คลังเผยรัฐจัดเก็บรายได้เดือนส.ค.1.81 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1.98 หมื่นล้านบาท เหตุรับผลกระทบมาตรการรัฐ ขณะที่ 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 สูงกว่าเป้าหมาย 2.27 หมื่นล้านบาท จากการจัดเก็บรายได้กรมสรรพสามิตเป็นสำคัญ ส่วนแนวโน้มการจัดเก็บรายได้เดือนก.ย.สูงกว่าประมาณการ รับแรงหนุนจากภาษีบางประเภทจัดเก็บเหลื่อมเดือนและปตท.ส่งรายได้ก่อนกำหนด
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีการจัดเก็บรายได้ประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทั้งสิ้น 1.81 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.98 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 9.8% และเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว13.2% อย่างไรก็ตามในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ส.ค.51) มีการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลทั้งสิ้น 1.42 ล้านล้านบาท ยังคงสูงกว่าประมาณการ 22,757 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.3% ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรจากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม และกรมศุลกากรจากอากรขาเข้า ที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่มีการจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.31 หมื่นล้านบาท โดยเกิดจากการยื่นชำระภาษีจากกำไรสุทธิของนิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551(ภงด.51) ซึ่งวันสุดท้ายตรงกับวันหยุด ทำให้ต้องเลื่อนการชำระและส่งผลให้รายได้จากภาษีส่วนหนึ่งเหลื่อมอยู่ในเดือนก.ย. เช่นเดียวกับการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ทำให้ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมต่ำกว่าเป้าหมาย 3.47 พันล้านบาท อีกทั้งการจัดเก็บภาษีน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย ทำให้การจัดเก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 5.16 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี การจัดเก็บอากรขาเข้า ภาษีเบียร์ รวมทั้งการนำส่งรายได้ของส่วนราชการอื่นและรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้
สำหรับในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 นั้น โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้1.14 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.97 หมื่นล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บสูงกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นผลจากการชำระภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 ที่สูงกว่าประมาณการ รวมทั้งการส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเกิดจากการนำเข้า การบริโภคที่ขยายตัวและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงินเป็นสาเหตุสำคัญ
ด้านกรมศุลกากรจัดเก็บได้รวม 90,751 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,171 ล้านบาท โดยอากรขาเข้า ซึ่งเป็นรายได้หลักจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 9,494 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่านำเข้า ทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ก.ค.51) มูลค่านำเข้าในรูปดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 30.5% และ 20.2% ตามลำดับ
ขณะที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้รวม 260,161 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,701 ล้านบาท ซึ่งภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และภาษีเบียร์ ซึ่งภาษีน้ำมันเป็นผลจากการใช้น้ำมันลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากการลดอัตราภาษีน้ำมันของมาตรการภาครัฐ อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 91,607 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,088 ล้านบาท เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ นำส่งรายได้รวม 79,891 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,460 ล้านบาท
“แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในเดือนก.ย.นี้ เป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2551 คาดว่าจะสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล แต่จะได้รับรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมมาจากเดือนส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งบริษัท ปตท.ฯ ที่จะนำส่งรายได้ก่อนกำหนด ทำให้เชื่อมั่นว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2551 นี้ จะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 1.495 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0-2.5%”
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีการจัดเก็บรายได้ประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทั้งสิ้น 1.81 แสนล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.98 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 9.8% และเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว13.2% อย่างไรก็ตามในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ส.ค.51) มีการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลทั้งสิ้น 1.42 ล้านล้านบาท ยังคงสูงกว่าประมาณการ 22,757 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.3% ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรจากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม และกรมศุลกากรจากอากรขาเข้า ที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่มีการจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.31 หมื่นล้านบาท โดยเกิดจากการยื่นชำระภาษีจากกำไรสุทธิของนิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551(ภงด.51) ซึ่งวันสุดท้ายตรงกับวันหยุด ทำให้ต้องเลื่อนการชำระและส่งผลให้รายได้จากภาษีส่วนหนึ่งเหลื่อมอยู่ในเดือนก.ย. เช่นเดียวกับการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ทำให้ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมต่ำกว่าเป้าหมาย 3.47 พันล้านบาท อีกทั้งการจัดเก็บภาษีน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาครัฐ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย ทำให้การจัดเก็บภาษีน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมาย 5.16 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี การจัดเก็บอากรขาเข้า ภาษีเบียร์ รวมทั้งการนำส่งรายได้ของส่วนราชการอื่นและรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้
สำหรับในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 นั้น โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้1.14 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.97 หมื่นล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บสูงกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นผลจากการชำระภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 ที่สูงกว่าประมาณการ รวมทั้งการส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในระดับสูงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเกิดจากการนำเข้า การบริโภคที่ขยายตัวและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงินเป็นสาเหตุสำคัญ
ด้านกรมศุลกากรจัดเก็บได้รวม 90,751 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,171 ล้านบาท โดยอากรขาเข้า ซึ่งเป็นรายได้หลักจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 9,494 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่านำเข้า ทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-ก.ค.51) มูลค่านำเข้าในรูปดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา และเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 30.5% และ 20.2% ตามลำดับ
ขณะที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้รวม 260,161 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,701 ล้านบาท ซึ่งภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมัน ภาษียาสูบ และภาษีเบียร์ ซึ่งภาษีน้ำมันเป็นผลจากการใช้น้ำมันลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ประกอบกับผลกระทบจากการลดอัตราภาษีน้ำมันของมาตรการภาครัฐ อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 91,607 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,088 ล้านบาท เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ นำส่งรายได้รวม 79,891 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,460 ล้านบาท
“แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในเดือนก.ย.นี้ เป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2551 คาดว่าจะสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ แม้จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล แต่จะได้รับรายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมมาจากเดือนส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งบริษัท ปตท.ฯ ที่จะนำส่งรายได้ก่อนกำหนด ทำให้เชื่อมั่นว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปีงบประมาณ 2551 นี้ จะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 1.495 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0-2.5%”