xs
xsm
sm
md
lg

รถเมล์เช่าเอ็นจีวีแบ่งเค้กลงตัวเหลือ 4 พันคัน ลด 4.3 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เสธ.หนั่น” แบ่งเค้กลงตัวเตรียมชงครม. 2 ก.ย. พิจารณาข้อเสนอใหม่เคียงมติ ครม.เดิม .ให้ปรับเช่ารถเมล์เอ็นจีวี เหลือ 4 พันคัน บวกรถแอร์ ขสมก.เก่าอีก 1.7 พันคันใช้ตั๋วอีเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ให้ขสมก.เช่าซื้ออู่แทน 22 แห่ง คาดลดเงินได้4.3 หมื่นล้านบาท

นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์) แถลงภายหลังการประชุมกรรมการกลั่นกรองคณะพิเศษโครงการเช่ารถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ( NGV ) จำนวน 6,000 คันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนฟื้นฟู องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้นำข้อสังเกตจากการประชุม ที่พล.ต.สนั่น เป็นประธานฯ เสนอคณะรัฐมนตรีในอีก 2 สัปดาห์ (2 ก.ย.51) เพื่อพิจารณาประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเดิม ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในประเด็นต่าง ๆได้แก่

1.เสนอทางเลือกให้ ครม.พิจารณาการจัดหารถโดยสารในจำนวนที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงของโครงการจากเดิม 6,000 คัน หลังจากที่ได้ศึกษาและพิจารณาจากห่วงเวลาปรับเปลี่ยนความถี่ในปล่อยรถ ในเบื้องต้นควรจะเช่ารถโดยสารในปริมาณไม่เกิน 4,000 คัน และหากมีความต้องการใช้รถโดยสารเพิ่มก็ขอให้ ขสมก.นำรถโดยสารปรับอากาศที่มีอยู่ 1,700 คัน มาให้บริการในช่วงเวลาที่จำเป็นไปก่อน (งบประมาณขึ้นอยู่กับ ขสมก.เสนอ ครม.) โดยทั้งหมดจะอยู่ในรูปแบบของระบบอี-ทริกเก็ต (ตั๋วอิเล็คทรอนิกส์) ทั้งนี้ที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขประมาณการของ ขสมก.ที่หารเฉลี่ยต่อวันจะสูงกว่าความเป็นจริงโดยเฉพาะนำไปรวมกับรถร่วม ขสมก. ดังนั้นจึงขอให้ตัดระบบอี-ทริกเก็ตของรถร่วมออกไปโดยเหลือจำนวนของ ขสมก.เท่านั้น โดยประมาณการว่าจะสามารถลดงบประมาณได้กว่า 5,000 ล้านบาท

2. เสนอทางเลือกให้ ครม.พิจารณาในการจัดหาอู่รถโดยสารเอ็นจีวี 22แห่ง โดยพล.ต.สนั่นเสนอว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ขสมก.จะเป็นผู้เช่าซื้อทั้งหมดแทน ที่ให้เอกชนเช่าซื้อ 16 แห่งและเป็นของขสมก. 6 แห่ง หลังจากเห็นว่า ขสมก.เสนอข้อมูลที่อาจจะไม่ถูกต้องเพราะราคาประเมินจัดซื้อขายที่ดิน ดอกเบี้ย ค่าเช่าอู่ 10 ปีเป็นการคิดแบบจัดซื้อสังหาริมทรัพย์ที่สูงเกินจริงกว่า 5,920 ล้านบาท หากมีการปรับให้ ขสมก.เป็นผู้เช่าซื้อให้เป็นแบบอสังหาริมทรัพย์จะสามารถลดค่าเช่าและเป็นการควบคุมค่าใช้จ่าย ได้ถึง 4,800 ล้านบาท โดยหากครบ 10 ปีอู่ก็จะกลับมาเป็นของ ขสมก. ขณะที่ลงทุนอื่น ๆเช่น ปั๊มเอ็นจีวี ที่ปตท.วางท่อก๊าซจะไม่เป็ยการผูกขาดของเอกชน เพื่อหมดสัญญา ขสมก.ก็จะได้คืน ขณะเดียวกัน ปตท.ตั้งข้อสังเกตว่า หากที่ดินเป็นของภาคเอกชนจะมีสัญญาในการเช่าซื้อถึง 20ปี ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อเสนอต่อ ครม.ต่อไป

3. เสนอทางเลือกให้ ครม.พิจารณาการทำสัญญาเพิ่มเติมในอนาคตที่จะมีความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงในระยะเวลา 10 ปี โดยถ้าต้องการจำนวนรถโดยสารเพิ่มก็สามารถเจรจาเพิ่มในระบบได้ และหากโครงการไม่ได้ผลก็สามารถลดปริมาณจำนวนรถโดยสารลงได้เช่นกัน โดยทั้งหมดนี้จะเขียนลงร่างทีโออาร์ด้วย

“ตัวเลขเบื้องต้นของโครงการที่เป็นเงินลงทุนของ ขสมก.กว่า 1.1 แสนล้านบาท ที่ ครม.เห็นชอบในกรอบ หากมีการลดลงได้กว่า 2,000 คัน วงเงินก็จะสามารถลดลงได้ 3.7-3.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้งหากสามารถลดวงเงินในระบบได้อีก 5,000 ล้านบาท โครงการนี้ก็จะลดงบประมาณลงได้ถึง 4.3 หมื่นล้านบาท หรือ ประมาณ 30% ของโครงการ”นายอรรคพล กล่าว

นายอรรคพล กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการเออรี รีไทร์ คาดว่าจะใช้แผนปรับโครงสร้างเดิมของขสมก.ที่เสนอ ครม. ขณะที่ปัญหาการทับซ้อนเส้นทาง 145 เส้นทางของรถร่วมฯกับรถขสมก. ที่รถร่วมฯเสนอนั้น ขสมก.อ้างว่า คณะกรรมการขนส่งทางบกกลางจะเป็นผู้ตัดสินปัญหานี้เพื่อพร้อมเสนอครม.

นายอำพล กิตติอำพล เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ตนจะเสนอพล.ต.สนั่น เพื่อพิจารณาข้อสังเกตที่จะเสนอ ครม.ในวันจันทน์ที่ 25 ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามกระบวนการปรับลดบประมาณหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ คณะกรรมการ ขสมก. (บอร์ด ขสมก.) จะต้องเป็นผู้นำไปกำหนดกรอบวงเงินอีกครั้งโดยเฉพาะองค์ประกอบของค่าเช่ารถ งานระบบและค่าเช่าอู่ ดังนั้นตัวเลขค่าเช่าอาจจะต่ำกว่ากรอบที่ ขสมก. เสนอ 5,100บาท/วัน/คัน

ขณะที่ข้อสังเกต เรื่องการจัดหารผู้โดยสารให้ได้ 2 ล้านคนนั้น เชื่อว่าไม่เป็นปัญหาเพราะ ขสมก.รายงานตลอดเวลาว่า จะสามารถมีผู้โดยสารได้ถึง 3-4 ล้านคน หากมีการจัดรถโดยสารให้เข้ามาอยู่ในระบบเพราะตามมติ ครม.หากทำให้รถโดยสารมีคุณภาพ มีความปลอดภัย รวมทั้งความถี่ในการปล่อยรถให้มีความชัดเจนก็จะไม่มีปัญหา

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคชาติไทยได้ตั้งข้อสังเกตการเช่ารถปรับอากาศจำนวน 6 พันคันว่ายังไม่มีความเหมาะสมหลายประการ ซึ่งเป็นการชงเรื่องจากกระทรวงคมนาคมเพื่อขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ แต่ได้รับการคัดค้านและตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาโดยมอบให้พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการศึกษาเพื่อหาข้อยุติ

อย่างไรก็ตามยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเช่าซื้อรถปรับอากาศดังกล่าวนี้เหตุใดจึงมีความรีบเร่งในการเช่า ถึงแม้จะมีการเฉือนจำนวนรถให้น้อยลง ซึ่งมีการมองกันว่าพรรคชาติไทยในฐานะผู้คัดค้านโครงการและพรรคพลังประชาชนผู้เสนอโครงการนี้ อาจจะมีการเจรจากันและจัดสรรผลประโยชน์ได้ลงตัว ซึ่งการข้อมูลการเช่ารถกับการซื้อรถความคุ้มค่าในการซื้อรถ ขสมก.น่าจะได้ประโยชน์กว่า เนื่องจากโครงการนี้หากนำรถดังกล่าวมาเปิดให้บริการตลอดสาย 15 บาท และผู้ใช้บริการเรียกร้องให้ ขสมก.ลดราคาแล้วประสบภาวการณ์ขาดทุนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ก็อาจจะต้องแปรรูปหรือขายสัมปทานให้เอกชนเข้ามาดำเนินการแทน

“รูปแบบการเช่าซื้อรถเมลล์ปรับอากาศครั้งนี้ส่อเค้าไม่โปร่งใส รัฐพยายามพลักดันให้มีการเช่าโดยไม่มีแผนดำเนินการรองรับที่แน่นอน กล้ามีหลักประกันหรือไม่ว่าจะไม่ขาดทุนในอนาคต เหมือนการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่มุ่งเพียงจัดซื้อเครื่องบินเพราะผู้บริหารมุ่งค่าคอมมิชั่นแล้วกำหนดเส้นทางบินว่าจะเอามาใช้ในเส้นทางใดบ้าง แต่เมื่อนำมาปฏิบัติงานจริงปรากฏว่าขาดทุนไม่สามารถทำได้ แต่ผู้จัดซื้อเครื่องบินได้ประโยชน์ไปแล้วและพ้นภาระความรับผิดชอบไปซึ่งเกรงว่าจะเข้ารูปแบบที่กล่าวมาแล้วจะหาใครมารับผิดชอบ”แหล่งข่าวคนเดียวกัน ตั้งข้อสังเกต
กำลังโหลดความคิดเห็น