ผู้จัดการรายวัน - ผู้ส่งออกเกาะติดปัญหาการเมืองใกล้ชิดหวั่นลุกลามถึงขั้นปิดท่าเรือคลองเตย จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจไทยวิกฤติหนัก เหตุส่งออกตัวหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหากปิดท่าเรือมากกว่า 1 วันก็แย่แล้ว วอนทุกฝ่ายหาทางแก้ไขด่วน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสายงานโลจิสติกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความกังวลกรณีที่พนักงานการท่าเรือคลองเตยหยุดงานเพื่อร่วมประท้วงกดดันรัฐบาลซึ่งไม่เห็นด้วยหากจะทำให้เกิดการกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางเรือ จึงได้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดูแลในเรื่องนี้ไม่เช่นนั้น จะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก เพราะภาคส่งออกไทยเป็นกลไกหลักต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
“หากการขนส่งทางเรือที่คลองเตยมีปัญหาจริงไม่ควรยาวเกิน 2-3 วัน เพราะจะกระทบหนักและจะมีผลให้ผู้สั่งซื้ออาจฉวยโอกาสกดราคาสินค้าและอาจยกเลิกคำสั่งซื้อแล้วหันไปซื้อจากคู่แข่งแทนซึ่งหากกรณีนี้เท่ากับเราจะสูญเสียตลาดระยะยาวไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย”นายธนิตกล่าว
สำหรับกรณีฉุกเฉินอาจหันไปขนส่งที่ท่าเรือแหลมฉบังแทนนั้นก็จะทำได้เพียงบางรายเท่านั้นเพราะคำสั่งซื้อจากลูกค้า(LC) ของผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการซื้อขายราคาไม่รวมค่าระวางเรือหรือ FOB ซึ่งไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเรือที่จะขนส่งได้จะต้องแจ้งไปยังผู้ซื้อให้ยอมแก้ไข LC ก่อนและมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทำให้เกิดปัญหาต่อความเชื่อมั่นในระยะยาว
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า หากการให้บริการท่าเรือของไทยต้องประสบปัญหาไม่สามารถให้บริการได้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารส่งออกของประเทศที่มียอดส่งออกปีที่แล้ว 620,000 ล้านบาท และปีนี้จะเพิ่มเป็น 700,000 ล้านบาทแต่สำคัญคือจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าเพราะที่ผ่านมาสินค้าอาหารถูกมองในเรื่องของความเป็นเลิศในระบบลอจิสติกส์
นายสุชาติ จันทรานาคราช นายกสมาคมผู้ขนส่งทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากมีการหยุดการให้บริการท่าเรือคลองเตยเกิดขึ้นจริงความเสียหายมากที่สุดคือการนำเข้า ที่จะต้องมีการใช้ท่าเรือคลองเตยกระจายสินค้า เพราะไม่สามารถนำขึ้นและกระจายไปยัง โรงงานต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะขาดวัตถุดิบและอาจต้องหยุดการผลิตไป จะเสียเครดิต ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถเรียกคืนได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนในการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ใช้ความละมุนละม่อม ไม่ให้เกิดการปะทะกัน นับเป็นแนวโน้มที่ดีทำให้ปัญหาคลี่คลายลงได้ ซึ่งรัฐบาลจะยุติปัญหาอย่างไรก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี”นายสุชาติกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสายงานโลจิสติกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความกังวลกรณีที่พนักงานการท่าเรือคลองเตยหยุดงานเพื่อร่วมประท้วงกดดันรัฐบาลซึ่งไม่เห็นด้วยหากจะทำให้เกิดการกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางเรือ จึงได้ประสานกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดูแลในเรื่องนี้ไม่เช่นนั้น จะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก เพราะภาคส่งออกไทยเป็นกลไกหลักต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
“หากการขนส่งทางเรือที่คลองเตยมีปัญหาจริงไม่ควรยาวเกิน 2-3 วัน เพราะจะกระทบหนักและจะมีผลให้ผู้สั่งซื้ออาจฉวยโอกาสกดราคาสินค้าและอาจยกเลิกคำสั่งซื้อแล้วหันไปซื้อจากคู่แข่งแทนซึ่งหากกรณีนี้เท่ากับเราจะสูญเสียตลาดระยะยาวไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเลย”นายธนิตกล่าว
สำหรับกรณีฉุกเฉินอาจหันไปขนส่งที่ท่าเรือแหลมฉบังแทนนั้นก็จะทำได้เพียงบางรายเท่านั้นเพราะคำสั่งซื้อจากลูกค้า(LC) ของผู้ส่งออกไทยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการซื้อขายราคาไม่รวมค่าระวางเรือหรือ FOB ซึ่งไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเรือที่จะขนส่งได้จะต้องแจ้งไปยังผู้ซื้อให้ยอมแก้ไข LC ก่อนและมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทำให้เกิดปัญหาต่อความเชื่อมั่นในระยะยาว
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า หากการให้บริการท่าเรือของไทยต้องประสบปัญหาไม่สามารถให้บริการได้ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารส่งออกของประเทศที่มียอดส่งออกปีที่แล้ว 620,000 ล้านบาท และปีนี้จะเพิ่มเป็น 700,000 ล้านบาทแต่สำคัญคือจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าเพราะที่ผ่านมาสินค้าอาหารถูกมองในเรื่องของความเป็นเลิศในระบบลอจิสติกส์
นายสุชาติ จันทรานาคราช นายกสมาคมผู้ขนส่งทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากมีการหยุดการให้บริการท่าเรือคลองเตยเกิดขึ้นจริงความเสียหายมากที่สุดคือการนำเข้า ที่จะต้องมีการใช้ท่าเรือคลองเตยกระจายสินค้า เพราะไม่สามารถนำขึ้นและกระจายไปยัง โรงงานต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะขาดวัตถุดิบและอาจต้องหยุดการผลิตไป จะเสียเครดิต ซึ่งตรงนี้ไม่สามารถเรียกคืนได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนในการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ใช้ความละมุนละม่อม ไม่ให้เกิดการปะทะกัน นับเป็นแนวโน้มที่ดีทำให้ปัญหาคลี่คลายลงได้ ซึ่งรัฐบาลจะยุติปัญหาอย่างไรก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี”นายสุชาติกล่าว