xs
xsm
sm
md
lg

คุณทักษิณจะเอาอย่างไรกันแน่?

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

คุณทักษิณจะเอาอย่างไรกันแน่? กำลังเป็นคำถามตัวใหญ่ที่อยู่ในหัวใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก และย่อมแน่นอนว่ามันเป็นคำถามตัวใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณทักษิณเองด้วย เพราะถ้าหากตอบคำถามนี้ผิดพลาด ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ก็จะไม่มีวันเป็นสุขอีกเลย

การไปอังกฤษเที่ยวนี้ แม้ว่าพลพรรคของคุณทักษิณจะใช้ถ้อยคำว่าลี้ภัยก็ตามที และถ้อยคำนี้ย่อมทำให้ดูดีขึ้นและมีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งชะโลมใจทั้งตัวคุณทักษิณและพลพรรคในยามนี้

แต่เนื้อหาที่แท้จริงก็คือการเป็นผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินที่ใครๆ ก็ปฏิเสธความจริงนี้ไม่ได้อีกแล้วเพราะมีคดีอาญาติดตัว และศาลออกหมายจับในคดีอาญานั้น แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

ก็ทั้งขอฟันธงและทั้งขอแนะนำคุณทักษิณด้วยว่าคุณทักษิณจะไม่ขอลี้ภัยอย่างแน่นอน และคงดำรงอยู่ในฐานะผู้ร้ายหนีคดีอาญาแผ่นดินต่อไป

เพราะถ้าขอลี้ภัยแล้วก็เหมือนกับการติดคุกอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากเรื่องการลี้ภัยนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันแบบชุ่ยๆ หรือพูดกันตามใจชอบ แต่มันมีกฎเกณฑ์กติกาของมันอยู่ตามนัยแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎระเบียบว่าด้วยการลี้ภัย

เพราะถ้าเป็นกรณีการขอลี้ภัยก็ต้องเป็นเรื่องในความดูแลรับผิดชอบและเป็นอำนาจของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ จะต้องยื่นคำขอต่อหน่วยงานนี้เท่านั้น จะไปเที่ยวยื่นสุ่มสี่สุ่มห้าเปะปะหรือนึกเอาเองไม่ได้

เมื่อยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติแล้ว ก็จะมีการพิจารณาว่าเข้ากฎเกณฑ์ที่จะให้เป็นผู้ลี้ภัยได้หรือไม่

ซึ่งมีหลักใหญ่อยู่ 2 ข้อ คือ เป็นผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งทางการเมืองกับรัฐบาลที่ผู้ขอลี้ภัยเป็นพลเมืองอยู่ข้อหนึ่ง และอีกข้อหนึ่งมีภยันตรายจากรัฐเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ครบหลักเกณฑ์ใหญ่ 2 ข้อนี้แล้วจึงจะเป็นเงื่อนไขที่จะอนุญาตได้

ถ้าเข้าหลักเกณฑ์แล้ว สำนักงานข้าหลวงใหญ่จะพิจารณาต่อไปว่าจะให้ลี้ภัยอยู่ในประเทศไหน ซึ่งต้องพิจารณาจากคำขออันเป็นความประสงค์ของผู้ขอลี้ภัยและความยินยอมของรัฐที่ผู้ขอมีความประสงค์นั้น หากไม่ตรงกันก็จะต้องพิจารณาหาประเทศที่มีความพร้อมใจจะให้ลี้ภัยต่อไป

เมื่ออนุญาตเรียบร้อยแล้ว สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยก็จะยึดหนังสือเดินทางไว้ หรือถ้าหนังสือเดินทางถูกรัฐบาลยึดไปก่อนก็จะมีการออกหนังสือเดินทางชั่วคราวของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย โดยจะได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งได้รับการจัดหาที่พำนักอาศัยให้ด้วย

ที่สำคัญคือจะเดินทางไปไหนหรือเคลื่อนไหวอะไรตามใจชอบไม่ได้อีกต่อไป จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยอย่างเคร่งครัด
ซึ่งเท่ากับเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางไปไหนต่อไหนและในการเคลื่อนไหวต่าง ๆ แล้วมันจะต่างอันใดเล่ากับการติดคุกทางการเมืองอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณทักษิณย่อมไม่ปรารถนาเป็นแน่

ดังนั้นความเป็นไปได้ก็คือการขอพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษหรือในประเทศอื่นที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย คอยติดตามดูกันเอาเองก็ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ฐานะของคุณทักษิณในต่างประเทศก็จะเป็นแบบอย่างเดียวกันกับนายราเกซ สักเสนา ลูกน้องของ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร เมื่อครั้งที่ทำงานร่วมกันในธนาคารบีบีซี หรือนายปิ่น จักกะพาก

แล้วคุณทักษิณจะมีวาสนากลับมาประเทศไทยในสักวันหนึ่งที่เป็นวันของคุณทักษิณหรือไม่?

ก็ต้องดูว่าจะกลับมาแบบไหน ซึ่งมีความเป็นไปได้ 3 แบบ คือ กลับมาในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจอันยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินไทยแบบหนึ่ง หรือกลับมาเมื่อคดีทั้งหลายหมดอายุความไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นคุณทักษิณอาจมีอายุเกือบ 100 ปี แบบหนึ่ง และอีกแบบหนึ่งคือกลับมาแบบไม่มีชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะเอาศพกลับมาทำบุญที่บ้านเกิดหรือเอากระดูกมาบรรจุที่บ้านเกิดก็ตามที

สองแบบหลังนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นความชอบธรรมที่จะกลับบ้านเกิดได้โดยไม่มีคดีความใด ๆ มานำตัวไปเข้าสู่การพิจารณาของศาลอีก

จึงคงเหลือการมาแบบแรก ซึ่งต้องพิจารณาดูว่าจะมาได้อย่างไร เพราะการมาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากบรรดาคนทั้งหลายที่ประหวั่นพรั่นใจกับความในแถลงการณ์ของคุณทักษิณจะพร้อมใจกันต่อต้านอย่างแข็งขันที่สุดเท่าที่จะทำได้

การมาแบบหนึ่งก็อาจเป็นดังกรณีแบบเดียวกับที่ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เคยลอบกลับเข้าประเทศไทยแล้วมีการก่อการยึดอำนาจโดยทหารเรือเป็นแกนกลาง แต่แล้วก็ล้มเหลว และต้องเดินทางกลับออกไปนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง คุณทักษิณและลูกน้องมักจะแอบอ้างเอาอย่างของท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ทั้งๆ ที่ไม่เป็นแบบเป็นเยี่ยงเป็นอย่างกันได้เลย อาจจะคิดวิธีนี้ก็ได้

การมาแบบหนึ่งก็ด้วยหวังพึ่งเพื่อนร่วมรุ่นทำการยึดอำนาจจากอำนาจรัฐปัจจุบันหรือในอนาคตข้างหน้า ซึ่งจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดก็ย่อมขึ้นอยู่กับอนาคตในตำแหน่งสำคัญทางทหารของเพื่อนร่วมรุ่นเหล่านั้น

จึงต้องจับตาสังเกตดูการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2551 นี้ที่จะปรากฏผลชัดเจนในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

แต่ความยากลำบากก็มีอยู่ถึง 2 สถาน เพราะสถานแรกนั้น อำนาจรัฐปัจจุบันและผู้นำทางการทหารซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายคงไม่ยอมปล่อยให้อำนาจทางการทหารตกอยู่ในกำมือของเพื่อนพ้องคุณทักษิณอย่างแน่นอน

ส่วนสถานสองเล่า ถ้าหากเพื่อนพ้องน้องพี่ได้อำนาจไปบางส่วน แต่ใช่ว่าการยึดอำนาจจะกระทำได้สะดวกดายนัก เพราะการทหารนั้นเป็นเรื่องล้ำลึก ซับซ้อน สุดจะหยั่งคาด ทั้งยังมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกว่า 20 ล้านคนคอยขัดขวางต่อต้านอยู่อีก

ไม่เห็นหรือว่ายามที่คุณทักษิณมีอำนาจนั้น ได้วางเพื่อนพ้องลงในตำแหน่งคุมกำลังหลักทุกเหล่าทัพ แม้กระทั่งการข่าว มีพลานุภาพเท่าหรือเกือบเท่ากับเมื่อครั้งนายทหาร จปร.5 คุมอำนาจกองทัพ ก็ยังถูกความล้ำลึก ซับซ้อนอันสุดจะหยั่งคาดทางการทหารแย่งยึดอำนาจไปได้ในชั่วพริบตาเดียว

และเวลาที่ผ่านมากระทั่งถึงวาระสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศครั้งล่าสุดก็มีความพยายามตามแนวทางนี้ตั้งหลายครั้ง แต่ขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว นี่ก็เพราะความล้ำลึก ซับซ้อน สุดจะหยั่งคาดทางการทหารนั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น มันมีผลร้ายอเนกอนันต์นัก หากไม่กระจ่างแจ้งในผลร้ายอย่างถ่องแท้แล้ว ไหนเลยเล่าจะเห็นผลดีของการใช้กำลังทหารอย่างแท้จริงได้

แบบนี้จึงแทบตีบตันและยากจะเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญคุณทักษิณจะไม่ยอมเอาชีวิตตนเองและครอบครัวเข้าเสี่ยงแบบนี้เป็นอันขาด

อีกแบบหนึ่งคือความพยายามที่จะครองอำนาจรัฐโดยทางการเมือง คือคุมกำลังพรรคการเมือง แล้วตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดให้ยืนยงคงกระพันต่อไปได้

บทเรียนนับแต่วันที่ 20 กันยายน 2549 ถึงวันนี้ย่อมอุดมสมบูรณ์และเพียงพอแล้วที่คุณทักษิณจะเรียนรู้และเข้าใจคำสอนของพระฤาษีที่สอนสั่งสุดสาครหลังจากถูกหมอผีชีเปลือยผลักตกลงเหวได้เป็นอย่างดี คำสอนนั้นมีว่า

“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลดก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”


คนชั่วยุยงส่งเสริมให้คุณทักษิณสู้ หาใช่เพื่อประโยชน์ของคุณทักษิณและครอบครัวเลยแม้แต่น้อย แต่เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเองเท่านั้น วันนี้ความจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่าผลจากการตัดสินใจสู้ของคุณทักษิณเป็นอย่างไร

คุณทักษิณต้องสูญเสียเงินทอง ต้องเสียภาพลักษณ์ ต้องสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล ต้องชอกช้ำระกำใจหนักหนาสาหัสกว่าก่อนเดินทางเข้ามาประเทศไทยจนสุดที่จะประมาณนัก ทั้งชักพาครอบครัวลูกเมียให้เดือดร้อนทุกข์เข็ญตามไปด้วย ต้องระเหเร่ร่อนหาแผ่นดินอยู่มิได้ เป็นที่เวทนานัก

พวกไอ้ห้อยไอ้โหนไอ้ยุไอ้แหย่ไอ้รักไอ้ยมต่างหากที่ได้ไปซึ่งอำนาจวาสนาและโภคผลสุดจะคณานับ เชิดหน้าชูตาหัวร่อต่อกระซิกสนุกสนานบันเทิงเริงรมย์กันอยู่ทุกวันคืน และกำลังวางรากฐานแห่งกำลังทางการเมืองกันอย่างเอิกเกริกคึกคัก

มีใครสักคนไหมที่ห่วงใยอาทรคุณทักษิณจริงๆ? เป็นดังที่เคยเตือนไว้ครั้งหนึ่งแล้วในบทความ “ทักษิณผู้น่าสงสาร” ว่าคนที่ห่วงหาอาทรด้วยน้ำใสใจจริงนั้นมีแต่ลูกและเมียเท่านั้น

วันนี้ก็ได้แต่คุณหญิงและลูกทั้งสามคนคอยบำรุงน้ำใจให้อบอุ่นดังคำเตือนนั้นมิใช่หรือ?

แต่วิสัยน้ำใจคนย่อมหวังพ้นออกไปจากความทุกข์ร้อนอันทรมานเป็นธรรมดา ตรงนี้แหละจะทำให้คุณทักษิณกลายเป็นเหยื่ออีกครั้งหนึ่ง เว้นแต่จะตั้งสติได้มั่นคง ดึงปัญญาและความเฉลียวฉลาดกลับคืนมาได้สำเร็จ

ไม่เห็นหรือว่ากำลังมีคนเสนอว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณและครอบครัวพ้นผิดบ้าง จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้การดำเนินการของ คตส. ป.ป.ช. และ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาเป็นอันโมฆะทั้งหมดบ้าง หรือล้มกรรมการหรือตุลาการในองค์กรเหล่านี้ไปทั้งหมดบ้าง

มันเป็นการหลอกลวงทั้งนั้น หาสาระแก่นสารและความจริงอันใดมิได้เลย หากคุณทักษิณได้มีโอกาสอ่านบทความนี้ หรือยังมีคนที่หวังดีส่งบทความนี้ไปให้อ่าน ก็จงทราบคำเตือนที่เกิดขึ้นจากอุเบกขาธรรมว่า ขอจงไตร่ตรองโดยแยบคายให้จงดี

การแก้รัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตามที่พูดกันนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ และไม่มีวันเป็นผลดังที่คุยโวโอ้อวดกัน

ประการหนึ่ง ไม่มีทางแก้ไขแบบฟอกผิดหรือแบบที่คุยโวกันได้สำเร็จ เพราะยังมีกระบวนการขั้นตอน รวมทั้งประเด็นทางการเมืองที่จะทำให้ไม่สำเร็จขวางอยู่ข้างหน้า

ประการหนึ่ง จะไม่สามารถยกเลิกเพิกถอนบรรดาคดีทั้งหลายไปได้เลย และไม่มีทางนิรโทษกรรมไปได้เลย เพราะการนิรโทษกรรมในขณะที่ศาลยังไม่ตัดสินคดีก็ดี การออกกฎหมายโดยเฉพาะเจาะจงเพื่อให้คนอยู่เหนือกฎหมายไม่ต้องขึ้นศาล ไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายก็ดีเป็นโมฆะ และเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด

หนทางสายนี้จึงตีบตันและยากลำบากยิ่งนัก มีแต่เสียเงินเปล่า ถูกหลอกเปล่า ๆ และสร้างศัตรูเปล่าๆ

ดังนั้นหนทางประเสริฐสำหรับคุณทักษิณผู้มีวัยล่วง 59 ปีแล้ว คือใช้สติปัญญาพิจารณาให้เห็นความจริงว่าสังขารทั้งหลายย่อมร่วงโรยไปเป็นธรรมดา มีแต่ความแก่ ความเจ็บ ความตายอยู่เบื้องหน้าเป็นเที่ยงแท้ จะเปลืองตัว เปลืองเงิน เปลืองความคิดไปทำไม

หนทางรอดของคุณทักษิณจึงเป็นหนทางที่ต้องพึ่งพระธรรมอันฉ่ำเย็นแห่งพระตถาคตเจ้า คือการใช้สติปัญญาหาทางหยุด จงหยุดเถิด ให้ปัญญาสร้างความหยุดเกิดขึ้นในใจ แบบที่พระองคุลีมาลเคยสร้างให้เกิดขึ้นแล้ว ก็จะรอดพ้นได้อย่างแน่นอน

หยุดแล้วขออโหสิกรรมแก่คนทั้งหลายทั้งปวง ให้อโหสิกรรมแก่คนทั้งหลายทั้งปวง กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานอภัยโทษ สร้างบุญสร้างกุศลและใช้ชีวิตตนเองและครอบครัวอย่างสุขศานติ์ในที่ไหนๆ ก็จะสุขสบายใจกว่าไม่ใช่หรือ?

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร สังขารหรือการปรุงแต่งจิตที่หยุดหรือสงบแล้วเป็นสุขอย่างยิ่ง ด้วยประการฉะนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น