คลังเผยยอดจัดเก็บรายได้มิถุนายน 1.02 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4.56 พันล้านบาท หลังทีโอที-กสท.จ่ายเงินชดเชยภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมสูงกว่า 7.7 พันล้านบาทและปตท.จ่ายค่าเช่าท่อกรมธนารักษ์ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่มาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ทำยอดจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่าเป้า แต่เชื่อมั่นทั้งปีเก็บรายได้ตามเป้า 1.495 ล้านล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 102,712 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,560 ล้านบาท หรือ 4.6% สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 0.1%
ทั้งนี้ นอกจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาเข้าที่สูงกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องแล้ว การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในเดือนนี้ยังสูงกว่าเป้าหมาย 7,724 ล้านบาท โดยเป็นเงินนำส่งจากบมจ.ทีโอที TOT และบมจ.กสท. โทรคมนาคม CAT ในส่วนของค่าธรรมเนียมการให้บริการการสื่อสาร เพื่อชดเชยภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ที่ค้างนำส่งจากปีก่อน และกรมธนารักษ์นำส่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก บมจ.ปตท.PTT ในส่วนค่าเช่าท่อก๊าซและที่ดิน ซึ่งสูงกว่าประมาณ 1,565 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการ เป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยภาษีธุรกิจเฉพาะได้รับผลกระทบทั้งในส่วนที่เก็บจากธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์และธุรกรรมการเงิน และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นผลจากการขยายวงเงินการยกเว้นภาษีและขยายเพดานการหักค่าลดหย่อน เช่น เบี้ยประกันชีวิต และการซื้อหน่วยลงทุน เป็นต้น
นอกจากนี้ รายได้ส่วนราชการอื่นต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากการนำส่งรายได้จากผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากผลกำไรปิโตรเลียมประจำปีที่ต่ำกว่าเป้าหมาย
สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มิถุนายน 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,139,861 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 39,351ล้านบาท หรือ 3.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.2% ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า
ทั้งนี้ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 899,502 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 42,733 ล้านบาท หรือ 5.0% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว12.6% โดยภาษีที่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 40,077 ล้านบาท หรือ 16.9% สาเหตุสำคัญยังคงเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 สูงกว่าเป้าหมาย ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 12,651 ล้านบาท หรือ 3.5% เป็นผลจากการนำเข้าและการบริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงิน
ด้านกรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 218,215 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,545 ล้านบาท หรือ 1.2% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.5% แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6,140 ล้านบาท หรือ 2.9% ซึ่งสาเหตุสำคัญเนื่องมาจากภาษียาสูบจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นผลจากการขึ้นอัตราภาษี เมื่อปลายปีงบประมาณที่แล้ว ตลอดจนการรณรงค์ในการเลิกสูบบุหรี่โดยการขยายเขตการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะส่งผลให้การบริโภคขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งภาษีเบียร์ก็จัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนกรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 73,365 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,600 ล้านบาท คิดเป็น 11.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8.8% โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 7,045 ล้านบาท หรือ 10.9% เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – พฤษภาคม 2551) มูลค่านำเข้าในรูปดอลล่าร์สหรัฐฯ และเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 27.1% และ 16.4% ตามลำดับ
ในขณะที่รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 81,138 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,833 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.2% สาเหตุสำคัญมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)THAI นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการประมาณ 5,000 และ 1,600 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 62,906 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,331 ล้านบาท คิดเป็น 6.4% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.6%
ทั้งนี้จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่สูงกว่าประมาณการ 3.6% และแม้ว่าในช่วง 3 เดือนหลังที่เหลือ การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะจะต่ำกว่าประมาณการเพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งการจัดเก็บภาษีน้ำมันและภาษียาสูบที่มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าประมาณการ แต่คาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551 น่าจะจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น กระทรวงการคลังมีความมั่นใจว่า ปีงบประมาณ 2551 นี้จะสามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.495 ล้านล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในเดือนมิถุนายน 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 102,712 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,560 ล้านบาท หรือ 4.6% สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 0.1%
ทั้งนี้ นอกจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรขาเข้าที่สูงกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องแล้ว การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจในเดือนนี้ยังสูงกว่าเป้าหมาย 7,724 ล้านบาท โดยเป็นเงินนำส่งจากบมจ.ทีโอที TOT และบมจ.กสท. โทรคมนาคม CAT ในส่วนของค่าธรรมเนียมการให้บริการการสื่อสาร เพื่อชดเชยภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม ที่ค้างนำส่งจากปีก่อน และกรมธนารักษ์นำส่งรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก บมจ.ปตท.PTT ในส่วนค่าเช่าท่อก๊าซและที่ดิน ซึ่งสูงกว่าประมาณ 1,565 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการ เป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยภาษีธุรกิจเฉพาะได้รับผลกระทบทั้งในส่วนที่เก็บจากธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์และธุรกรรมการเงิน และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นผลจากการขยายวงเงินการยกเว้นภาษีและขยายเพดานการหักค่าลดหย่อน เช่น เบี้ยประกันชีวิต และการซื้อหน่วยลงทุน เป็นต้น
นอกจากนี้ รายได้ส่วนราชการอื่นต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากการนำส่งรายได้จากผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากผลกำไรปิโตรเลียมประจำปีที่ต่ำกว่าเป้าหมาย
สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – มิถุนายน 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,139,861 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 39,351ล้านบาท หรือ 3.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.2% ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า
ทั้งนี้ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้ กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 899,502 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 42,733 ล้านบาท หรือ 5.0% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว12.6% โดยภาษีที่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 40,077 ล้านบาท หรือ 16.9% สาเหตุสำคัญยังคงเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 สูงกว่าเป้าหมาย ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 12,651 ล้านบาท หรือ 3.5% เป็นผลจากการนำเข้าและการบริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงิน
ด้านกรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 218,215 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,545 ล้านบาท หรือ 1.2% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.5% แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6,140 ล้านบาท หรือ 2.9% ซึ่งสาเหตุสำคัญเนื่องมาจากภาษียาสูบจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นผลจากการขึ้นอัตราภาษี เมื่อปลายปีงบประมาณที่แล้ว ตลอดจนการรณรงค์ในการเลิกสูบบุหรี่โดยการขยายเขตการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะส่งผลให้การบริโภคขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งภาษีเบียร์ก็จัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนกรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 73,365 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,600 ล้านบาท คิดเป็น 11.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8.8% โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 7,045 ล้านบาท หรือ 10.9% เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – พฤษภาคม 2551) มูลค่านำเข้าในรูปดอลล่าร์สหรัฐฯ และเงินบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วถึง 27.1% และ 16.4% ตามลำดับ
ในขณะที่รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 81,138 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,833 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.2% สาเหตุสำคัญมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)THAI นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการประมาณ 5,000 และ 1,600 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 62,906 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,331 ล้านบาท คิดเป็น 6.4% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.6%
ทั้งนี้จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่สูงกว่าประมาณการ 3.6% และแม้ว่าในช่วง 3 เดือนหลังที่เหลือ การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะจะต่ำกว่าประมาณการเพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งการจัดเก็บภาษีน้ำมันและภาษียาสูบที่มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าประมาณการ แต่คาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551 น่าจะจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น กระทรวงการคลังมีความมั่นใจว่า ปีงบประมาณ 2551 นี้จะสามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.495 ล้านล้านบาท
