เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (7 ก.ย.) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย และรองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านพักสนามบินน้ำ ให้บรรดาแกนนำพรรคการเมือง นักการเมือง ข้าราชการ และประชาชน เข้าร่วมอวยพร เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 73 ปี โดยมีผู้เข้าอวยพร เป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามว่า พล.ต.สนั่น เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลักดันผู้นำหลายคนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และในสถานการณ์เช่นนี้ จะผลักดันหัวหน้าพรรคชาติไทยหรือไม่ว่า เร็วเกินไปที่จะพูด ไม่ขอตอบ แล้วเราก็ไม่มีความคิดอยู่ในขณะนี้เลย ตอนนี้พยายามรักษาบ้านเมืองให้ไปรอด และยุติความแตกแยกซึ่งเป็นเรื่องยาก ที่จะทำ
"เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านได้มอบหมายให้ ประธานวุฒิสภาไปเจรจากับทุกฝ่าย เป็นสิ่งที่ดีเพราะท่านเป็นคนกลาง แต่ปรากฏว่าขณะนี้ทุกฝ่ายไม่ยอมลดเงื่อนไข ยืนกระต่ายขาเดียว อยู่ท่าเดียวว่า ฉันจะเอาโน่น เอานี่ อย่างนี้มันก็ไปไม่รอด ยามบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ขอให้สงสารคนทั้งประเทศเถอะ ทุกฝ่ายยอมลดเงื่อนไขแล้วหันหน้าเจรจากัน อย่าคิดว่าเงื่อนไขของตนเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง บางคนก็ผิดไม่ถูกต้องหรอก ตอนนี้กระทบกระเทือนมากมายก่ายกอง ผมขอเรียนตรงๆว่า บ้านเมืองในขณะนี้มันไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ในรอบ 70 ปี มันแย่มากที่สุด ขอวิงวอนให้ช่วยกันลดเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นจะไปด้วยกันไม่ได้" นายบรรหาร กล่าว และว่า สื่อนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะการพาดหัวข่าว ขอให้พาดหัวข่าวให้นิ่มนวลหน่อย และเขียนข่าวเป็นการเตือนสติ ก็จะช่วยได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนที่หลายฝ่ายการเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นต้องดูเหตุการณ์ก่อน เพราะที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก. เขามีเหตุผลอะไรหรือไม่ แล้วจะมีเหตุการณ์วิกฤติอีกหรือไม่ คิดว่าเมื่อเหตุการณ์สงบ คงจะต้องเลิก คงไม่ช้า
เมื่อถามว่ากระบวนการทำงานที่มี ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าคณะจะขับเคลื่อนไปได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ฟังแนวทางการทำงานของท่าน ก็พยายามเป็นกลาง ไม่เข้าข้างรัฐบาล หรือพันธมิตรฯ จะประคับประคองทุกอย่างไม่ให้เกิดวิกฤติขึ้นได้ เพราะท่านเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้
**ห่วงพันธมิตรฯทำ"ทำเนียบฯ"เละ
นายบรรหาร กล่าวว่า อยากวิงวอนผู้ที่ชุมนุมในทำเนียบฯ ควรจะออกมาเสีย เพราะพื้นที่จำกัด คนเข้าไปอยู่เป็นหมื่นเป็นแสน ขยะจะเพิ่มขึ้นทุกวัน น้ำก็เสีย อากาศไม่บริสุทธิ์ น่าจะออกมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ แล้วปิดถนนยังจะดีกว่า
"ผมเห็นมีการทำนาด้วย ยิ่งเศร้าสลดใจ อยากจะร้องไห้จริงๆ เอาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาหลายสิบปี มาทำนา พูดแล้วอยากจะร้องไห้ ใครไปแนะนำ ทำไมพันธมิตรฯไม่ห้าม และในแต่ละตึกก็แย่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ที่ดูแลรักษามานาน ก็แย่ไปหมด และก็ไม่รู้จะมีอะไรเสียหายอีก มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมขอวิงวอนให้ออกมาเถอะ ให้เขาปรับปรุงซ่อมแซมให้ดีขึ้น อายชาวบ้านชาวเมืองเขา" นายบรรหาร กล่อม
**แนะถ้าไปไม่ไหวให้ยุบสภา
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีการเสนอทางออก แนวทางรัฐบาลแห่งชาติ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ไม่ว่าแต่อะไรก็แล้วแต่ ถ้ากดดันอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาก มีเหตุผลก็ต้องเกิดขึ้น เหมือนสมัยตนเป็นนายกฯ ถูกกดันให้ลาออก ตนยอมไม่ได้ เพราะตนมาตามช่องทางสภาผู้แทนราษฎร เมื่อกดดันให้ตนลาออก ตนก็ยุบสภาแล้วตัดสินกันใหม่ แม้พรรคชาติไทยแค่ 30 กว่าคน ก็ต้องยอมซึ่งเป็นช่องทางสภา ล้มรัฐบาล ก็ต้องล้มในช่องทางสภา
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าหาก กดดันมากๆ นายกฯ อาจยุบสภาใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ตนไม่ใช่นายกฯ แต่ถ้ามีการยุบสภาจริง สถานการณ์จะดีขึ้น แต่เมื่อถึงจุดนั้นจะมีการยุบสภาหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทางเลือก มันก็ไม่มีทางออกแล้ว ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันไม่คุยกัน ตอนนี้ก็เอานิสิต นักศึกษา มากดดันอีก อย่างนี้เรียกกฎหมู่หรือเปล่า ในรัฐธรรมนูญ เขียนชัดเจน อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ อดีตนายกฯทักษิณ มีคดีก็ขึ้นศาลหลายศาลแล้ว อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
**"มาร์ค"ให้"หมัก"ทบทวนตัวเอง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้คนที่เป็นนักการเมืองอาวุโส และสามารถโน้มน้าวนักการเมืองคนอื่นๆได้ ก็ต้องช่วยกันพูด ให้นักการเมืองทั้งหมดเสียสละเพื่อบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศจะเสียหายเข้าไปใหญ่ และคงไม่ได้เจาะจงว่าให้ พล.ต.สนั่น ไปพูดกับนายสมัคร เพราะเท่าที่ฟังจากรายการสนทนาประสาสมัคร ในวันนี้ จุดยืนของนายสมัครยังคงเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นอยากให้นายสมัคร คลายจุดยืนตัวเองที่คิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องทบทวนอะไร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คงจะเดินไปข้างหน้าลำบาก ตนไม่คิดว่า การที่คนจำนวนมากมาชุมนุมกันอยู่หลายเดือน จะไม่มีประเด็นอะไร ดังนั้นจึงน่าจะมีประเด็นที่ต้องลองฟังดูบ้าง
ส่วนการเจรจาระหว่าง นายกฯ กับพันธมิตรฯ จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องถามนาย ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยต้องรอฟังนายประสพสุข ในวันนี้ (8 ก.ย.)
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้านายกฯ ยุบสภาตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย หรือเกือบจะเรียบร้อยไปแล้ว แต่นายสมัคร กลับปฏิเสธที่จะยุบ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง เช่น พันธมิตรฯ ปะทะ นปช. และตามมาด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางออกก็ไม่ง่ายแล้ว
ส่วนที่พันธมิตรฯ ประกาศจะชุมนุมต่อ แม้นายกฯ จะยุบสภาหรือ ลาออกนั้น จะมองท่าที ที่แกนนำพันธมิตรฯ อย่างเดียวคงไม่ได้ คงต้องดูท่าทีของผู้มาร่วมชุมนุมทั้งหมด ที่มีจำนวนมาก ถ้าผู้ชุมุนมคิดว่าทางไหนจะเป็นทางออก แม้แกนนำพันธมิตรฯ จะไม่เห็นด้วย แต่ถือว่ายังมีทางออก
**รัฐบาลแห่งชาติเกิดยาก
สำหรับข้อเสนอเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติ จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขณะนี้ความหมายของคำว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" ยังไม่ชัดเจน เท่าที่มีการพูดคุยกัน ต้องเป็นรัฐบาลที่เป็นกลาง เชิญทุกพรรคมาร่วม ซึ่งถ้าเชิญฝ่ายพันธมิตรฯ มา ฝ่ายนปก. จะไม่ยอมรับ ถ้าเชิญ นปก.มา พันธมิตรฯ ก็คงไม่ยอมรับ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ปิดกั้นหนทางตามระบอประชาธิปไตย ส่วนเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ขอให้ผบ.ทบ. เป็นผู้ตอบดีกว่า แต่หากจะเลิกจริง ต้องมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการปะทะกันได้
** 6 พรรคร่วม นัดถกวันนี้
พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ในวันเกิดปีที่ 73 นี้ อยากเห็นความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หวังว่าทุกฝ่ายคงจะช่วยกัน ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ตนยังมั่นใจว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะเรียบร้อย โดยต้องใช้ความนุ่มนวลและการเจรจา ในการแก้ปัญหา ซึ่งในการประชุม 6 พรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ (8 ก.ย.) จะเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะได้รับรู้ว่า ความต้องการของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร โดยตนจะเป็นตัวแทนของพรรคชาติไทย ไปเสนอในเรื่องการใช้การเจรจา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งนายกฯและพันธมิตรไม่สนใจเรื่องการเปิดเจรจา พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าต้องใช้การเจรจาก่อน ซึ่งการต่อรองไม่ใช่ 1-2 วัน จะเสร็จ ต้องใช้เวลา ส่วนการที่ ครม.เสนอให้ทำประชามตินั้น ยังถือว่าเป็นทางออกหนึ่งที่ทำได้ แต่ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติยังไม่ผ่านสภา ระหว่างนี้ต้องเปิดเจรจาไปเรื่อยๆ ก่อน
ส่วนที่มีผู้เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ยังหาคนมาเป็นนายกฯไม่ได้ พล.ต.สนั่น ตอบว่า นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ถ้าจะรักษารัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยของประเทศ ต้องดำเนินการ ตามนี้ก่อน เชื่อว่าการแก้ปัญหายังทำได้ มีทางออก และไม่มีการปฏิวัติ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย
**ชาติไทย ไม่ถอนตัว
เมื่อถามว่า ขณะนี้แรงดันไปตกอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาล จะมีการถอนตัวหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า สุดท้ายถ้าไม่มีทางออกในการแก้ปัญหา ค่อยมาคิดเรื่องรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ ชาติไทยยังไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะถ้าถอน จะนำไปสู่อีกวิธีหนึ่ง คือ ยุบสภา ซึ่งเป็นวิธีที่พันธมิตรฯ ไม่เอา ดังนั้นการจะให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว เพื่อเป็นตัวเร่งในการตัดสินใจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ขอให้ใช้วิธีเจรจาก่อน รับรองไม่จนตรอก
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะไปเจรจากับพันธมิตรฯ ด้วยตนเองก่อนนอกรอบ ก่อนเจรจาโต๊ะใหญ่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ใจคนเราไม่ใช่เหล็ก ใช่เพชร ก็ต้องคุยกัน เมื่อถามว่าหากนายกฯ แก้ปัญหาด้วยการยุบสภา พรรคชาติไทย มีทุนในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ต้องใช้ทุน ใช้ชื่อพรรคอย่างเดียวก็พอ
**"ประสพสุข"รับเงื่อนไขพันธมิตรฯ
ด้านนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยล่าสุดว่าได้ประสานและหารือกับแกนนำพันธมิตรฯแล้ว รวมทั้งได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีเงื่อนไขว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะต้องลาออกก่อนจึงจะยอมเจรจา อย่างไรก็ตาม จะนำข้อเสนอนี้ไปหารือในที่ประชุมร่วมประธาน 2 สภา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าได้พยายามที่จะหาทางพูดคุยแล้ว เพื่อเปิดให้มีการเจรจากันได้ ซึ่งจะต้องรอดูกันไป อย่างไรก็ตาม ในวันนี้คงได้ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
**แนะ3 เรื่องที่โต๊ะเจรจาควรคำนึง
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ 3 ฝ่าย ในวันนี้ (8 ก.ย.) ว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ไม่เพิ่มเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงก่อนที่จะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายเกิดขึ้น นอกจากนี้ อยากให้การเจรจาร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้คำนึงถึง 3 เรื่องคือ
1. อยากให้รัฐบาล และภาคประชาชนได้ยืดหยุ่นในข้อเรียกร้องและจุดยืนของตัวเอง และไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งให้ถอยคนละก้าว 2. กลุ่มผู้มีอำนาจรัฐทั้ง นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้มีอำนาจทุกฝ่าย อยากให้ใช้อำนาจเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง และระมัดระวังในการใช้อำนาจด้วย และ 3. กลุ่มการเมือง ควรแสดงความจริงใจ และความพร้อมที่จะเจรจาเปิดอกคุยกัน
ส่วนที่มีความพยายามให้ทำประชามตินั้น คงแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งตนก็เคารพสิทธิ์ หากไม่เป็นการปลุกระดม นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และบ้านเลขที่ 111 หากร่วมเจรจาด้วย ก็จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย แต่ต้องไม่ใช่มาเจรจาในทางสว่าง แล้วไปเคลื่อนไหวใต้ดิน
อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคได้มอบหมายให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ไปทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอยากให้พรรคการเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นใขณะนี้ และพรรคการเมือง ไม่ควรจะที่จะเข้าไปเติมเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ส่วนที่มีข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขใหม่ เพราะหากตัดสินใจยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดความรุนแรงอีก และหากจะไม่ยกเลิก ก็ต้องรับประกันว่าจะใช้อำนาจสมเหตุ สมผล ทั้งนี้ พรรคคาดหวังว่า จะหาทางออกด้วยการเจรจาได้ แต่จะล้มเหลวเหมือนกับครั้งแรกหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลก่อน เพราะการเจรจาครั้งนี้ น่าจะแตกต่างจากครั้งแรก
อย่างไรก็ดี กลไกการประชุม 3 ฝ่าย เป็นเพียงจุดเริ่มในการหาทางออก ถ้าฟังพันธมิตรฯและนายสมัคร อย่างละเอียด ก็ไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา เพราะนายสมัคร ระบุว่าเป็นเรื่องประธานที่สภาดำเนินการ ส่วนพันธมิตรฯ ก็เริ่มทบทวนการเสนอการเมืองใหม่แล้ว ว่าเป็นทิศทางที่ดี
โอกาสนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามว่า พล.ต.สนั่น เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการผลักดันผู้นำหลายคนให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และในสถานการณ์เช่นนี้ จะผลักดันหัวหน้าพรรคชาติไทยหรือไม่ว่า เร็วเกินไปที่จะพูด ไม่ขอตอบ แล้วเราก็ไม่มีความคิดอยู่ในขณะนี้เลย ตอนนี้พยายามรักษาบ้านเมืองให้ไปรอด และยุติความแตกแยกซึ่งเป็นเรื่องยาก ที่จะทำ
"เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านได้มอบหมายให้ ประธานวุฒิสภาไปเจรจากับทุกฝ่าย เป็นสิ่งที่ดีเพราะท่านเป็นคนกลาง แต่ปรากฏว่าขณะนี้ทุกฝ่ายไม่ยอมลดเงื่อนไข ยืนกระต่ายขาเดียว อยู่ท่าเดียวว่า ฉันจะเอาโน่น เอานี่ อย่างนี้มันก็ไปไม่รอด ยามบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ขอให้สงสารคนทั้งประเทศเถอะ ทุกฝ่ายยอมลดเงื่อนไขแล้วหันหน้าเจรจากัน อย่าคิดว่าเงื่อนไขของตนเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง บางคนก็ผิดไม่ถูกต้องหรอก ตอนนี้กระทบกระเทือนมากมายก่ายกอง ผมขอเรียนตรงๆว่า บ้านเมืองในขณะนี้มันไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ในรอบ 70 ปี มันแย่มากที่สุด ขอวิงวอนให้ช่วยกันลดเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นจะไปด้วยกันไม่ได้" นายบรรหาร กล่าว และว่า สื่อนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะการพาดหัวข่าว ขอให้พาดหัวข่าวให้นิ่มนวลหน่อย และเขียนข่าวเป็นการเตือนสติ ก็จะช่วยได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนที่หลายฝ่ายการเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นต้องดูเหตุการณ์ก่อน เพราะที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก. เขามีเหตุผลอะไรหรือไม่ แล้วจะมีเหตุการณ์วิกฤติอีกหรือไม่ คิดว่าเมื่อเหตุการณ์สงบ คงจะต้องเลิก คงไม่ช้า
เมื่อถามว่ากระบวนการทำงานที่มี ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าคณะจะขับเคลื่อนไปได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ฟังแนวทางการทำงานของท่าน ก็พยายามเป็นกลาง ไม่เข้าข้างรัฐบาล หรือพันธมิตรฯ จะประคับประคองทุกอย่างไม่ให้เกิดวิกฤติขึ้นได้ เพราะท่านเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้
**ห่วงพันธมิตรฯทำ"ทำเนียบฯ"เละ
นายบรรหาร กล่าวว่า อยากวิงวอนผู้ที่ชุมนุมในทำเนียบฯ ควรจะออกมาเสีย เพราะพื้นที่จำกัด คนเข้าไปอยู่เป็นหมื่นเป็นแสน ขยะจะเพิ่มขึ้นทุกวัน น้ำก็เสีย อากาศไม่บริสุทธิ์ น่าจะออกมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ แล้วปิดถนนยังจะดีกว่า
"ผมเห็นมีการทำนาด้วย ยิ่งเศร้าสลดใจ อยากจะร้องไห้จริงๆ เอาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาหลายสิบปี มาทำนา พูดแล้วอยากจะร้องไห้ ใครไปแนะนำ ทำไมพันธมิตรฯไม่ห้าม และในแต่ละตึกก็แย่ ทั้งตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ที่ดูแลรักษามานาน ก็แย่ไปหมด และก็ไม่รู้จะมีอะไรเสียหายอีก มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมขอวิงวอนให้ออกมาเถอะ ให้เขาปรับปรุงซ่อมแซมให้ดีขึ้น อายชาวบ้านชาวเมืองเขา" นายบรรหาร กล่อม
**แนะถ้าไปไม่ไหวให้ยุบสภา
ต่อข้อถามว่า ขณะนี้มีการเสนอทางออก แนวทางรัฐบาลแห่งชาติ นายบรรหาร กล่าวว่า ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ไม่ว่าแต่อะไรก็แล้วแต่ ถ้ากดดันอีกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาก มีเหตุผลก็ต้องเกิดขึ้น เหมือนสมัยตนเป็นนายกฯ ถูกกดันให้ลาออก ตนยอมไม่ได้ เพราะตนมาตามช่องทางสภาผู้แทนราษฎร เมื่อกดดันให้ตนลาออก ตนก็ยุบสภาแล้วตัดสินกันใหม่ แม้พรรคชาติไทยแค่ 30 กว่าคน ก็ต้องยอมซึ่งเป็นช่องทางสภา ล้มรัฐบาล ก็ต้องล้มในช่องทางสภา
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าหาก กดดันมากๆ นายกฯ อาจยุบสภาใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ตนไม่ใช่นายกฯ แต่ถ้ามีการยุบสภาจริง สถานการณ์จะดีขึ้น แต่เมื่อถึงจุดนั้นจะมีการยุบสภาหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ แต่ถ้าไม่ทางเลือก มันก็ไม่มีทางออกแล้ว ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันไม่คุยกัน ตอนนี้ก็เอานิสิต นักศึกษา มากดดันอีก อย่างนี้เรียกกฎหมู่หรือเปล่า ในรัฐธรรมนูญ เขียนชัดเจน อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ อดีตนายกฯทักษิณ มีคดีก็ขึ้นศาลหลายศาลแล้ว อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
**"มาร์ค"ให้"หมัก"ทบทวนตัวเอง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้คนที่เป็นนักการเมืองอาวุโส และสามารถโน้มน้าวนักการเมืองคนอื่นๆได้ ก็ต้องช่วยกันพูด ให้นักการเมืองทั้งหมดเสียสละเพื่อบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศจะเสียหายเข้าไปใหญ่ และคงไม่ได้เจาะจงว่าให้ พล.ต.สนั่น ไปพูดกับนายสมัคร เพราะเท่าที่ฟังจากรายการสนทนาประสาสมัคร ในวันนี้ จุดยืนของนายสมัครยังคงเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นอยากให้นายสมัคร คลายจุดยืนตัวเองที่คิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องทบทวนอะไร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คงจะเดินไปข้างหน้าลำบาก ตนไม่คิดว่า การที่คนจำนวนมากมาชุมนุมกันอยู่หลายเดือน จะไม่มีประเด็นอะไร ดังนั้นจึงน่าจะมีประเด็นที่ต้องลองฟังดูบ้าง
ส่วนการเจรจาระหว่าง นายกฯ กับพันธมิตรฯ จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องถามนาย ประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยต้องรอฟังนายประสพสุข ในวันนี้ (8 ก.ย.)
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้านายกฯ ยุบสภาตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย หรือเกือบจะเรียบร้อยไปแล้ว แต่นายสมัคร กลับปฏิเสธที่จะยุบ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง เช่น พันธมิตรฯ ปะทะ นปช. และตามมาด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางออกก็ไม่ง่ายแล้ว
ส่วนที่พันธมิตรฯ ประกาศจะชุมนุมต่อ แม้นายกฯ จะยุบสภาหรือ ลาออกนั้น จะมองท่าที ที่แกนนำพันธมิตรฯ อย่างเดียวคงไม่ได้ คงต้องดูท่าทีของผู้มาร่วมชุมนุมทั้งหมด ที่มีจำนวนมาก ถ้าผู้ชุมุนมคิดว่าทางไหนจะเป็นทางออก แม้แกนนำพันธมิตรฯ จะไม่เห็นด้วย แต่ถือว่ายังมีทางออก
**รัฐบาลแห่งชาติเกิดยาก
สำหรับข้อเสนอเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติ จะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขณะนี้ความหมายของคำว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" ยังไม่ชัดเจน เท่าที่มีการพูดคุยกัน ต้องเป็นรัฐบาลที่เป็นกลาง เชิญทุกพรรคมาร่วม ซึ่งถ้าเชิญฝ่ายพันธมิตรฯ มา ฝ่ายนปก. จะไม่ยอมรับ ถ้าเชิญ นปก.มา พันธมิตรฯ ก็คงไม่ยอมรับ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ปิดกั้นหนทางตามระบอประชาธิปไตย ส่วนเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ขอให้ผบ.ทบ. เป็นผู้ตอบดีกว่า แต่หากจะเลิกจริง ต้องมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการปะทะกันได้
** 6 พรรคร่วม นัดถกวันนี้
พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ในวันเกิดปีที่ 73 นี้ อยากเห็นความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หวังว่าทุกฝ่ายคงจะช่วยกัน ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ตนยังมั่นใจว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะเรียบร้อย โดยต้องใช้ความนุ่มนวลและการเจรจา ในการแก้ปัญหา ซึ่งในการประชุม 6 พรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ (8 ก.ย.) จะเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะได้รับรู้ว่า ความต้องการของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร โดยตนจะเป็นตัวแทนของพรรคชาติไทย ไปเสนอในเรื่องการใช้การเจรจา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งนายกฯและพันธมิตรไม่สนใจเรื่องการเปิดเจรจา พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าต้องใช้การเจรจาก่อน ซึ่งการต่อรองไม่ใช่ 1-2 วัน จะเสร็จ ต้องใช้เวลา ส่วนการที่ ครม.เสนอให้ทำประชามตินั้น ยังถือว่าเป็นทางออกหนึ่งที่ทำได้ แต่ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติยังไม่ผ่านสภา ระหว่างนี้ต้องเปิดเจรจาไปเรื่อยๆ ก่อน
ส่วนที่มีผู้เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ยังหาคนมาเป็นนายกฯไม่ได้ พล.ต.สนั่น ตอบว่า นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง ถ้าจะรักษารัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยของประเทศ ต้องดำเนินการ ตามนี้ก่อน เชื่อว่าการแก้ปัญหายังทำได้ มีทางออก และไม่มีการปฏิวัติ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย
**ชาติไทย ไม่ถอนตัว
เมื่อถามว่า ขณะนี้แรงดันไปตกอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาล จะมีการถอนตัวหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า สุดท้ายถ้าไม่มีทางออกในการแก้ปัญหา ค่อยมาคิดเรื่องรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ ชาติไทยยังไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะถ้าถอน จะนำไปสู่อีกวิธีหนึ่ง คือ ยุบสภา ซึ่งเป็นวิธีที่พันธมิตรฯ ไม่เอา ดังนั้นการจะให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว เพื่อเป็นตัวเร่งในการตัดสินใจเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ขอให้ใช้วิธีเจรจาก่อน รับรองไม่จนตรอก
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า จะไปเจรจากับพันธมิตรฯ ด้วยตนเองก่อนนอกรอบ ก่อนเจรจาโต๊ะใหญ่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ใจคนเราไม่ใช่เหล็ก ใช่เพชร ก็ต้องคุยกัน เมื่อถามว่าหากนายกฯ แก้ปัญหาด้วยการยุบสภา พรรคชาติไทย มีทุนในการเลือกตั้งหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่ต้องใช้ทุน ใช้ชื่อพรรคอย่างเดียวก็พอ
**"ประสพสุข"รับเงื่อนไขพันธมิตรฯ
ด้านนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยล่าสุดว่าได้ประสานและหารือกับแกนนำพันธมิตรฯแล้ว รวมทั้งได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีเงื่อนไขว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะต้องลาออกก่อนจึงจะยอมเจรจา อย่างไรก็ตาม จะนำข้อเสนอนี้ไปหารือในที่ประชุมร่วมประธาน 2 สภา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าได้พยายามที่จะหาทางพูดคุยแล้ว เพื่อเปิดให้มีการเจรจากันได้ ซึ่งจะต้องรอดูกันไป อย่างไรก็ตาม ในวันนี้คงได้ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
**แนะ3 เรื่องที่โต๊ะเจรจาควรคำนึง
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ 3 ฝ่าย ในวันนี้ (8 ก.ย.) ว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ไม่เพิ่มเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงก่อนที่จะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายเกิดขึ้น นอกจากนี้ อยากให้การเจรจาร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้คำนึงถึง 3 เรื่องคือ
1. อยากให้รัฐบาล และภาคประชาชนได้ยืดหยุ่นในข้อเรียกร้องและจุดยืนของตัวเอง และไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งให้ถอยคนละก้าว 2. กลุ่มผู้มีอำนาจรัฐทั้ง นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้มีอำนาจทุกฝ่าย อยากให้ใช้อำนาจเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง และระมัดระวังในการใช้อำนาจด้วย และ 3. กลุ่มการเมือง ควรแสดงความจริงใจ และความพร้อมที่จะเจรจาเปิดอกคุยกัน
ส่วนที่มีความพยายามให้ทำประชามตินั้น คงแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งตนก็เคารพสิทธิ์ หากไม่เป็นการปลุกระดม นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และบ้านเลขที่ 111 หากร่วมเจรจาด้วย ก็จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย แต่ต้องไม่ใช่มาเจรจาในทางสว่าง แล้วไปเคลื่อนไหวใต้ดิน
อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคได้มอบหมายให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ไปทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอยากให้พรรคการเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นใขณะนี้ และพรรคการเมือง ไม่ควรจะที่จะเข้าไปเติมเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรงขึ้น
ส่วนที่มีข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่าย ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขใหม่ เพราะหากตัดสินใจยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดความรุนแรงอีก และหากจะไม่ยกเลิก ก็ต้องรับประกันว่าจะใช้อำนาจสมเหตุ สมผล ทั้งนี้ พรรคคาดหวังว่า จะหาทางออกด้วยการเจรจาได้ แต่จะล้มเหลวเหมือนกับครั้งแรกหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลก่อน เพราะการเจรจาครั้งนี้ น่าจะแตกต่างจากครั้งแรก
อย่างไรก็ดี กลไกการประชุม 3 ฝ่าย เป็นเพียงจุดเริ่มในการหาทางออก ถ้าฟังพันธมิตรฯและนายสมัคร อย่างละเอียด ก็ไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา เพราะนายสมัคร ระบุว่าเป็นเรื่องประธานที่สภาดำเนินการ ส่วนพันธมิตรฯ ก็เริ่มทบทวนการเสนอการเมืองใหม่แล้ว ว่าเป็นทิศทางที่ดี
