รมว.คมนาคม สั่งการบินไทยเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพหลังผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 51 ขาดทุนกว่า 9,000 ล้านบาท ชี้ปัญหาราคาน้ำมันและการแข่งขันสูงทุกสายการบินเจอเหมือนกันเชื่อการบินไทยจะฝ่าวิกฤตไปได้ ด้านการบินไทย โต้ข่าวปลดพนักงาน"ประธานบอร์ด" แจงเปิดรับโครงการเกษียณก่อนอายุ แบบสมัครใจ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เผยขณะนี้มีสมัครเกือบ 400 ราย
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลประกอบการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในรอบ 6 เดือนของปี 2551 ซึ่งขาดทุนกว่า 7,000 ล้านบาท และขาดทุนในไตรมาส 2 อีกกว่า 9,000 ล้านบาท ว่า ที่ผ่านมาได้ให้นโยบายกับผู้บริหารการบินไทย ในการปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งในเรื่องเส้นทางการบิน เพื่อให้สอดคล้องกับสภานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงและการแข่งขันสูง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ทุกสายการบินในโลกก็ประสบเช่นเดียวกับการบินไทย ดังนั้น การบินไทยต้องหันมาปรับปรุงการบริหารองค์กรเพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าการบินไทยสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
นายสันติ ยืนยันว่า ผลประกอบการที่ขาดทุนของการบินไทยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเข้าไปรับภาระในกิจการของสายการบินนกแอร์ ซึ่งการบินไทยถือหุ้นอยู่แต่อย่างใด โดยปัญหาของนกแอร์นั้นขณะนี้นกแอร์ได้ยื่นแผนฟื้นฟูและหารือกันแล้ว ซึ่งได้ให้นโยบายให้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะเงินเดือน ทั้งในส่วนของผู้บริหารและพนักงานระดับกลาง รวมถึงการยกเลิกเส้นทางบิน การลดเที่ยวบิน และให้เจรจาขอลดค่าเช่าเครื่องบินกับสายการบินต่างประเทศจากอัตราปัจจุบัน 1.5แสนเหรียญสหรัฐ ให้เหลือเท่ากับค่าเช่าเครื่องบินจากการบินไทยคือ 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือต่ำกว่านี้
ด้านนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยประสบปัญหามากจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 30-40% แล้ว ดังนั้นจึงได้เร่งรัดให้มีการปรับการบริหารงานและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจากการประกาศทางอินเตอร์เน็ตเพื่อขอความสมัครใจในการออกจากงานก่อนกำหนดเวลานั้น พบว่ามีแสดงความประสงค์กว่า 370 ราย จากเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 400-500 คน โดยหลังจากนี้จะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานและหารือกับบอร์ดว่าจะดำเนินงานอย่างไร คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ประมาณ วันที่ 1 ธ.ค. 2551 นี้ นอกจากนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหานั้นจะมีการพิจารณาจะยกเลิกในอนาคตคือ กรุงเทพฯ-มอสโคว และกรุงเทพฯ -แอฟฟิกา
***การบินไทยโต้ข่าวปลดพนักงานไม่จริง
และวานนี้ (14 ส.ค.) ฝ่ายสื่อสารวิสาหกิจและประชาสัมพันธ์ บริษัทการบินไทย ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงานของบริษัทว่า ข่าวกรณีการปลดพนักงาน การบินไทย จำนวน 500 คนนั้นไม่เป็นความจริงโดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2551 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการ "โครงการร่วมใจจากองค์กร ครั้งที่ 3" (MUTUAL SEPARATION PLAN หรือ MSP) โดยบริษัทฯ กำหนดให้พนักงานที่มีความประสงค์ สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นความยินยอมร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และพนักงาน เนื่องจากเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวของพนักงาน หรือปัญหาด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ มิใช่เป็นการปลดพนักงานแต่อย่างใด
***บินไทยอ่วมครึ่งปีขาดทุน7พันล.
สำหรับผลการดำเนินงาน บมจ. การบินไทย (THAI) งวดไตรมาส 2/51 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 9,254 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 5.45 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 430 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนขาดทุนสุทธิ 7,038 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 4.14 บาท จากปีก่อนกำไรสุทธิ 3,503 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.06 บาท หรือมีกำไรสุทธิลดลงกว่า 10,541 ล้านบาท คิดเป็น 300.91%
โดยสาเหตุที่ส่งผลให้ไตรมาส 2/51 ประสบปัญหาการขาดทุนนั้น เกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 50,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดกันของปีก่อน 13% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 54,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 20% ขณะเดียวกันบริษัทยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลียนที่เกิดจากการปรับยอดเงินกู้สกุลต่างประเทศ 5,029 ล้านบาท
"บริษัทต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นอันมาก โดยราคาน้ำมันเครื่องบินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 73%"
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 51) การบินไทยขาดทุนจากการขายและการให้บริการ 84 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรจากการขายและการให้บริการ 4,356 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุนสุทธิ 7,038 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 4.14 บาทต่อหุ้น
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบปัญหาการขาดทุน สืบเนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินโดยเฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 60% ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงประมาณการอายุการใช้งานของเครื่องบินและเครื่องยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 5,691 ล้านบาท หลังจากการปรับยอดเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลือ ณ วันสิ้นงวด เป็นเงินบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,882 ล้านบาท
ด้านฐานะการเงิน ณ 30 มิ.ย. 51 การบินไทยและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 264,122 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 50 (31 ธ.ค. 51) จำนวน 16,153 ล้านบาท หนี้สินรวม 203,924 ล้านบาท ลดลง 8,326 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 60,198 ล้านบาท ลดลง 7,827 ล้านบาท
/////////////////
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงผลประกอบการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในรอบ 6 เดือนของปี 2551 ซึ่งขาดทุนกว่า 7,000 ล้านบาท และขาดทุนในไตรมาส 2 อีกกว่า 9,000 ล้านบาท ว่า ที่ผ่านมาได้ให้นโยบายกับผู้บริหารการบินไทย ในการปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งในเรื่องเส้นทางการบิน เพื่อให้สอดคล้องกับสภานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงและการแข่งขันสูง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว ทุกสายการบินในโลกก็ประสบเช่นเดียวกับการบินไทย ดังนั้น การบินไทยต้องหันมาปรับปรุงการบริหารองค์กรเพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าการบินไทยสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
นายสันติ ยืนยันว่า ผลประกอบการที่ขาดทุนของการบินไทยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเข้าไปรับภาระในกิจการของสายการบินนกแอร์ ซึ่งการบินไทยถือหุ้นอยู่แต่อย่างใด โดยปัญหาของนกแอร์นั้นขณะนี้นกแอร์ได้ยื่นแผนฟื้นฟูและหารือกันแล้ว ซึ่งได้ให้นโยบายให้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะเงินเดือน ทั้งในส่วนของผู้บริหารและพนักงานระดับกลาง รวมถึงการยกเลิกเส้นทางบิน การลดเที่ยวบิน และให้เจรจาขอลดค่าเช่าเครื่องบินกับสายการบินต่างประเทศจากอัตราปัจจุบัน 1.5แสนเหรียญสหรัฐ ให้เหลือเท่ากับค่าเช่าเครื่องบินจากการบินไทยคือ 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือต่ำกว่านี้
ด้านนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยประสบปัญหามากจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 30-40% แล้ว ดังนั้นจึงได้เร่งรัดให้มีการปรับการบริหารงานและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจากการประกาศทางอินเตอร์เน็ตเพื่อขอความสมัครใจในการออกจากงานก่อนกำหนดเวลานั้น พบว่ามีแสดงความประสงค์กว่า 370 ราย จากเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 400-500 คน โดยหลังจากนี้จะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานและหารือกับบอร์ดว่าจะดำเนินงานอย่างไร คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ประมาณ วันที่ 1 ธ.ค. 2551 นี้ นอกจากนี้ แนวทางการแก้ไขปัญหานั้นจะมีการพิจารณาจะยกเลิกในอนาคตคือ กรุงเทพฯ-มอสโคว และกรุงเทพฯ -แอฟฟิกา
***การบินไทยโต้ข่าวปลดพนักงานไม่จริง
และวานนี้ (14 ส.ค.) ฝ่ายสื่อสารวิสาหกิจและประชาสัมพันธ์ บริษัทการบินไทย ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับการลดจำนวนพนักงานของบริษัทว่า ข่าวกรณีการปลดพนักงาน การบินไทย จำนวน 500 คนนั้นไม่เป็นความจริงโดยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2551 คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการ "โครงการร่วมใจจากองค์กร ครั้งที่ 3" (MUTUAL SEPARATION PLAN หรือ MSP) โดยบริษัทฯ กำหนดให้พนักงานที่มีความประสงค์ สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นความยินยอมร่วมกันระหว่างบริษัทฯ และพนักงาน เนื่องจากเหตุผลความจำเป็นส่วนตัวของพนักงาน หรือปัญหาด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ มิใช่เป็นการปลดพนักงานแต่อย่างใด
***บินไทยอ่วมครึ่งปีขาดทุน7พันล.
สำหรับผลการดำเนินงาน บมจ. การบินไทย (THAI) งวดไตรมาส 2/51 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 9,254 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 5.45 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 430 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.25 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนขาดทุนสุทธิ 7,038 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 4.14 บาท จากปีก่อนกำไรสุทธิ 3,503 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.06 บาท หรือมีกำไรสุทธิลดลงกว่า 10,541 ล้านบาท คิดเป็น 300.91%
โดยสาเหตุที่ส่งผลให้ไตรมาส 2/51 ประสบปัญหาการขาดทุนนั้น เกิดจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 50,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดกันของปีก่อน 13% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 54,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 20% ขณะเดียวกันบริษัทยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลียนที่เกิดจากการปรับยอดเงินกู้สกุลต่างประเทศ 5,029 ล้านบาท
"บริษัทต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นอันมาก โดยราคาน้ำมันเครื่องบินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 73%"
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 51) การบินไทยขาดทุนจากการขายและการให้บริการ 84 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรจากการขายและการให้บริการ 4,356 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุนสุทธิ 7,038 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 4.14 บาทต่อหุ้น
ส่วนสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบปัญหาการขาดทุน สืบเนื่องจากราคาน้ำมันเครื่องบินโดยเฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 60% ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงประมาณการอายุการใช้งานของเครื่องบินและเครื่องยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 5,691 ล้านบาท หลังจากการปรับยอดเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลือ ณ วันสิ้นงวด เป็นเงินบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2,882 ล้านบาท
ด้านฐานะการเงิน ณ 30 มิ.ย. 51 การบินไทยและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 264,122 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 50 (31 ธ.ค. 51) จำนวน 16,153 ล้านบาท หนี้สินรวม 203,924 ล้านบาท ลดลง 8,326 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 60,198 ล้านบาท ลดลง 7,827 ล้านบาท
/////////////////