เมื่อเวลา 10.10 น. วานนี้ ที่รัฐสภา นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงในนามกลุ่มสัจจานุภาพ ว่า ทางกลุ่มสัจจานุภาพ ไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้ พ.ร.ก..ฉุกเฉินของรัฐบาล เพราะกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมสากล เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ไม่มีความรับผิดชอบผลอันจะเกิดขึ้นจากอำนาจรัฐนั้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกมาเพื่อความมั่นคงของรัฐ ไม่ใช่สลายม็อบ ซื่งรัฐบาลใช้ได้ในกรณีการบริหารราชการแผ่นดินให้เดินไปได้ แต่ในกรณีที่การบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปไม่ได้ จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้
นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า จากประสบการณ์การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และพื้นที่บางส่วนนั้น ได้ก่อให้เกิดการละเมิดต่อประชาชนอย่างมาก ดังนั้นกลุ่มสัจจานุภาพ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และทางกลุ่มสัจจานุภาพ จะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อแผ่นดิน ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค ตามที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เรียกประชุมด่วน ในเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมสถาบันราชภัฎ สวนดุสิต วันเดียวกันนี้ ซึ่งการเรียกประชุมดังกล่าว เพื่อเสนอให้พรรคเพื่อแผ่นดินทบทวนว่า จะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ นายสุวิทย์ ได้ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไปแล้ว และทางกลุ่มยังคงหนุนให้ นายสุวิทย์ และพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากการร่วมรัฐบาล ส่วน 4 รัฐมนตรี หรือ ส.ส.คนใดของพรรคที่ยังร่วมรัฐบาลอยู่นั้น ตนจะเสนอขอให้ทบทวนท่าที และขอให้ทุกคนยืนตามมติของนายสุวิทย์ เพราะโดยนิตินัย พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ถอนตัวจากรัฐบาลแล้ว และนายสุวิทย์ ก็ต้องมีท่าทีที่ชัดเจน หลังจากการประชุม และไม่อยากให้ 4 รัฐมนตรี กับ ส.ส.บางส่วนนั้นสร้างความสับสนต่อไป เชื่อว่าผลการประชุมพรรคน่าจะออกมาในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมาแถลงข่าว ตนได้หารือกับนายสุวิทย์แล้ว
**แนะทางออกยุบสภา
ต่อมานายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยจุดยืนของพรรค ต่อเหตุการณ์ความรุนแรง ที่แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บุดเข้ามาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และพรรคจะติดตามวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองตลอดเวลา
นายไชยยศ ย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อแผ่นดินยังคงอยู่ร่วมรัฐบาล แต่จะวิเคราะห์สถานการณ์วันต่อวัน ส่วนการตัดสินใจถึงอนาคตถึงการร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณ และพร้อมจะสนับสนุนแก้ปัญหาด้วยวิธีการยุบสภา แต่มีข้อแม้ว่าต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่าเมื่อยุบแล้วปัญหาจะยุติหรือไม่
**"เจ๊เป้า"แนะทำข้อตกลงก่อนยุบสภา
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึงแนวความคิดที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกฯ ประกาศยุบสภาว่า ทางพรรคร่วมรัฐบาล เคยคุยกันก่อนที่จะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ช่วงนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง พอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง จนถึงขั้นนี้ยังไม่มีการหารือกันอีก ขณะนี้เราต้องดูว่า แกนของเรื่องจะเอาอะไรเป็นหลัก หากยังต้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยกันอยู่ คนไทยทุกคนเห็นด้วย ก็ต้องยึดเอาประชาธิปไตยเป็นหลักไว้ ไม่อยากให้มีการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ซึ่งเมื่อประชาธิปไตยเป็นหลักแล้ว ต้องมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ที่ต้องยอมรับทีละเรื่องไป รัฐธรรมนูญในขณะนี้ จะถูกใจหรือไม่ก็ต้องยอมรับ และปฏิบัติตาม หากจะมาปรับให้ถูกใจทุกคนนั้น ก็ต้องช่วยกันคิด ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน พรรคร่วม นปช. และพันธมิตรฯ
การยุบสภาเป็นแนวทางหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย แต่ก่อนที่จะยุบ เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่ เช่น ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ดีหรือไม่ โดยให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันร่าง
**ชูผบ.ทบ.เป็นผู้ประสานทุกฝ่าย
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า เท่าที่ได้สัมผัสความรู้สึกของ ส.ส.ทุกคนนั้น อยากให้มีการแก้ปัญหาภายในสภาให้ได้ก่อน ตนเชื่อว่าถ้าร่วมมือกันอย่างจริงใจ คงไม่มีอะไรสายเกินไป วันนี้อย่าไปพูดถึงเรื่องใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่ามีแนวทางอื่นก่อนจะมีการยุบสภา แต่ต้องใช้สติและเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครจะเป็นคนกลางประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย นางอนงค์วรรณ ตอบว่า ทุกคนรู้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่สุดแล้วจะมีคนที่พูดแล้วทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงไป ณ วันนี้เราต้องช่วยตัวเราเองก่อน นายกฯ กำลังมีกรณีต่างๆ พุ่งเป้ามา คงไม่ใช่คนกลางแน่นอน ถ้าลองคิดว่าเป็น ผบ.ทบ.จะไหวไหม ก็คิดว่า เป็นอะไรที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ยังไม่มีใครระบุว่า ผบ.ทบ.อยู่ซีกไหนกันแน่ ดูเหมือน ผบ.ทบ.จะอยู่กลางๆ ในส่วนของพรรคมัชฌิมาฯไม่มีปัญหา ไม่เลือกว่าเป็นใคร การมานั่งคุยวงเล็กของทุกฝ่ายน่าจะเป็นทางออกที่ดีในขณะนี้
สำหรับรัฐบาลควรใช้ท่าทีฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ จะไปตัดบทไม่ได้ ต้องคุยกัน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ตนได้เสนอความเห็นเหล่านี้ใน ครม.ไปแล้ว
**"ประดิษฐ์"ให้ผบ.ทบ.ได้ทำงานก่อน
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และรมช.คลัง กล่าวว่าเมื่อมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต้องดูสถานการณ์ และให้คณะที่รับผิดชอบได้ทำงานก่อน อยากให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างนั้น ส่วนการพิจารณางบประมาณ ไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ว่าฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ว. มีความจำเป็น เพราะงบประมาณจะนำพาประเทศ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบ
ส่วนที่คณะทำงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โยนให้ฝ่ายการเมืองแก้ไขปัญหานั้น ตนไม่ขอออกความเห็น เพราะครม.ได้เห็นชอบในสิ่งที่นายกฯได้ประกาศไป และคณะทำงานยังไม่ดำเนินการ ตอนนี้ขอให้คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการก่อน
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ. ยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องการเมือง ควรแก้ด้วยการเมือง นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เท่าที่รับฟัง หรือติดตามข่าวท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ตนพยายามใช้วิธีประนีประนอม มากที่สุด และจะเป็นตัวกลางเข้าไปเจรจา เป็นยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการได้ จึงไม่อยากให้พวกเรารีบร้อน หรือสรุปไปว่า จะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น หรือดำเนินการในขั้นแตกหัก ควรให้ ผบ.ทบ. ดำเนินการ ดีกว่าอย่าเพิ่งไปสันนิษฐาน หรือตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น อย่างนี้ จะทำให้สถานการณ์เลวร้าย ต้องค่อยๆดูไป แล้วผบ.ทบ.ดำเนินการไป เพราะท่านมีความตั้งใจ ก็คงจะมีแผน และแนวทางว่าจะทำอย่างไร
**เมินเสียงเรียกร้องให้ถอนตัว
ส่วนที่มีหลายกลุ่มแสดงความคิดเห็นต้องการให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ตนคิดว่าวันนี้รัฐบาลมองว่าทำตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำผิดขั้นตอน เมื่อเป็นอย่างนี้ ตนอยากจะให้เรารู้ว่า แต่ละคนทำหน้าที่อะไร นักวิชาการ และองค์กรต่างๆ มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบอกว่าคนนั้น คนนี้ ต้องรับผิดชอบ แต่คนไทยทุกคนต้องรับผิดชอบ ก็น่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกับพรรคพลังประชาชนต่อไป นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมกันก็เห็นว่า ต้องแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ดังนั้นวันนี้จึงไม่อยากให้มองอะไรในแง่ร้าย และเมื่อ ผบ.ทบ. ลงมาช่วยแก้ปัญหา ก็ต้องมองว่า จะแก้ปัญหาได้ ไม่ว่าจะถอยคนละก้าว หรือร่วมมือกัน แต่ขอยืนยันว่า อย่าได้ไปสันนิษฐานกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่มีสภาพเป็นอย่างนี้ ถ้าเราสันนิษฐานไปหรือคาดการเป็นอย่างนี้อย่างนี้ก็จะวุ่นวาย ควรจะให้คณะทำงานได้ทำงานไป คนอื่นคิดอย่างไรตนไม่ทราบ แต่ตนยังมั่นใจว่าปัญหาน่าจะคลี่คลาย
**นศ.จี้ 5 พรรคร่วมรัฐบาลสละเรือ
กลุ่มเครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม ม.รามคำแหง กว่า10 คน นำโดย นายสิกขนันท์ หนูเล็ก ได้อ่านแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนายสมัคร เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยไม่จำเป็น ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคประชาราช หยุดพายเรือให้โจรนั่ง และถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
"การถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาล จึงจะเป็นการปลดล็อคความขัดแย้งทางการเมืองในครั้งนี้ ดังนั้นการจะถอนตัวออกมาได้ ต้องอาศัยความเสียสละเป็นธงนำ เพื่อนำประเทศชาติกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" แถลงการณ์ ดังกล่าวระบุ
นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า จากประสบการณ์การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และพื้นที่บางส่วนนั้น ได้ก่อให้เกิดการละเมิดต่อประชาชนอย่างมาก ดังนั้นกลุ่มสัจจานุภาพ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และทางกลุ่มสัจจานุภาพ จะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อแผ่นดิน ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พรรค ตามที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เรียกประชุมด่วน ในเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมสถาบันราชภัฎ สวนดุสิต วันเดียวกันนี้ ซึ่งการเรียกประชุมดังกล่าว เพื่อเสนอให้พรรคเพื่อแผ่นดินทบทวนว่า จะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่
ทั้งนี้ นายสุวิทย์ ได้ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไปแล้ว และทางกลุ่มยังคงหนุนให้ นายสุวิทย์ และพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากการร่วมรัฐบาล ส่วน 4 รัฐมนตรี หรือ ส.ส.คนใดของพรรคที่ยังร่วมรัฐบาลอยู่นั้น ตนจะเสนอขอให้ทบทวนท่าที และขอให้ทุกคนยืนตามมติของนายสุวิทย์ เพราะโดยนิตินัย พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ถอนตัวจากรัฐบาลแล้ว และนายสุวิทย์ ก็ต้องมีท่าทีที่ชัดเจน หลังจากการประชุม และไม่อยากให้ 4 รัฐมนตรี กับ ส.ส.บางส่วนนั้นสร้างความสับสนต่อไป เชื่อว่าผลการประชุมพรรคน่าจะออกมาในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมาแถลงข่าว ตนได้หารือกับนายสุวิทย์แล้ว
**แนะทางออกยุบสภา
ต่อมานายไชยยศ จิรเมธากร โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยจุดยืนของพรรค ต่อเหตุการณ์ความรุนแรง ที่แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บุดเข้ามาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และพรรคจะติดตามวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองตลอดเวลา
นายไชยยศ ย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อแผ่นดินยังคงอยู่ร่วมรัฐบาล แต่จะวิเคราะห์สถานการณ์วันต่อวัน ส่วนการตัดสินใจถึงอนาคตถึงการร่วมรัฐบาลต่อไปหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณ และพร้อมจะสนับสนุนแก้ปัญหาด้วยวิธีการยุบสภา แต่มีข้อแม้ว่าต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ว่าเมื่อยุบแล้วปัญหาจะยุติหรือไม่
**"เจ๊เป้า"แนะทำข้อตกลงก่อนยุบสภา
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึงแนวความคิดที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกฯ ประกาศยุบสภาว่า ทางพรรคร่วมรัฐบาล เคยคุยกันก่อนที่จะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ช่วงนั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง พอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง จนถึงขั้นนี้ยังไม่มีการหารือกันอีก ขณะนี้เราต้องดูว่า แกนของเรื่องจะเอาอะไรเป็นหลัก หากยังต้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยกันอยู่ คนไทยทุกคนเห็นด้วย ก็ต้องยึดเอาประชาธิปไตยเป็นหลักไว้ ไม่อยากให้มีการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ซึ่งเมื่อประชาธิปไตยเป็นหลักแล้ว ต้องมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ที่ต้องยอมรับทีละเรื่องไป รัฐธรรมนูญในขณะนี้ จะถูกใจหรือไม่ก็ต้องยอมรับ และปฏิบัติตาม หากจะมาปรับให้ถูกใจทุกคนนั้น ก็ต้องช่วยกันคิด ทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน พรรคร่วม นปช. และพันธมิตรฯ
การยุบสภาเป็นแนวทางหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย แต่ก่อนที่จะยุบ เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่ เช่น ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ดีหรือไม่ โดยให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันร่าง
**ชูผบ.ทบ.เป็นผู้ประสานทุกฝ่าย
นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า เท่าที่ได้สัมผัสความรู้สึกของ ส.ส.ทุกคนนั้น อยากให้มีการแก้ปัญหาภายในสภาให้ได้ก่อน ตนเชื่อว่าถ้าร่วมมือกันอย่างจริงใจ คงไม่มีอะไรสายเกินไป วันนี้อย่าไปพูดถึงเรื่องใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ส่วนตัวเชื่อว่ามีแนวทางอื่นก่อนจะมีการยุบสภา แต่ต้องใช้สติและเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครจะเป็นคนกลางประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย นางอนงค์วรรณ ตอบว่า ทุกคนรู้ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่สุดแล้วจะมีคนที่พูดแล้วทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงไป ณ วันนี้เราต้องช่วยตัวเราเองก่อน นายกฯ กำลังมีกรณีต่างๆ พุ่งเป้ามา คงไม่ใช่คนกลางแน่นอน ถ้าลองคิดว่าเป็น ผบ.ทบ.จะไหวไหม ก็คิดว่า เป็นอะไรที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ยังไม่มีใครระบุว่า ผบ.ทบ.อยู่ซีกไหนกันแน่ ดูเหมือน ผบ.ทบ.จะอยู่กลางๆ ในส่วนของพรรคมัชฌิมาฯไม่มีปัญหา ไม่เลือกว่าเป็นใคร การมานั่งคุยวงเล็กของทุกฝ่ายน่าจะเป็นทางออกที่ดีในขณะนี้
สำหรับรัฐบาลควรใช้ท่าทีฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ จะไปตัดบทไม่ได้ ต้องคุยกัน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ตนได้เสนอความเห็นเหล่านี้ใน ครม.ไปแล้ว
**"ประดิษฐ์"ให้ผบ.ทบ.ได้ทำงานก่อน
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และรมช.คลัง กล่าวว่าเมื่อมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต้องดูสถานการณ์ และให้คณะที่รับผิดชอบได้ทำงานก่อน อยากให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างนั้น ส่วนการพิจารณางบประมาณ ไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ ไม่ว่าฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ว. มีความจำเป็น เพราะงบประมาณจะนำพาประเทศ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนรอบคอบ
ส่วนที่คณะทำงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โยนให้ฝ่ายการเมืองแก้ไขปัญหานั้น ตนไม่ขอออกความเห็น เพราะครม.ได้เห็นชอบในสิ่งที่นายกฯได้ประกาศไป และคณะทำงานยังไม่ดำเนินการ ตอนนี้ขอให้คณะทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการก่อน
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ. ยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องการเมือง ควรแก้ด้วยการเมือง นายประดิษฐ์ กล่าวว่า เท่าที่รับฟัง หรือติดตามข่าวท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ตนพยายามใช้วิธีประนีประนอม มากที่สุด และจะเป็นตัวกลางเข้าไปเจรจา เป็นยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการได้ จึงไม่อยากให้พวกเรารีบร้อน หรือสรุปไปว่า จะไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น หรือดำเนินการในขั้นแตกหัก ควรให้ ผบ.ทบ. ดำเนินการ ดีกว่าอย่าเพิ่งไปสันนิษฐาน หรือตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น อย่างนี้ จะทำให้สถานการณ์เลวร้าย ต้องค่อยๆดูไป แล้วผบ.ทบ.ดำเนินการไป เพราะท่านมีความตั้งใจ ก็คงจะมีแผน และแนวทางว่าจะทำอย่างไร
**เมินเสียงเรียกร้องให้ถอนตัว
ส่วนที่มีหลายกลุ่มแสดงความคิดเห็นต้องการให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ตนคิดว่าวันนี้รัฐบาลมองว่าทำตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง แต่อีกฝ่ายหนึ่งทำผิดขั้นตอน เมื่อเป็นอย่างนี้ ตนอยากจะให้เรารู้ว่า แต่ละคนทำหน้าที่อะไร นักวิชาการ และองค์กรต่างๆ มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบอกว่าคนนั้น คนนี้ ต้องรับผิดชอบ แต่คนไทยทุกคนต้องรับผิดชอบ ก็น่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกับพรรคพลังประชาชนต่อไป นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมกันก็เห็นว่า ต้องแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ดังนั้นวันนี้จึงไม่อยากให้มองอะไรในแง่ร้าย และเมื่อ ผบ.ทบ. ลงมาช่วยแก้ปัญหา ก็ต้องมองว่า จะแก้ปัญหาได้ ไม่ว่าจะถอยคนละก้าว หรือร่วมมือกัน แต่ขอยืนยันว่า อย่าได้ไปสันนิษฐานกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่มีสภาพเป็นอย่างนี้ ถ้าเราสันนิษฐานไปหรือคาดการเป็นอย่างนี้อย่างนี้ก็จะวุ่นวาย ควรจะให้คณะทำงานได้ทำงานไป คนอื่นคิดอย่างไรตนไม่ทราบ แต่ตนยังมั่นใจว่าปัญหาน่าจะคลี่คลาย
**นศ.จี้ 5 พรรคร่วมรัฐบาลสละเรือ
กลุ่มเครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม ม.รามคำแหง กว่า10 คน นำโดย นายสิกขนันท์ หนูเล็ก ได้อ่านแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนายสมัคร เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชน รวมถึงสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยไม่จำเป็น ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคประชาราช หยุดพายเรือให้โจรนั่ง และถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
"การถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาล จึงจะเป็นการปลดล็อคความขัดแย้งทางการเมืองในครั้งนี้ ดังนั้นการจะถอนตัวออกมาได้ ต้องอาศัยความเสียสละเป็นธงนำ เพื่อนำประเทศชาติกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว" แถลงการณ์ ดังกล่าวระบุ
