คลังเผยผลจัดเก็บรายได้ 10 เดือนแรกปีงบฯ 51 สูงกว่าประมาณการ 4 หมื่นล้านหรือคิดเป็น 3.4% โดยกรมสรรพากรและกรมศุลกากรยังแรงหนุนหลักในการจัดเก็บภาษี พร้อมมั่นใจในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนยังสามารถจัดเก็บได้เกินเป้า แม้มาตรการรัฐที่ออกมาจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ซึ่งจัดเก็บได้ 105,505 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,616 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – กรกฎาคม 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 1,239,652 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 40,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 105,505 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,616 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.7 และสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 22.1 โดยสาเหตุสำคัญมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายถึง 7,536 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.1 โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2,880 ล้านบาท ขณะที่โรงงานยาสูบได้นำส่งรายได้ส่วนที่เหลือจากการกันไว้สร้างโรงงานยาสูบจำนวน 2,575 ล้านบาท และการท่าเรือนำส่งรายได้ก่อนกำหนด 914 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังคงจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีน้ำมันฯ และภาษีเบียร์ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,474 และ 487 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.2 และ 12.1 ตามลำดับ
สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,239,652 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40,250ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.7 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า
ส่วนผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บนั้น กรมสรรพากรจัดเก็บได้รวม 983,311 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 49,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.3 โดยมีภาษีที่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญคือ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 42,144 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.5 เป็นผลจากการชำระภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 ที่สูงกว่าประมาณการ และการส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมีอัตราเพิ่มในระดับที่สูง เนื่องจากได้รับประโยชน์มากขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 20,195 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5.1 เป็นผลจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมจากเข้าน้ำมัน และก๊าซธรรมชาตินำเข้า ประกอบกับการบริโภคที่ขยายตัวและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงินเป็นสาเหตุสำคัญ
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 241,086 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,682 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.4 แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6,232 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.6
กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 82,360 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9,150 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.5 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.4 โดยอากรขาเข้าซึ่งเป็นรายได้หลักจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 8,679 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.1 เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้
และรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 87,480 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,953 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.3 สาเหตุสำคัญมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,000 และ 1,600 ล้านบาท ตามลำดับ และหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 65,905 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,690 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.6 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.7
นายสมชัยกล่าวอีกว่า จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่สูงกว่าประมาณการร้อยละ 3.4 และแม้ว่าการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนหลังที่เหลือจะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลทั้งมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ และ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ทำให้จัดเก็บภาษีลดลง แต่คาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551 น่าจะจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ดังนั้น กระทรวงการคลังมั่นใจว่า ปีงบประมาณ 2551 นี้จะสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในระดับ 1.495 ล้านล้านบาทได้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ซึ่งจัดเก็บได้ 105,505 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,616 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (ตุลาคม 2550 – กรกฎาคม 2551) รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 1,239,652 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 40,250 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 105,505 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,616 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.7 และสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 22.1 โดยสาเหตุสำคัญมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายถึง 7,536 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.1 โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2,880 ล้านบาท ขณะที่โรงงานยาสูบได้นำส่งรายได้ส่วนที่เหลือจากการกันไว้สร้างโรงงานยาสูบจำนวน 2,575 ล้านบาท และการท่าเรือนำส่งรายได้ก่อนกำหนด 914 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดายังคงจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีน้ำมันฯ และภาษีเบียร์ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,474 และ 487 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.2 และ 12.1 ตามลำดับ
สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,239,652 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40,250ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 9.7 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่สูงกว่าประมาณการเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอากรขาเข้า
ส่วนผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บนั้น กรมสรรพากรจัดเก็บได้รวม 983,311 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 49,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.3 โดยมีภาษีที่เก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญคือ ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 42,144 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.5 เป็นผลจากการชำระภาษีจากกำไรสุทธิรอบสิ้นปีบัญชี 2550 ที่สูงกว่าประมาณการ และการส่งค่าบริการและจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศมีอัตราเพิ่มในระดับที่สูง เนื่องจากได้รับประโยชน์มากขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 20,195 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5.1 เป็นผลจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมจากเข้าน้ำมัน และก๊าซธรรมชาตินำเข้า ประกอบกับการบริโภคที่ขยายตัวและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่า เป้าหมาย ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายทางด้านภาษีของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 ประกอบกับการลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับจากธุรกรรมบางประเภทของสถาบันการเงินเป็นสาเหตุสำคัญ
กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 241,086 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,682 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.4 แต่ถ้าหักรายได้จากภาษีกิจการโทรคมนาคมของปีที่แล้วออก จะสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6,232 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.6
กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 82,360 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9,150 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.5 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.4 โดยอากรขาเข้าซึ่งเป็นรายได้หลักจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 8,679 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.1 เนื่องจากมูลค่านำเข้าทั้งในรูปดอลลาร์สหรัฐ และรูปเงินบาทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าที่ประมาณการไว้
และรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 87,480 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,953 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.3 สาเหตุสำคัญมาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำส่งรายได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,000 และ 1,600 ล้านบาท ตามลำดับ และหน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 65,905 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,690 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.6 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.7
นายสมชัยกล่าวอีกว่า จากผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 ที่สูงกว่าประมาณการร้อยละ 3.4 และแม้ว่าการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนหลังที่เหลือจะได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลทั้งมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ และ 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ทำให้จัดเก็บภาษีลดลง แต่คาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบครึ่งปีบัญชี 2551 น่าจะจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ดังนั้น กระทรวงการคลังมั่นใจว่า ปีงบประมาณ 2551 นี้จะสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในระดับ 1.495 ล้านล้านบาทได้
