหตุผลเดิมๆ โกหกหลอกลวงจวบจนตายจะฉุกคิดได้หรือไม่?
หากฉุกคิดไม่ได้อย่างน้อยๆ ก็ควรจำคำพูดตัวเองต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันก่อนนี้ได้ว่าบัดนี้บังเกิดผลเช่นใดแล้ว…
ไม่เพียงแต่นายสมัคร ส.ส.พลังประชาชน ประธานสภาฯ หรือใครก็ตามที่จะยกมือหนุนนายสมัครกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ หุ่นเชิดภาค 2 ก็พึงจดจำประโยคนี้ไว้เช่นกัน
ประโยคที่ว่า “ผมยืนยันและสาบานไว้ตรงนี้ด้วยว่าไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ถ้าผมไปเรียกร้องอะไรเขาละก็ ขออย่าให้ผมมีความเจริญ ขอให้บรรลัยวายวอดไปก็แล้วกัน”
ครับ..ยกมือพนม เน้นคำอีกทีตรงที่ว่า “ขอให้บรรลัยวายวอด ไปก็แล้วกัน!”
อาจเพราะความน่ารัก ขี้ประจบ และผูกพันเจ้าของ หรือด้วยเหตุผลเหมือนๆ คนอื่นที่เห็นว่า แมวเป็นสัตว์ที่น่ารัก น่าเลี้ยง แต่สำหรับนายสมัครหนึ่งในหลายเหตุผลนั้น เดาว่าน่าจะมีความเชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิตรวมอยู่ด้วย
นายสมัครอาจคิดว่าชีวิตการเมืองตั้งแต่ พ.ศ. 2516 จนถึงพ.ศ.นี้รวมเวลา 35 ปี ที่ผ่านมาของตนเองก็คงเหมือนแมว เป็นแมวที่มี 9 ชีวิต ตายแล้วฟื้น ฟื้นแล้วตาย
บนเส้นทางเดินทางการเมืองของเขาหากเป็นเส้นกราฟก็มีช่วงที่รุ่งโรจน์และดำดิ่งตกต่ำ จนวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2551 จับพลัดจับผลูฟื้นตื่นขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของไทยแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นแค่หุ่นเชิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ยังเต็มใจ
วันนี้วันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2551 ในทางการเมืองนายสมัครอุปมาอุปไมยเหมือนตายลงอีกครั้ง!
นายสมัครได้พ้นตำแหน่งนายกฯ เพราะผลประโยชน์จากการจัดการรายการโทรทัศน์ ‘ชิมไปบ่นไป’ ทันทีหลังจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ให้เขาสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ประกอบมาตรา 182 ( 7)
ทว่า การตายของนายสมัครคล้ายกับผีดิบที่วิญญาณออกจากร่างก็จริง แต่ร่างกายไม่หายสาบสูญไปไหน เพราะความเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่มีเสียงข้างมากตามระบอบประชาธิปไตยมีสิทธิจะฟื้นกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ เพราะแนวโน้มพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมคงไม่สนใจความรู้สึกใดๆ ของประชาชนยังด้านหน้าเสนอชื่อเขาให้กลับเข้ามาในตำแหน่งต่อ
หากออกมารูปนี้ก็ไม่น่าประหลาดใจอะไร เพราะลองรัฐบาลเฮงซวยที่บิดเบือนประชาธิปไตยอยู่เฉพาะในกรอบที่ตนและพวกพ้องได้ผลประโยชน์คิดอะไรได้เลวทรามกว่านี้อีกล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น!
ซ้ำร้ายกว่านั้นคิดต่อไปล่วงหน้าได้เลยว่า จากนี้ไปในความเห็นของบรรดาลิ่วล้อระบอบทักษิณที่ไม่เคยยอมรับกระบวนการยุติธรรมจะดาหน้าออกมากล่าวโทษต่อรัฐธรรมนูญ จะต้องหาทางแก้รัฐธรรมนูญกันอีก
กล่าวเฉพาะการตายจากความชอบธรรมหมดความน่าเชื่อถือทางการเมือง เพราะ กระบวนการยุติธรรมหนนี้ของนายสมัครไม่ใช่เพิ่งตายหนแรก ตามประวัติที่ผ่านมามีคนเขารวบรวมไว้มีดังนี้ (ข้อมูลจากวิกิพิเดีย)
คดีหมิ่นประมาทนายดำรง ลัทธพิพัฒน์
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่กรรมโดยการประกอบอัตวินิบาต ขณะกำลังเดินทางไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากปัญหาความเครียดส่วนตัว ต่อมานายสมัครซึ่งถูกปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2529 กลายเป็นฝ่ายค้าน ได้ให้ข่าวในทำนองว่า นายดำรงฆ่าตัวตายเพราะความเครียด เนื่องจากการยักยอกงบประมาณของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน นางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ (เกตุทัต) ภรรยานายดำรง มอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความฟ้องหมิ่นประมาทนายสมัคร สุนทรเวช ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินว่านายสมัครกล่าวข้อความเป็นเท็จ และหมิ่นประมาทจริง มีคำสั่งให้จำคุกนายสมัคร สุนทรเวช แต่ให้รอลงอาญา
กรณีสเตทเมนต์ปลอม
เมื่อ พ.ศ. 2530 นายสมัคร สุนทรเวช ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในครม.คณะที่ 43 และได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ครม.คณะที่ 44) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 นายสมัครอภิปรายกล่าวหาว่า นายจิรายุรับสินบน โดยนำสำเนาสเตทเมนต์แสดงการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเฟิสต์ อินเตอร์สเตทในสหรัฐอเมริกา มาแสดงในสภา และอภิปรายว่ามีชื่อของนายจิรายุ เป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีรายการโอนเงินค่าสินบนเป็นจำนวนเงิน 92 ล้านบาท นายจิรายุปฏิเสธว่าคำกล่าวหาของนายสมัครเป็นเท็จ และตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา
ต่อมาจากการตรวจสอบโดยคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พบว่าสเตทเมนต์ที่นายสมัครนำมาแสดงนั้นเป็นของปลอม และนายจิรายุไม่เคยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารนั้น อย่างไรก็ตามไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ กับนายสมัคร เนื่องจากมีกฎหมายให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส.ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อมานายสมัครได้ยอมรับว่า ได้นำเอกสารเท็จมาแสดงในการอภิปรายในครั้งนั้นจริง
คดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.
นายสมัคร และนายดุสิต ศิริวรรณ ซึ่งร่วมกันจัดรายการโทรทัศน์ “เช้าวันนี้ที่ช่อง 5” ทาง ททบ.5 และ “สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ถูกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา โดยทั้งสองกล่าวหาว่านายสามารถทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครในรายการโทรทัศน์
ศาลมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของทั้งคู่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ทั้งนี้นายสมัครได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่นายสมัครกลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก ศาลมีคำสั่งจำคุกนายสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ รวม 4 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีกำลังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 กันยายนนี้
หลังผ่านการตายครั้งนี้ และ/หรือจะตายอีกในไม่กี่วันข้างหน้าหรือไม่ นับเป็นชีวิตที่เท่าไหร่แล้วใน 9 ชีวิตของแมวชื่อสมัคร คงมีแต่นายสมัครเท่านั้นที่รู้ แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่าว่าชีวิตที่ตายซ้ำตายซากด้วยเหตุผลเดิมๆ โกหกหลอกลวงจวบจนตายจะฉุกคิดได้หรือไม่?
หากฉุกคิดไม่ได้อย่างน้อยๆ ก็ควรจำคำพูดตัวเองต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันก่อนนี้ได้ว่าบัดนี้บังเกิดผลเช่นใดแล้ว…
ไม่เพียงแต่นายสมัคร ส.ส.พลังประชาชน ประธานสภาฯ หรือใครก็ตามที่จะยกมือหนุนนายสมัครกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ หุ่นเชิดภาค 2 ก็พึงจดจำประโยคนี้ไว้เช่นกัน
ประโยคที่ว่า “ผมยืนยันและสาบานไว้ตรงนี้ด้วยว่าไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ถ้าผมไปเรียกร้องอะไรเขาละก็ ขออย่าให้ผมมีความเจริญ ขอให้บรรลัยวายวอดไปก็แล้วกัน”
ครับ..ยกมือพนม เน้นคำอีกทีตรงที่ว่า “ขอให้บรรลัยวายวอด ไปก็แล้วกัน!”