ผมขอเขียนต่อถึง สนธิ ลิ้มทองกุล หนุ่มใหญ่ลูกชาวจีนไหหลำ ที่ทำมาหากินอยู่ในแวดวงธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนของไทยเลยนะครับ
สนธิ ลิ้มทองกุล แม้นชีวิตทางธุรกิจจะอยู่ในสภาพลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นๆ ลงๆ แต่เขาก็นำสื่อในเครือผู้จัดการต่อสู้กับอำนาจอธรรมมาตลอด โดยเฉพาะเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนั้น สนธิ-ลิ้มได้ลุกขึ้นต่อกรกับเผด็จการทหาร รสช.อย่างกล้าหาญ
สนธิ-ลิ้มใช้สื่อในเครือของเขาวิพากษ์วิจารณ์ รสช.ตรงไปตรงมา จนทหารใหญ่บางคนในรสช.จะสังหารเขา แต่สนธิ-ลิ้มก็ยังคงสนับสนุนขบวนการต่อสู้ กับเผด็จการ รสช.ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องถึงขนาดสนธิ-ลิ้มบอกกับนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เพื่อนคนหนึ่งของเขาว่า“บอกพวกเราให้สู้กับเผด็จการเต็มที่นะชัช พี่ยังมีเงินอีกห้าร้อยกว่าล้านบาท ชัชเอาไปใช้สู้แม่งเลย..”
อย่างไรก็ตาม..สนธิ-ลิ้มถูกทหารบางคนใน รสช.คุกคามอย่างหนัก ถึงขนาดยกกองกำลังทหารไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อจับกุมตัวสนธิ-ลิ้มตามแผนร้ายที่มีการวางไว้ล่วงหน้า แต่คุณพระคุ้มครอง..สนธิ-ลิ้ม หลบรอดเงื้อมมือทหารกลุ่มนั้นได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่เขาจะหลบพายุลมแรงไปอยู่ต่างประเทศชั่วขณะหนึ่ง แม้นอยู่ต่างแดน..แต่สนธิ-ลิ้มก็ยังคงใช้โทรศัพท์ประสานงานกับผู้คนที่ต่อสู้กับ รสช.อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเผด็จการทหาร รสช.ยุติบทบาทลง เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนทันที
ยุคผู้ปกครองบ้านเมืองดำเนินนโยบายผิดพลาดทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจบริษัทห้างร้านคนไทยล้มครืนเป็นแถว สนธิ ลิ้มทองกุล ที่เคยรวยนับร้อยล้านพันล้าน ก็ได้รับผลกระทบคราครั้งนั้นเช่นกัน
แต่ด้วยโลกคือละครและชีวิตคือการต่อสู้ สนธิ-ลิ้มผู้ไม่เคยจำนนต่อปัญหาทั้งดีและร้าย เขายังทำธุรกิจสื่อสารมวลชนที่เขารักต่อไป แถมยังกัดฟันเปิดแนวรบสื่ออีกหลายด้าน รวมทั้งอินเทอร์เน็ตและเอเอสทีวีหรือโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนั่นเอง
แม้นสนธิ-ลิ้มจะรู้จักทักษิณเป็นอย่างดี แต่เมื่อมหาเศรษฐีแสนล้านได้เป็นนายกรัฐมนตรีสื่อในเครือผู้จัดการก็ให้แง่คิดในเชิง ต้องให้โอกาสคนรวยแล้ว (คงไม่โกง) ได้ทำคุณงามความดีให้แผ่นดินเสมอมา
แต่ทักษิณกลับทำลายความหวังของปวงชน ที่เชื่อว่าคนรวยแล้วจะไม่โกงเสียสิ้น เขาสลัดโอกาสทองในการทำดีให้กับชาติบ้านเมืองทิ้ง รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศเพียงเพื่อผลบวกของคะแนนเสียง และตั้งหน้าแสวงหาประโยชน์เข้าตนและพวกพ้อง โกงกินโครงการทั้งเล็กใหญ่อย่างมโหฬารหน้าด้านๆ
สนธิ-ลิ้มจึงติงเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รัฐบาลทักษิณก็หาฟังไม่ สนธิ-ลิ้มจึงใช้สื่อในเครือผู้จัดการเป็นอาวุธสำคัญ ในการต่อกรกับระบอบเผด็จการรัฐสภาทักษิณอย่างถึงลูกถึงคน สุดท้าย..สนธิ-ลิ้มจำต้องออกมาเป็นผู้นำมวลชนเลยทีเดียว
การต่อสู้รัฐบาลทักษิณของสนธิ-ลิ้ม เป็นบริบทแรกที่นำคนอย่าง จำลอง ศรีเมือง พิภพ ธงชัย สมศักดิ์ โกศัยสุข สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มารวมตัวกัน จนกลายเป็นองค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งยังต้องจารึกไว้ว่า..มิติใหม่แห่งการลุกขึ้นขับไล่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา ของมวลมหาประชาชนในประเทศไทยแรมปีนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีและอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง การต่อสู้ครั้งนี้จึงมีประชาชนหลายแสนคนบนท้องถนน และผู้คนทั้งโลกที่นั่งดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์เอเอสทีวีกับอินเทอร์เน็ต ให้การสนับสนุนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยอีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ของประชาชน และวงการสื่อสารมวลชนยุคใหม่ ทั้งของชาติไทยและของโลกกลมๆ ใบนี้เลยทีเดียวเชียวครับ การต่อกรของพันธมิตรฯ กับทักษิณในครั้งแรกนั้น ดำเนินไปอย่างถึงพริกถึงขิงเกือบปี จนรัฐบาลทักษิณอยู่ในฐานะจะล้มมิล้มแหล่แล้ว คณะทหาร คมช.จึงออกมารัฐประหาร ทำให้รัฐบาลทักษิณม้วนเสื่อก่อนกาลอย่างกะทันหัน ในวันที่ 19 กันยายน 2549
ครั้งนั้น..คนไทยหวังว่า การรัฐประหารจะนำมาซึ่งสิ่งดีงาม ที่สำคัญต้องมีการกำจัดระบอบทักษิณ ซึ่งโกงกินบ้านเมืองให้หมดไปจากเมืองไทย แต่คมช.ก็ทำดีเพียงแค่ตั้ง คตส.ไว้ตรวจสอบ-สอบสวน-สืบสวน การทุจริตคอร์รัปชันรัฐบาลทักษิณและพวกพ้องเท่านั้น
ในขณะที่รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ของ คมช.ก็มิได้ให้ความร่วมมือกับ คตส.เลย ทำให้บรรดาข้าราชการของรัฐที่ยังคุมอำนาจในระบบราชการ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันร่วมกับรัฐบาลทักษิณ ไม่ให้ความร่วมมือและขัดขวางการทำงานของ คตส.อีกต่างหาก
สนธิ-ลิ้มที่ก้มหน้าก้มตาทำงานสื่อสารมวลชนของตน จึงต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คมช.และรัฐบาลสุรยุทธ์อย่างเผ็ดร้อน อีกทั้งสนธิ-ลิ้มยังชี้ให้สังคมเห็นว่า การกระทำอันอ่อนแอของรัฐบาลสุรยุทธ์และคมช.จะทำให้ระบอบทักษิณใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง หวนกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งอย่างแน่นอน
แม่นราวจับวาง..ทุกอย่างเป็นไปตามการวิเคราะห์ของสนธิ-ลิ้ม คมช.และรัฐบาลสุรยุทธ์ได้เร่งให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 โดยไร้การปฏิรูปสื่อและการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทักษิณ สามารถใช้เงินซื้อคนในองค์กรอิสระบางแห่ง ซื้อข้าราชการในส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ทำให้เงินและกลโกงจากนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นอีกครา
หลังจากนั้นทักษิณก็ส่งหุ่นเชิด สมัคร สุนทรเวช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้ง ครม.ขี้เหร่เข้าคุมอำนาจรัฐ ตั้งธงล้มรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จะหันกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อปลดความผิดของเขาและพรรคพวก ด้วยการล้มกระบวนการยุติธรรมที่ตรวจสอบเขาอยู่
นั่นเป็นชนวนทำให้ลูกจีนรักชาติอย่าง “แป๊ะลิ้ม-สนธิ-ลิ้ม” กับแกนนำพันธมิตรฯ อีก 4 คน รวมทั้งประชาชนคนไทยจำต้องออกมาต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งรัฐบาลสมัครบริหารประเทศเพียงเพื่อทักษิณ แถมมีการคอร์รัปชันโครงการสารพัดอย่างตะกละตะกลาม โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ผู้คนหลายแสนคนที่มาจากทั่วสารทิศ และอีกกว่า 15 ล้านคนที่นั่งดูเอเอสทีวีทั่วโลก จึงได้ออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กับสนธิ-ลิ้มและแกนนำพันธมิตรฯ อย่างเหนียวแน่น
แม้นวันนี้..ทักษิณจะถูกกระบวนการยุติธรรม ในขั้นตอนต่างๆ ดำเนินคดีทุจริตอย่างมากมาย บางคดีที่ คตส.ได้ฟ้องตรงต่อศาลสถิตยุติธรรม จนมีแนวโน้มว่าทักษิณและภรรยาอาจติดคุกติดตะรางได้ ทำให้สองสามีภรรยากลัวจนต้องหนีออกจากแผ่นดินไทย ทำให้โดนศาลฯ ออกหมายจับไปทั่วโลกแล้วก็ตาม
ทว่ากระบวนการของคนในระบอบทักษิณ ที่อยู่ในรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครก็ยังคงทำร้ายชาติบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง การประท้วงขับไล่รัฐบาลสมัครของสนธิ-ลิ้ม และแกนนำพันธมิตรฯ จึงยังคงดำเนินต่อไปกว่า 80 วันแล้ว แต่รัฐบาลหุ่นเชิดสมัครก็ยังใช้วิธีการดื้อด้าน ทำไม่รู้-ไม่ชี้-ไม่ออก..ดันทุรังเป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพอย่างไร้ยางอาย
การต่อสู้ยืดเยื้อของสนธิ-ลิ้มกับแกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกให้นักการเมืองไทย หรือใครก็ตามที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองรู้ว่า คนไทย พ.ศ.นี้ และพ.ศ.หน้า คนชั่วทางการเมืองไม่มีวันที่จะหลอกลวง และโกงกินชาติได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว
ชัยชนะทางการเมืองจากการคดโกงทุกวิธีการ เพื่อคนไม่กี่คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุนทรเวชกับคณะรัฐมนตรี รวมทั้งนักการเมืองพรรคพลังประชาชนในสภาฯ ได้ทำมาหากินเงินทั้งราษฎร์และเงินหลวงจากโครงการใหญ่น้อยสารพัด บนความเดือดร้อนและแตกแยกของคนในชาติดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นการทำร้ายทำลายชาติไทยอย่างรุนแรงที่สุด
แต่คนไม่กี่คนอย่างสนธิ-ลิ้มและพันธมิตรฯ ที่มีประชาชนร่วมต่อสู้อย่างทรหดอยู่บนถนนราชดำเนิน รวมทั้งผู้คนที่ตื่นตัวจากการดูเอเอสทีวีทั่วโลกอีกกว่า 15 ล้านคน กำลังทำงานให้ชาติบ้านเมือง กำลังทำให้การเมืองไทยที่ตกอยู่ในกำมือคนชั่วไม่กี่คน กลับมาเป็นการเมืองใหม่ในกำมือของประชาชนอันไพศาลบนผืนแผ่นดินไทยครับ
ถ้าท่านเห็นว่า..ชาติไทย-หมดยุคการเมืองในกำมือคนชั่วไม่กี่คน และถึงเวลาที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ จะต้องมีส่วนร่วมชี้ชะตาบ้านเมืองแล้วล่ะก็..อย่านิ่งเฉย..อย่าเฉยอยู่เลย..!
ออกมา..เขียนประวัติศาสตร์ด้วยมือท่านเอง เป็นอีกแรงหนึ่งในการสู้และสร้างการเมืองใหม่ให้ชาติไทยนะครับ!!
ถึงเวลาที่ท่านจะต้องสร้างสังคมการเมืองที่ดี ให้ตกอยู่ในกำมือของเราและลูกหลานไทยทั้งชาติแล้วครับ!!!
สนธิ ลิ้มทองกุล แม้นชีวิตทางธุรกิจจะอยู่ในสภาพลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นๆ ลงๆ แต่เขาก็นำสื่อในเครือผู้จัดการต่อสู้กับอำนาจอธรรมมาตลอด โดยเฉพาะเหตุการณ์พฤษภาทมิฬนั้น สนธิ-ลิ้มได้ลุกขึ้นต่อกรกับเผด็จการทหาร รสช.อย่างกล้าหาญ
สนธิ-ลิ้มใช้สื่อในเครือของเขาวิพากษ์วิจารณ์ รสช.ตรงไปตรงมา จนทหารใหญ่บางคนในรสช.จะสังหารเขา แต่สนธิ-ลิ้มก็ยังคงสนับสนุนขบวนการต่อสู้ กับเผด็จการ รสช.ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องถึงขนาดสนธิ-ลิ้มบอกกับนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย เพื่อนคนหนึ่งของเขาว่า“บอกพวกเราให้สู้กับเผด็จการเต็มที่นะชัช พี่ยังมีเงินอีกห้าร้อยกว่าล้านบาท ชัชเอาไปใช้สู้แม่งเลย..”
อย่างไรก็ตาม..สนธิ-ลิ้มถูกทหารบางคนใน รสช.คุกคามอย่างหนัก ถึงขนาดยกกองกำลังทหารไปยังสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อจับกุมตัวสนธิ-ลิ้มตามแผนร้ายที่มีการวางไว้ล่วงหน้า แต่คุณพระคุ้มครอง..สนธิ-ลิ้ม หลบรอดเงื้อมมือทหารกลุ่มนั้นได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่เขาจะหลบพายุลมแรงไปอยู่ต่างประเทศชั่วขณะหนึ่ง แม้นอยู่ต่างแดน..แต่สนธิ-ลิ้มก็ยังคงใช้โทรศัพท์ประสานงานกับผู้คนที่ต่อสู้กับ รสช.อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเผด็จการทหาร รสช.ยุติบทบาทลง เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนทันที
ยุคผู้ปกครองบ้านเมืองดำเนินนโยบายผิดพลาดทางเศรษฐกิจ ทำให้ธุรกิจบริษัทห้างร้านคนไทยล้มครืนเป็นแถว สนธิ ลิ้มทองกุล ที่เคยรวยนับร้อยล้านพันล้าน ก็ได้รับผลกระทบคราครั้งนั้นเช่นกัน
แต่ด้วยโลกคือละครและชีวิตคือการต่อสู้ สนธิ-ลิ้มผู้ไม่เคยจำนนต่อปัญหาทั้งดีและร้าย เขายังทำธุรกิจสื่อสารมวลชนที่เขารักต่อไป แถมยังกัดฟันเปิดแนวรบสื่ออีกหลายด้าน รวมทั้งอินเทอร์เน็ตและเอเอสทีวีหรือโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนั่นเอง
แม้นสนธิ-ลิ้มจะรู้จักทักษิณเป็นอย่างดี แต่เมื่อมหาเศรษฐีแสนล้านได้เป็นนายกรัฐมนตรีสื่อในเครือผู้จัดการก็ให้แง่คิดในเชิง ต้องให้โอกาสคนรวยแล้ว (คงไม่โกง) ได้ทำคุณงามความดีให้แผ่นดินเสมอมา
แต่ทักษิณกลับทำลายความหวังของปวงชน ที่เชื่อว่าคนรวยแล้วจะไม่โกงเสียสิ้น เขาสลัดโอกาสทองในการทำดีให้กับชาติบ้านเมืองทิ้ง รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศเพียงเพื่อผลบวกของคะแนนเสียง และตั้งหน้าแสวงหาประโยชน์เข้าตนและพวกพ้อง โกงกินโครงการทั้งเล็กใหญ่อย่างมโหฬารหน้าด้านๆ
สนธิ-ลิ้มจึงติงเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รัฐบาลทักษิณก็หาฟังไม่ สนธิ-ลิ้มจึงใช้สื่อในเครือผู้จัดการเป็นอาวุธสำคัญ ในการต่อกรกับระบอบเผด็จการรัฐสภาทักษิณอย่างถึงลูกถึงคน สุดท้าย..สนธิ-ลิ้มจำต้องออกมาเป็นผู้นำมวลชนเลยทีเดียว
การต่อสู้รัฐบาลทักษิณของสนธิ-ลิ้ม เป็นบริบทแรกที่นำคนอย่าง จำลอง ศรีเมือง พิภพ ธงชัย สมศักดิ์ โกศัยสุข สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มารวมตัวกัน จนกลายเป็นองค์กรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งยังต้องจารึกไว้ว่า..มิติใหม่แห่งการลุกขึ้นขับไล่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา ของมวลมหาประชาชนในประเทศไทยแรมปีนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีและอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง การต่อสู้ครั้งนี้จึงมีประชาชนหลายแสนคนบนท้องถนน และผู้คนทั้งโลกที่นั่งดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์เอเอสทีวีกับอินเทอร์เน็ต ให้การสนับสนุนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยอีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ของประชาชน และวงการสื่อสารมวลชนยุคใหม่ ทั้งของชาติไทยและของโลกกลมๆ ใบนี้เลยทีเดียวเชียวครับ การต่อกรของพันธมิตรฯ กับทักษิณในครั้งแรกนั้น ดำเนินไปอย่างถึงพริกถึงขิงเกือบปี จนรัฐบาลทักษิณอยู่ในฐานะจะล้มมิล้มแหล่แล้ว คณะทหาร คมช.จึงออกมารัฐประหาร ทำให้รัฐบาลทักษิณม้วนเสื่อก่อนกาลอย่างกะทันหัน ในวันที่ 19 กันยายน 2549
ครั้งนั้น..คนไทยหวังว่า การรัฐประหารจะนำมาซึ่งสิ่งดีงาม ที่สำคัญต้องมีการกำจัดระบอบทักษิณ ซึ่งโกงกินบ้านเมืองให้หมดไปจากเมืองไทย แต่คมช.ก็ทำดีเพียงแค่ตั้ง คตส.ไว้ตรวจสอบ-สอบสวน-สืบสวน การทุจริตคอร์รัปชันรัฐบาลทักษิณและพวกพ้องเท่านั้น
ในขณะที่รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ของ คมช.ก็มิได้ให้ความร่วมมือกับ คตส.เลย ทำให้บรรดาข้าราชการของรัฐที่ยังคุมอำนาจในระบบราชการ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันร่วมกับรัฐบาลทักษิณ ไม่ให้ความร่วมมือและขัดขวางการทำงานของ คตส.อีกต่างหาก
สนธิ-ลิ้มที่ก้มหน้าก้มตาทำงานสื่อสารมวลชนของตน จึงต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์คมช.และรัฐบาลสุรยุทธ์อย่างเผ็ดร้อน อีกทั้งสนธิ-ลิ้มยังชี้ให้สังคมเห็นว่า การกระทำอันอ่อนแอของรัฐบาลสุรยุทธ์และคมช.จะทำให้ระบอบทักษิณใช้เงินซื้อเสียงในการเลือกตั้ง หวนกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งอย่างแน่นอน
แม่นราวจับวาง..ทุกอย่างเป็นไปตามการวิเคราะห์ของสนธิ-ลิ้ม คมช.และรัฐบาลสุรยุทธ์ได้เร่งให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 โดยไร้การปฏิรูปสื่อและการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทักษิณ สามารถใช้เงินซื้อคนในองค์กรอิสระบางแห่ง ซื้อข้าราชการในส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ทำให้เงินและกลโกงจากนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นอีกครา
หลังจากนั้นทักษิณก็ส่งหุ่นเชิด สมัคร สุนทรเวช ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้ง ครม.ขี้เหร่เข้าคุมอำนาจรัฐ ตั้งธงล้มรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จะหันกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อปลดความผิดของเขาและพรรคพวก ด้วยการล้มกระบวนการยุติธรรมที่ตรวจสอบเขาอยู่
นั่นเป็นชนวนทำให้ลูกจีนรักชาติอย่าง “แป๊ะลิ้ม-สนธิ-ลิ้ม” กับแกนนำพันธมิตรฯ อีก 4 คน รวมทั้งประชาชนคนไทยจำต้องออกมาต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งรัฐบาลสมัครบริหารประเทศเพียงเพื่อทักษิณ แถมมีการคอร์รัปชันโครงการสารพัดอย่างตะกละตะกลาม โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ผู้คนหลายแสนคนที่มาจากทั่วสารทิศ และอีกกว่า 15 ล้านคนที่นั่งดูเอเอสทีวีทั่วโลก จึงได้ออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ กับสนธิ-ลิ้มและแกนนำพันธมิตรฯ อย่างเหนียวแน่น
แม้นวันนี้..ทักษิณจะถูกกระบวนการยุติธรรม ในขั้นตอนต่างๆ ดำเนินคดีทุจริตอย่างมากมาย บางคดีที่ คตส.ได้ฟ้องตรงต่อศาลสถิตยุติธรรม จนมีแนวโน้มว่าทักษิณและภรรยาอาจติดคุกติดตะรางได้ ทำให้สองสามีภรรยากลัวจนต้องหนีออกจากแผ่นดินไทย ทำให้โดนศาลฯ ออกหมายจับไปทั่วโลกแล้วก็ตาม
ทว่ากระบวนการของคนในระบอบทักษิณ ที่อยู่ในรัฐบาลหุ่นเชิดสมัครก็ยังคงทำร้ายชาติบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง การประท้วงขับไล่รัฐบาลสมัครของสนธิ-ลิ้ม และแกนนำพันธมิตรฯ จึงยังคงดำเนินต่อไปกว่า 80 วันแล้ว แต่รัฐบาลหุ่นเชิดสมัครก็ยังใช้วิธีการดื้อด้าน ทำไม่รู้-ไม่ชี้-ไม่ออก..ดันทุรังเป็นรัฐบาลที่ไร้เสถียรภาพอย่างไร้ยางอาย
การต่อสู้ยืดเยื้อของสนธิ-ลิ้มกับแกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เป็นสัญญาณบอกให้นักการเมืองไทย หรือใครก็ตามที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองรู้ว่า คนไทย พ.ศ.นี้ และพ.ศ.หน้า คนชั่วทางการเมืองไม่มีวันที่จะหลอกลวง และโกงกินชาติได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว
ชัยชนะทางการเมืองจากการคดโกงทุกวิธีการ เพื่อคนไม่กี่คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุนทรเวชกับคณะรัฐมนตรี รวมทั้งนักการเมืองพรรคพลังประชาชนในสภาฯ ได้ทำมาหากินเงินทั้งราษฎร์และเงินหลวงจากโครงการใหญ่น้อยสารพัด บนความเดือดร้อนและแตกแยกของคนในชาติดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นการทำร้ายทำลายชาติไทยอย่างรุนแรงที่สุด
แต่คนไม่กี่คนอย่างสนธิ-ลิ้มและพันธมิตรฯ ที่มีประชาชนร่วมต่อสู้อย่างทรหดอยู่บนถนนราชดำเนิน รวมทั้งผู้คนที่ตื่นตัวจากการดูเอเอสทีวีทั่วโลกอีกกว่า 15 ล้านคน กำลังทำงานให้ชาติบ้านเมือง กำลังทำให้การเมืองไทยที่ตกอยู่ในกำมือคนชั่วไม่กี่คน กลับมาเป็นการเมืองใหม่ในกำมือของประชาชนอันไพศาลบนผืนแผ่นดินไทยครับ
ถ้าท่านเห็นว่า..ชาติไทย-หมดยุคการเมืองในกำมือคนชั่วไม่กี่คน และถึงเวลาที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ จะต้องมีส่วนร่วมชี้ชะตาบ้านเมืองแล้วล่ะก็..อย่านิ่งเฉย..อย่าเฉยอยู่เลย..!
ออกมา..เขียนประวัติศาสตร์ด้วยมือท่านเอง เป็นอีกแรงหนึ่งในการสู้และสร้างการเมืองใหม่ให้ชาติไทยนะครับ!!
ถึงเวลาที่ท่านจะต้องสร้างสังคมการเมืองที่ดี ให้ตกอยู่ในกำมือของเราและลูกหลานไทยทั้งชาติแล้วครับ!!!