ภายหลังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งออกหมายจับ
ปรับสัญญาประกันจำนวน 13 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 1-2 คดี
ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก หลังจากไม่เดินทางกลับมารายงานตัวตามเงื่อนไขการอนุญาตเดิน
ทางออกนอกประเทศนั้น
เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) นายณรัช อิ่มสุขศรี เลขานุการศาลอาญา กล่าวถึงกรณีคุณหญิงพจมาน
ชินวัตร ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ว่า หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออก
หมายจับคุณหญิงพจมานแล้ว ขณะนี้สำนักงานเลขานุการศาลอาญา ก็กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงว่า
หากปรากฏแน่ชัดว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นจำเลยในคดีจงใจเลี่ยงภาษีหุ้นชินวัตร
คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี
โดยไม่รอลงอาญาไปแล้วนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวและยื่นอุทธรณ์ ได้หลบหนีไปที่
ประเทศอังกฤษ
ดังนั้นในวันนี้ (13 ส.ค.) จะนำข้อเท็จจริงนี้เข้าหารือกับ นายปราโมทย์ พิพัทธ์ปราโมทย์ ผู้
พิพากษาอาวุโสศาลอาญา ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีจงใจเลี่ยงภาษี ว่า องค์คณะศาลอาญาจะเห็น
สมควรให้มีหมายเรียกจำเลย และนายประกันมาตรวจสอบว่ายังมีตัวตนอยู่หรือไม่ ถ้าคุณหญิงพจมาน
ไม่มาโดยไม่ปรากฏเหตุผลที่รับฟังได้ ก็เท่ากับว่าหลบหนี องค์คณะอาจพิจารณาสั่งปรับเงินประกัน
จำนวน 5 ล้านบาท เพราะผิดสัญญาประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ และ ออกหมายจับคุณหญิงพจมานใน
คดีดังกล่าวด้วย เพื่อให้ได้ตัวคุณหญิงพจมานมาศาล
"ตามกฎหมายอาญา คดีหลบเลี่ยงภาษีฯ คุณหญิงพจมานถือเป็นจำเลยที่ศาลอนุญาตให้
ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ หากศาลปรับเงินประกัน และมีหมายจับเมื่อได้ตัวมา คุณหญิงพจมานมี
สิทธิขอยื่นประกันอีกครั้ง ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจะไม่หลบหนี ก็จะไม่ให้ประกัน คุณหญิงพจมานก็
จะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ เรียกว่าขังระหว่างอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ประกัน ยังไม่เรียกว่าเป็นการคุมขัง
ตามคำพิพากษาจำคุก 3 ปี ของศาลชั้นต้น เพราะคดียังมีการอุทธรณ์อยู่" เลขานุการศาลอาญากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้หากปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่า นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชาย
บุญธรรมคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี และ 2 ปี ด้วยนั้นได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ หรือหลบ
หนีไปพร้อมกับคุณหญิงพจมานด้วย จะดำเนินการด้วยหรือไม่ นายณรัช กล่าวว่า องค์คณะฯ คดีจงใจ
เลี่ยงภาษีฯ ก็มีอำนาจออกหมายจับ และสั่งปรับเงินประกันที่บุคคลทั้งสองเช่นกัน ซึ่งทั้งสองศาลตี
ราคาประกันไว้คนละ 5 ล้านบาท เหมือนคุณหญิงพจมาน ซึ่งรวมวงเงินประกันทั้งสามแล้วเป็นเงิน 15
ล้านบาท
**อัยการลากคอ"แม้ว-อ้อ"กลับไทย
วานนี้ (12 ส.ค.) แหล่งข่าวในสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าหลังจากที่ นายชัยเกษม นิติ
สิริ อัยการสูงสุดได้หารือกับนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เกี่ยวกับแนวทาง
ขั้นตอนการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อวันที่ 11
ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นเห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองแล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสอง
อยู่นอกราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการที่จะต้องดำเนินการขอตัวทั้งสอง
เป็นผู้ร้ายข้ามแดน จากประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป เพราะคดีที่ดินรัชดาฯ
ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานจำเลยของศาลฎีกา ซึ่งการดำเนินการตามหมายจับของศาลฎีกา เพื่อนำ
ตัวจำเลยทั้งสองมาดำเนินคดี จึงเป็นหน้าที่ของอัยการ ไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกระทรวง
การต่างประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปอัยการ จะดูว่ารูปคดีเข้าตามหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
หรือไม่ ซึ่งหากเข้าหลักเกณฑ์ ก็จะมอบให้สำนักงานอัยการต่างประเทศ นำตัวจำเลยมาโดยการ
ประสานกับสำนักงานอัยการของประเทศอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง
ทั้งนี้ หากพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน อ้างว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง ไม่ใช่คดีอาญา
มีอัตราโทษถึงประหารชีวิต และยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อกระทรวงมหาดไทยประเทศอังกฤษพิจารณา
อนุญาตให้ลี้ภัย และไม่ให้ศาลอังกฤษส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทย จะทำให้การขอให้ส่ง
ตัวจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ก็อาจจะมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้นอีก โดยเชื่อ
ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างข้อกฎหมายมาต่อสู้อย่างเต็มที่
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า ดังนั้นอัยการสูงสุด จึงเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานอัยการพิจารณา
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการขอลี้ภัย , พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และสนธิสัญญาข้อตกลง
ด้านกฎหมายระหว่างประเทศไทย และอังกฤษ เพื่อติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
จำเลยทั้งสอง ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
โดยคาดว่าอัยการสูงสุด จะมีคำสั่งแต่งตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดอาวุโส
ลำดับ 1 เป็นประธานคณะทำงานฯ ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการ
ฝ่ายต่างประเทศ และอัยการระดับสูง ที่มีความเชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงาน
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
เรื่องที่อัยการสูงสุด จะมีคำสั่งตั้งคณะทำงานติดตามตัวจำเลยทั้งสองในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ แต่การ
ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน เป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรง และเชื่อว่า อัยการน่าจะทำงานได้เร็ว โดยอัยการ
หลายคนเคยมีประสบการณ์ ในการประสานงานกับอัยการอังกฤษมาแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้อัยการ
สูงสุด ก็ได้ตั้งคณะทำงานติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จากประเทศอังกฤษ มาขึ้น
ศาลฎีกาฯ เพื่ออ่านอธิบายคำฟ้องและสอบคำให้การในการนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว
**คดีที่รับฟ้องแล้วไม่สะดุด
ขณะที่นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ ในฐานะหัวหน้า
ทีมทนายความว่าความคดีในศาลฎีกาฯ ให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับคดีที่สภาทนาย
ความรับว่าความให้แก่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นโจทก์ ฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่ คดี
โครงการออกสลากรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน , คดีปล่อยเงินกู้ธนาคารเอ็กซิ
มแบงก์ ให้แก่ประเทศพม่า และคดีทุจริตกล้ายางพารา ซึ่งศาลฎีกาฯ รับฟ้องไว้ทั้ง 3 คดี เห็นว่าแม้
พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จะไม่เดินทางกลับมาต่อสู้คดีด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่า ศาลจะ
สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้
เนื่องจากกระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ นั้นไม่จำเป็นต้องพิจารณาคดีต่อหน้าจำเลย
อีกทั้งศาลฎีกาฯ ใช้วิธีพิจารณาคดีในระบบไต่สวน ซึ่งแตกต่างจากคดีอาญาทั่วไป ที่เป็นระบบกล่าวหา
ซึ่ง ในคดีอาญาทั่วไปนั้นหากจำเลยหลบหนี ศาลอาจสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราว แต่สำหรับคดีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ศาลสามารถดำเนินการพิจารณาไปจนกระทั่งมีคำพิพากษาได้
เช่นเดียวกับกรณีของนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่หลบหนีคดี แต่ศาลก็มีคำ
พิพากษาได้
นายสิทธิโชค กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่มาปรากฏตัวต่อศาลนั้น
เท่ากับจำเลยทั้งสองไม่ติดใจจะสู้คดี แต่หากจำเลยทั้งสอง จะนำส่งเอกสารประกอบคำให้การให้ศาล
ฎีกาฯ พิจารณานั้นสามารถระทำได้ แต่ความน่าเชื่อถือจะมีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ
ดุลพินิจขององค์คณะผู้พิพากษา ซึ่งกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีอยู่นั้น ไม่อยากให้มองเป็นเรื่อง
การเมือง เพราะเป็นคดีที่มีความผิดทางอาญา แต่ใช้ลงโทษกับนักการเมืองเท่านั้น
**สภาทนายจี้อัยการลากคอแม้ว
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออก
แถลงการณ์ว่า ที่ถูกดำเนินคดีก็เพราะเป็นผลมาจากต้นไม้ที่เป็นพิษ และกระบวนการยุติธรรมมีสอง
มาตรฐาน นั้น เห็นว่าที่ผ่านมา ศาลได้ใช้หลักนิติธรรม ในการดำเนินคดี ไม่ใช่ว่าจะมาวิจารณ์ว่าศาล
ไทยมีสองมาตรฐาน และอ้างว่าถูกดำเนินคดี เพราะผลไม้มีพิษนั้นไม่ถูกต้อง
"พิษมันอยู่ที่เขา เพราะปุ๋ยมันมีพิษ มันก็เลยทำให้เป็นพิษไปหมด ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าเป็น
เรื่องการเมือง ผมขอเรียกร้องให้อัยการ ดำเนินการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศ
เพราะศาลออกหมายจับแล้ว อัยการสูงสุด ต้องรีบตั้งคณะทำงาน ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะ
ต้องเอาหมายจับไปติดไว้ทุกด่าน ทุกสนามบิน และท่าเรือ" นายกสภาทนายความ กล่าว
**จ่อฟ้องยึดทรัพย์แม้ว 7.6 หมื่นล.
นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการ สำนวน
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยถึงการพิจารณา
สำนวนคดี ร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน
76,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวชินวัตร
ว่า หลังจากที่คณะกรรมการร่วมอัยการ และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ
(ป.ป.ช.) ได้ประชุมหารือกันแล้ว ทางป.ป.ช.ยืนยันต้องการให้อัยการส่งสำนวนยึดทรัพย์ทั้ง 7.6 หมื่น
ล้านบาท ขณะนี้อัยการได้เขียนบรรยายฟ้องในคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างเสนอให้ นายชัย
เกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดพิจารณา ลงความเห็น คาดว่าจะสามารถนำสำนวนส่งฟ้องต่อศาลได้โดยจะ
มอบหมายให้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นผู้นำสำนวนไปยื่นฟ้องใน
สัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียึดทรัพย์นั้น ก่อนหน้าที่ป.ป.ช.จะรับหน้าที่พิจารณาสำนวน
นั้น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้รวบรวมพยาน
หลักฐาน และ คตส.มีความเห็นชี้มูลความผิดพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ 76,000
ล้านบาท ซึ่ง คตส.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลในตระกูลชินวัตร เป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 16
บัญชี จำนวน 69,000 ล้านบาทไว้ และส่งสำนวนหลักฐานให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี ซึ่งครั้งแรก
คณะทำงานอัยการที่ อัยการสูงสุดตั้งขึ้นให้พิจารณาสำนวนคดี คตส.นั้น เคยมีความเห็นว่า ควรจะร้อง
ขอยึดทรัพย์ 69,000 ล้านบาท ที่ถูกอายัด เงินที่เหลืออีกกว่าหมื่นล้านบาทนั้น ยังไม่มีหลักฐานถึงแหล่ง
ของเงินว่าอยู่ที่ใด ดังนั้นเมื่อ คตส.พ้นการทำหน้าที่ไปเมื่อ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ช. จึงได้เข้ามาทำ
หน้าที่แทน คตส. และมีการตั้งคณะกรรมการร่วมอัยการ-ป.ป.ช. ดังกล่าว
สำหรับ บัญชีเงินฝาก 16 บัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวชินวัตร ที่ถูกอายัดไว้ใน
ชั้น คตส. มีดังนี้ ธ.กสิกรไทย 36 ล้านบาท, ธ.กรุงเทพ 18,156 ล้านบาท, ธ.กรุงศรีอยุธยา 2,125 ล้าน
บาท, ธ.ทหารไทย 10 ล้านบาท, ธ.ไทยพาณิชย์ 39,634 ล้านบาท , ธ.ธนชาต 1,476 ล้านบาท, ธ.นคร
หลวงไทย 1 ล้านบาท, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 500 ล้านบาท, ธ.ยูโอบี รัตนสิน
492 ล้าน บาท, ธ.ออมสิน 15,748 ล้านบาท, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 200 ล้านบาท, ธนาคารอิสลาม
แห่ง ประเทศไทย 10,000 ล้านบาท, บลจ.กสิกรไทย 208 ล้านบาท, บลจ.ไทยพาณิชย์ 2,237 ล้านบาท,
บลจ.แอสเซทพลัส 172 ล้านบาท และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์และที่ดิน 2,722 ล้านบาท
**ไม่ถอนอายัดเงินแม้ว7หมื่นล้าน
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ
ป.ป.ช. กล่าวถึงการอายัดเงิน 70,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจในการถอน
อายัด เนื่องจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ
คตส. ได้อายัดไว้ ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 และไม่ได้มีการถอนอายัด ดังนั้น ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจ
ถอนอายัดเงินดังกล่าว จึงต้องอายัดเงินต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้า อัยการจะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิด
ปกติ จากการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมเสนอให้ยึดเงินดังกล่าวด้วย
นายกล้านรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ขออยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยไม่กลับมาสู้คดี
โดยอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงว่า ไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แต่ใน
ส่วนขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. และ คตส. ยืนยันว่า ทำตามกรอบที่อยู่ในกฎหมาย และไม่มีอคติ
อย่างแน่นอน
**CNN เสนอรายงานพิเศษ"แม้ว"หนีคดี
แดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นประจำกรุงเทพฯ ได้สัมภาษณ์ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ซึ่งให้
ความเห็นว่า"ทักษิณ" ควรกลับมาสู้คดี ควรต้องยอมรับให้ระบบศาลยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดสุดท้าย
ทั้งนี้ รายงานของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ทักษิณ ผู้มีมากหน้าหลายด้าน นักธุรกิจหมื่นล้าน
ดอลลาร์, นายกฯผู้ทรงอำนาจที่ถูกโค่นด้วยการรัฐประหาร, เจ้าของทีมฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ
เวลานี้ เป็นผู้หลบหนีคดี จากเงื้อมมือกฎหมายไทย
ในวันเวลาแห่งอดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว ทักษิณ คุ้นเคยกับการแถลงข่าวจนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เมื่อคืนนั้น ไม่มีกล้องจับภาพ ขณะที่เขาบินอย่างลับๆ จากโอลิมปิกในปักกิ่ง ไปยังลอนดอน
ณ ที่พำนักของเขาในลอนดอน อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในอาการเก็บเนื้อเก็บตัว
เขาควรที่จะมาปรากฏตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สถานที่แห่งการเผชิญหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง ระหว่าง ครอบครัวชินวัตร กับพวกที่ต้องการเห็น
พวกเขาถูกตัดสินว่า มีการกระทำความผิดตามข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ แม้ว่าทักษิณ ยืนกรานเรื่อย
มาว่าเขาบริสุทธิ์
บทต่อไปของสงครามอันยืดเยื้อดังกล่าวนี้ กำหนดจะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ ทว่า ทักษิณไม่
ได้มาปรากฏตัว
คุณหญิงพจมาน ภรรยาของเขา เมื่อเร็วๆนี้ได้ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ด้วยความผิดฐาน
หลบเลี่ยงการเสียภาษี เธออยู่ในช่วงของการได้รับการประกันตัว ก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์
ตอนที่เธอกับสามีหนีไปยังลอนดอน
จวบจนถึงเวลานี้ ถ้อยคำที่ออกมาจากทักษิณ ก็มีเพียงสิ่งที่เขียนด้วยลายมือ แฟกซ์ฉบับนี้
ถูกส่งออกมาหลังจากที่เขาบินไปลงที่ลอนดอนแล้ว
คำแถลงฉบับนี้บอกว่า เขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมในประเทศไทย
และเขากลัวถูกหมายปองเอาชีวิต
**"สนธิ"ชี้"แม้ว"ควรกลับมาสูคดี
"สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้คัดค้านทักษิณ
อย่างดุเดือดที่สุดคนหนึ่ง กล่าวว่า ทักษิณ ควรที่จะกลับมาเมืองไทย
"เขาควรที่จะกลับมาที่นี่ เพื่อสู้คดีในศาล ถ้าศาลตัดสินว่า เขาไม่ได้กระทำความผิดอะไร ก็
ให้เป็นไปตามนั้น ผมยินดีที่จะยอมรับ เพราะผมคิดว่า เราจะต้องยอมรับระบบศาลยุติธรรม ว่าเป็นคำ
ตัดสินชี้ขาดสุดท้ายของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ดังนั้น...”
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น พูดแทรกขึ้นมา "เขารู้สึกวิตกที่จะต้องเผชิญกับความยุติธรรมใช่ไหม"
"ถูกต้องเลยครับ และผมไม่ได้พอใจเลย ที่เขาไม่ต้องการกลับมา" สนธิ ตอบ
แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองกลับมีความเห็นว่า บางส่วนในหมู่ผู้มีอำนาจของไทย อาจจะ
ไม่ต้องการให้ทักษิณ กลับมา
อาจารย์ สุรัตน์ โหราชัยกุล แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า " แน่นอนว่าตาม
กฎหมายไทยนั้น อาจจะมีการขอให้ส่งตัวเขากลับมา เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัย แต่ผมคิดว่าพวกผู้มีอำนาจ
จำนวนหนึ่งในประเทศไทย ไม่ได้ชอบเลยที่จะเห็นเขาเดินทางกลับเมืองไทยตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น
พวกเขาอาจจะไม่ได้มีความจริงจังอะไรนักในเรื่องการขอให้เนรเทศตัวเขากลับมา"
การผงาด และก้าวขึ้นสู่อำนาจของทักษิณ เป็นเรื่องที่มีความโดดเด่น เขาชนะการเลือกตั้ง
แบบถล่มทลาย 2 ครั้ง แต่ก็ถูกตามจี้ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธ
การที่เขาถูกโค่นด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 49 ก็มิได้เป็นการยุติอิทธิพลของเขาที่มีต่อการ
เมืองไทย "สมัคร สุนทรเวช" ผู้ประกาศยอมรับเองว่า เป็นตัวแทนของเขา ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้เหตุการณ์ดูเหมือนกับว่า เมื่อเพื่อนมิตรของเขาเป็นผู้บริหารประเทศ
ทักษิณ ย่อมสามารถที่จะกลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างสง่างาม ดังที่เขาก็ได้กระทำเช่นนั้นจริงๆ เมื่อ
ตอนต้นปีนี้
ตอนนั้น เขาเดินทางกลับภายหลังไปลี้ภัยอยู่หลายเดือนในอังกฤษ เพื่อต่อสู้ปกป้องชื่อเสียง
ของเขา แต่ในตอนนี้ เขาเลือกที่จะเดินทางไปอยู่ยังอีกมุมหนึ่งของโลก แทนที่จะนำเอาตัวเองเข้ามาอยู่
ในระบบศาลยุติธรรมของไทย
**เตรียมริบ"พาสปอร์ตแดง"ของแม้ว
นายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับ
การประสานจากศาล ถึงหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยในคดี
ทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ซึ่งหากได้รับการประสานมา จะมีการประสานต่อไปยัง
กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ แต่ระหว่างนี้จะศึกษาถึงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่าจะ
ครอบคลุมถึงกรณีนี้เพียงใด รวมถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาถอนหนังสือเดินทางการทูต หรือ
พาสปอร์ตเล่มแดง ของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ซึ่งจะต้องกลับไปพิจารณากฎ ระเบียบของกระทรวงการ
ต่างประเทศ ให้ชัดเจนอีกครั้ง
รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ฐานะเจ้าของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี ของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อุปสรรคในการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ต้องพิจารณาตามกฎหมายผ่านเข้าเมือง
ของอังกฤษ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ของอังกฤษเป็นผู้รับผิดชอบ โดยต้องใช้เวลาในการประสานกัน
ซึ่งยังไม่สามารถระบุระยะเวลาได้
**อัด"แม้ว"ป้ายสีศาลกระทบชิ่งสถาบันฯ
ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจาร์ยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวที
ปราศรัยของพันธมิตรฯ ว่า ปัญาหาสะสมที่เกิดขึ้น เกิดจากคนคนเดียว เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
การเมืองไทยได้พัฒนาในทางลบตลอดมา สังคม เศรษฐกิจ เกิดความระส่ำระส่าย เพราะคนไทยส่วน
ใหญ่ถูกมอมเมา จากระบอบทักษิณ
การที่ประเทศไทยต้องเผชิญชะตากรรมอย่างนี้ เพราะคนชั้นปกครองไม่สนใจอะไร บาง
คนพยายามปิดบังกำพืด รากเหง้าของตัวเอง คนแบบนี้หรือที่จะมาปกครองประเทศ ขณะที่บางคนยก
หางตัวเอง กลายเป็นลูกพระยาทำตัวเป็นสมุนรับใช้ระบอบทักษิณ ยกตัวอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนก้าว
ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นมวยรองบ่อน ฉกฉวยหาโอกาส เงื่อนไขทางเศราฐกิจการ
เมือง สร้างโอกาสสร้างฐานะขึ้นมา
ทั้งนี้ ศ.ดร.ภูวดล เชื่อว่า หากการสร้างโอกาสสร้างฐานะเป็นไปด้วยความสุจริต คนใน
ประเทศจะยกย่อง แต่ความร่ำรวยมั่งคั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตั้งอยู่บนความเดือดร้อนของประเทศ ตั้ง
อยู่บนการฉ้อโกง ฉ้อรษฎร์บังหลวงอยู่ตลอดเวลา แค่นั้นยังไม่พอ ยังเล่นลิเกหลอกประชาชนยาวนาน
ถึง 7 ปี ประชาชนต้องทนลำเค็ญกับสิ่งที่ระบอบทักษิณได้กระทำต่อการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เป็น
เหตุให้เกิดการลุกขึ้นมาสู้ของประชาชน และพันธมิตรฯ ในท้ายที่สุด
"ลำพังเพียงแกนนำพันธมิตรฯ 5 คน คงไม่สามารถทำอะไรระบอบทักษิณได้ แต่วันนี้พี่
น้องประชาชนออกมาก็เพราะรู้ว่า ประเทศชาติกำลังทรุดโทรม ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จะไปหวังให้
รัฐบาลหรือใครมาช่วยเหลือ ประเทศนี้ถูกปิดบังซ่อนเงื่อนไปทุกจุด ประชาชนจึงต้องลุกออกมาต่อสู้
เพื่อให้ได้ความถูกต้อง และเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ แม้จะยาวนานเท่าใดก็ไม่หวั่นอีกด้วย" ศ.
ดร.ภูวดล กล่าว
ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงแถลงการณ์หนีคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าตนได้คาดการณ์ไว้ก่อน
ล่วงหน้าแล้วว่า การเดินทางออกนอกประเทศเที่ยวนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการไปแล้วไม่กลับ
ครั้งนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ศาลไม่ควรให้ผู้ต้องหาคดีการเมืองได้
ประกันตัวอีกต่อไป นี่ขนาดหนีไปแล้วยังมีหน้ามาออกแถลงการณ์ประณามกระบวนการยุติธรรม
ของประเทศไทยอีก และหากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง จะเห็นว่า พยายามทิ่มแทงสถาบันเบื้องสูงทั้งสิ้น
"จำได้ กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสว่า บ้านเมือง
กำลังตกอยู่ในวิกฤตที่สุดในโลก แล้วทรงวิงวอนให้ศาลมาช่วยแก้ไขปัญหา ถึงขนาดทรงตรัสว่า ถ้า
ศาลทำการไม่สำเร็จประเทศชาติก็พัง วันนี้กระบวนการยุติธรรม หรือกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็
ได้ทำหน้าที่อย่างยุติธรรมแล้ว แต่คนเหล่านี้ เมื่อมันซื้อ มอมเมา ให้สินบนกระบวนการยุติธรรมไม่ได้
คนเหล่านี้ก็เฉไฉ จำกรณีเงิน 2 ล้านยัดอยู่ในกล่องขนมได้หรือไม่ หากเป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดาคงทำ
ไม่ได้แน่นอน" ศ.ดร.ภูวดล กล่าวทิ้งท้าย
**สมชายพร้อมช่วยเหลือแม้ว-อ้อ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะน้องเขย พ.ต.ท.
ทักษิณ ระบุสถานการณ์การเมืองในประเทศจะดีขึ้นหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา
เพราะการเมืองไทยยังคงเดินหน้าตามปกติ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยังไม่
ทราบว่า ได้มีการขอยื่นลี้ภัยต่อรัฐบาลอังกฤษหรือไม่ เพราะถือเป็นสิทธิส่วนตัว และไม่ทราบว่ามีคน
ในครอบครัวแนะนำให้ลี้ภัย เพียงแต่ตนเคยแนะนำให้หาทนายความที่ดีเท่านั้น ทั้งนี้ในฐานะญาติ
พร้อมให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม และความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบ
ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศอังกฤษจริงหรือไม่ เพราะเพียงแค่ติดตามจากข่าวเท่านั้น
นายสมชาย ไม่ขอวิจารณ์แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศ
เสียหาย หรือมีนัยทางการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และถือเป็นสิทธิของ พ.ต.ท.
ทักษิณ ที่ตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างไร พร้อมย้ำหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยจริง ก็ไม่กระทบต่อรัฐบาล หรือ
พรรคพลังประชาชน
ส่วนกระแสข่าวที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนบางรายเตรียมตั้งพรรคใหม่ หรือย้ายไป
พรรคอื่นนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ถือว่าเป็นการเนรคุณ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
**ผบ.ทบ.จวกแม้วไม่เคารพศาล
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
และคุณหญิงพจมานไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลฎีกาฯ และไปพำนักที่ประเทศอังกฤษ โดยให้
เหตุผลว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการจะดีที่สุด
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมนั้น เห็นว่าประชาชน
ทุกคนจะต้องยึดมั่นถือมั่นใน 3 อำนาจหลักของประเทศ คือ อำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
สังคมจึงจะเดินไปได้ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิต ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
จะต้องดูแล ทหารคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ต่างประเทศจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์ก็เริ่มจะเย็นลง และจากนี้ไปก็คงจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ขอให้ความเห็นว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะเดินทางกลับมาสู้คดีหรือไม่
**"บิ๊กจิ๋ว"เชื่อความขัดแย้งจะยุติ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ
หนีคดี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องการไปจากข้อขัดแย้ง เพื่อให้อะไรๆ ดีขึ้น และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไม่
อยู่แล้ว คิดว่าความขัดแย้งต่างๆน่าจะยุติ ต่อไปนี้คนไทยน่าจะสบายใจได้ ทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันจะชุมนุมต่อไป คิดว่าคงมีปัญหาอื่นอีก
"ผมไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรอีก ความขัดแย้งในสังคมเรามีแน่ แต่ควรจะเอาเรื่องหลักๆ ดี
กว่า เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องไปสนใจมาก แล้วหันหน้ามาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง เพราะตอนนี้เราล้าหลัง
เกินไปแล้ว" พล.อ.ชวลิตกล่าว
ต่อกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในแถลงการณ์ว่า กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงจะทำ
ให้กระทบภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเช่นนั้น ไม่ทราบ
ว่าเพราะมีข้อมูลอะไรหรือไม่ แต่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการถือดุลในสังคม คิดว่าเจ้าหน้าที่ใน
กระบวนการยุติธรรม คงพยายามทำอย่างดีที่สุด พยายามรักษาความเป็นผู้ถือดุลเอาไว้ให้ได้ เราจึงควร
ให้กำลังใจเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปรัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริง
จะชัดเจนขึ้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช ก็พยายามทำงาน เราจะต้องให้กำลังใจ และ
ส่วนตัวยังมองไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร ส่วนที่นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน
ระบุว่า มีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีรับเช็ค 10 ล้านบาทนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า จะต้องเห็นใจนายก
รัฐมนตรี
"ถ้าให้นายกรัฐมนตรีมายุ่งเรื่องเล็กน้อย หรือยุ่งกับคำพูดของคนทุกคน ที่ออกมาพูดทุกวัน
วันๆ คงไม่ต้องทำอะไร ต้องคอยแก้ตัวกับคำพูดของคน 63 ล้านคน ดังนั้น ถ้านายศักดา มีข้อเท็จจริง
และเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ถ้ามีคนไม่ดีอยู่ในรัฐบาล คนนั้นก็ต้องรับ
โทษไปเป็นธรรมดา ไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดพ้นกรรมได้สักคน" พล.อ.ชวลิตกล่าว
**ถ้ารัฐบาลห่วยแตก ต้องจัดการ
ต่อข้อถามว่า มั่นใจว่ารัฐบาลจะพาประเทศรอดพ้นวิกฤตได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า
ไม่ไว้ใจรัฐบาล แล้วจะไว้ใจใคร เราต้องมอบความไว้วางใจให้เขา นอกจากเขา "ห่วยแตกจริงๆ" เรา
ถึงจะมาจัดการกัน พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถอยู่ครบวาระ 4 ปี เพราะ
รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนายสมัคร จะมีปัญหาเรื่องอื่นๆ
ส่วนการที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า ฝ่ายการเมืองจะแทรกแซงการปรับย้ายนายทหาร พล.อ.
ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มี เชื่อว่าไม่มีใครแทรกแซงโผทหาร แต่ถ้าใครแทรกแซงก็ต้องออกมาประจาน
ว่าตั้งไปแล้ว แต่มีคนนี้มาเปลี่ยน
**แถลงการณ์แม้วหมิ่นศาลหรือไม่
ม.ล.ไกรกฤษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา กล่าวถึง
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ หลังหนีคดีไปอยู่ประเทศอังกฤษ โดยระบุว่า กระบวนการ
ยุติธรรมของไทยถูกแทรกแซงนั้น ตนไม่อยากที่ไปกล่าวอะไรที่ไปตอบโต้ในเรื่องนี้ เพราะอยู่ใน
ตำแหน่งตุลาการ ดูแล้วไม่เหมาะสม
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงนั้น เท่าที่ตนทำหน้าที่อยู่ และ
อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และอยู่ในสถาบันตุลาการ ตนก็มองเรื่องนี้อยู่ เท่าที่เห็น ก็ไม่เห็นจะมีการ
แทรกแซง ส่วนจะมีความพยายามที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ตนไม่รู้ อย่างไรก็ตาม
สถาบันตุลาการก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และตุลาการจะต้องทำหน้าที่ตุลาการให้ดีที่สุด
ส่วนคำแถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะหมิ่นอำนาจศาลหรือไม่ ตนไม่ได้เป็นองค์คณะ
ในคดีดังกล่าว จึงไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตุลาการที่เป็นองค์ที่รับผิดชอบคดี จะไป
พิจารณากัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตุลาการสายศาลฎีกา ที่มารับตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐ
ธรรมนูญ ทั้งเก่าและใหม่ อาทิ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสมชาย พงษ์ธา นายธานิศ เกศวพิทักษ์ สาย
ว่างแต่ไม่รับสาย ส่วนอื่นๆก็ปิดโทรศัพท์ หรือไม่ก็ตัดสายทิ้ง ขณะที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ปฏิเสธที่
จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเคยเป็นองค์คณะในการพิจารณา หากพูดไปก็จะเป็นการเสียมรยาท
ปรับสัญญาประกันจำนวน 13 ล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 1-2 คดี
ทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก หลังจากไม่เดินทางกลับมารายงานตัวตามเงื่อนไขการอนุญาตเดิน
ทางออกนอกประเทศนั้น
เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.) นายณรัช อิ่มสุขศรี เลขานุการศาลอาญา กล่าวถึงกรณีคุณหญิงพจมาน
ชินวัตร ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ว่า หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออก
หมายจับคุณหญิงพจมานแล้ว ขณะนี้สำนักงานเลขานุการศาลอาญา ก็กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงว่า
หากปรากฏแน่ชัดว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งเป็นจำเลยในคดีจงใจเลี่ยงภาษีหุ้นชินวัตร
คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี
โดยไม่รอลงอาญาไปแล้วนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวและยื่นอุทธรณ์ ได้หลบหนีไปที่
ประเทศอังกฤษ
ดังนั้นในวันนี้ (13 ส.ค.) จะนำข้อเท็จจริงนี้เข้าหารือกับ นายปราโมทย์ พิพัทธ์ปราโมทย์ ผู้
พิพากษาอาวุโสศาลอาญา ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนคดีจงใจเลี่ยงภาษี ว่า องค์คณะศาลอาญาจะเห็น
สมควรให้มีหมายเรียกจำเลย และนายประกันมาตรวจสอบว่ายังมีตัวตนอยู่หรือไม่ ถ้าคุณหญิงพจมาน
ไม่มาโดยไม่ปรากฏเหตุผลที่รับฟังได้ ก็เท่ากับว่าหลบหนี องค์คณะอาจพิจารณาสั่งปรับเงินประกัน
จำนวน 5 ล้านบาท เพราะผิดสัญญาประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ และ ออกหมายจับคุณหญิงพจมานใน
คดีดังกล่าวด้วย เพื่อให้ได้ตัวคุณหญิงพจมานมาศาล
"ตามกฎหมายอาญา คดีหลบเลี่ยงภาษีฯ คุณหญิงพจมานถือเป็นจำเลยที่ศาลอนุญาตให้
ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ หากศาลปรับเงินประกัน และมีหมายจับเมื่อได้ตัวมา คุณหญิงพจมานมี
สิทธิขอยื่นประกันอีกครั้ง ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจะไม่หลบหนี ก็จะไม่ให้ประกัน คุณหญิงพจมานก็
จะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ เรียกว่าขังระหว่างอุทธรณ์ เพราะไม่ได้ประกัน ยังไม่เรียกว่าเป็นการคุมขัง
ตามคำพิพากษาจำคุก 3 ปี ของศาลชั้นต้น เพราะคดียังมีการอุทธรณ์อยู่" เลขานุการศาลอาญากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้หากปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่า นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชาย
บุญธรรมคุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี และ 2 ปี ด้วยนั้นได้เดินทางไปประเทศอังกฤษ หรือหลบ
หนีไปพร้อมกับคุณหญิงพจมานด้วย จะดำเนินการด้วยหรือไม่ นายณรัช กล่าวว่า องค์คณะฯ คดีจงใจ
เลี่ยงภาษีฯ ก็มีอำนาจออกหมายจับ และสั่งปรับเงินประกันที่บุคคลทั้งสองเช่นกัน ซึ่งทั้งสองศาลตี
ราคาประกันไว้คนละ 5 ล้านบาท เหมือนคุณหญิงพจมาน ซึ่งรวมวงเงินประกันทั้งสามแล้วเป็นเงิน 15
ล้านบาท
**อัยการลากคอ"แม้ว-อ้อ"กลับไทย
วานนี้ (12 ส.ค.) แหล่งข่าวในสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าหลังจากที่ นายชัยเกษม นิติ
สิริ อัยการสูงสุดได้หารือกับนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศ เกี่ยวกับแนวทาง
ขั้นตอนการดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อวันที่ 11
ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นเห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองแล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสอง
อยู่นอกราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการที่จะต้องดำเนินการขอตัวทั้งสอง
เป็นผู้ร้ายข้ามแดน จากประเทศอังกฤษกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป เพราะคดีที่ดินรัชดาฯ
ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนพยานจำเลยของศาลฎีกา ซึ่งการดำเนินการตามหมายจับของศาลฎีกา เพื่อนำ
ตัวจำเลยทั้งสองมาดำเนินคดี จึงเป็นหน้าที่ของอัยการ ไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกระทรวง
การต่างประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปอัยการ จะดูว่ารูปคดีเข้าตามหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
หรือไม่ ซึ่งหากเข้าหลักเกณฑ์ ก็จะมอบให้สำนักงานอัยการต่างประเทศ นำตัวจำเลยมาโดยการ
ประสานกับสำนักงานอัยการของประเทศอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง
ทั้งนี้ หากพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน อ้างว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง ไม่ใช่คดีอาญา
มีอัตราโทษถึงประหารชีวิต และยื่นเรื่องขอลี้ภัยต่อกระทรวงมหาดไทยประเทศอังกฤษพิจารณา
อนุญาตให้ลี้ภัย และไม่ให้ศาลอังกฤษส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทย จะทำให้การขอให้ส่ง
ตัวจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ก็อาจจะมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้นอีก โดยเชื่อ
ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะอ้างข้อกฎหมายมาต่อสู้อย่างเต็มที่
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า ดังนั้นอัยการสูงสุด จึงเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานอัยการพิจารณา
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการขอลี้ภัย , พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และสนธิสัญญาข้อตกลง
ด้านกฎหมายระหว่างประเทศไทย และอังกฤษ เพื่อติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
จำเลยทั้งสอง ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
โดยคาดว่าอัยการสูงสุด จะมีคำสั่งแต่งตั้ง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดอาวุโส
ลำดับ 1 เป็นประธานคณะทำงานฯ ส่วนกรรมการ ประกอบด้วย นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการ
ฝ่ายต่างประเทศ และอัยการระดับสูง ที่มีความเชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงาน
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
เรื่องที่อัยการสูงสุด จะมีคำสั่งตั้งคณะทำงานติดตามตัวจำเลยทั้งสองในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ แต่การ
ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน เป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรง และเชื่อว่า อัยการน่าจะทำงานได้เร็ว โดยอัยการ
หลายคนเคยมีประสบการณ์ ในการประสานงานกับอัยการอังกฤษมาแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้อัยการ
สูงสุด ก็ได้ตั้งคณะทำงานติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จากประเทศอังกฤษ มาขึ้น
ศาลฎีกาฯ เพื่ออ่านอธิบายคำฟ้องและสอบคำให้การในการนัดพิจารณาคดีครั้งแรกแล้ว
**คดีที่รับฟ้องแล้วไม่สะดุด
ขณะที่นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ ในฐานะหัวหน้า
ทีมทนายความว่าความคดีในศาลฎีกาฯ ให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า สำหรับคดีที่สภาทนาย
ความรับว่าความให้แก่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นโจทก์ ฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 เรื่อง ได้แก่ คดี
โครงการออกสลากรางวัลเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว หรือหวยบนดิน , คดีปล่อยเงินกู้ธนาคารเอ็กซิ
มแบงก์ ให้แก่ประเทศพม่า และคดีทุจริตกล้ายางพารา ซึ่งศาลฎีกาฯ รับฟ้องไว้ทั้ง 3 คดี เห็นว่าแม้
พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน จะไม่เดินทางกลับมาต่อสู้คดีด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่า ศาลจะ
สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้
เนื่องจากกระบวนการพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ นั้นไม่จำเป็นต้องพิจารณาคดีต่อหน้าจำเลย
อีกทั้งศาลฎีกาฯ ใช้วิธีพิจารณาคดีในระบบไต่สวน ซึ่งแตกต่างจากคดีอาญาทั่วไป ที่เป็นระบบกล่าวหา
ซึ่ง ในคดีอาญาทั่วไปนั้นหากจำเลยหลบหนี ศาลอาจสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราว แต่สำหรับคดีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ศาลสามารถดำเนินการพิจารณาไปจนกระทั่งมีคำพิพากษาได้
เช่นเดียวกับกรณีของนายรักเกียรติ สุขธนะ อดีต รมว.สาธารณสุข ที่หลบหนีคดี แต่ศาลก็มีคำ
พิพากษาได้
นายสิทธิโชค กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่มาปรากฏตัวต่อศาลนั้น
เท่ากับจำเลยทั้งสองไม่ติดใจจะสู้คดี แต่หากจำเลยทั้งสอง จะนำส่งเอกสารประกอบคำให้การให้ศาล
ฎีกาฯ พิจารณานั้นสามารถระทำได้ แต่ความน่าเชื่อถือจะมีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ
ดุลพินิจขององค์คณะผู้พิพากษา ซึ่งกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกดำเนินคดีอยู่นั้น ไม่อยากให้มองเป็นเรื่อง
การเมือง เพราะเป็นคดีที่มีความผิดทางอาญา แต่ใช้ลงโทษกับนักการเมืองเท่านั้น
**สภาทนายจี้อัยการลากคอแม้ว
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออก
แถลงการณ์ว่า ที่ถูกดำเนินคดีก็เพราะเป็นผลมาจากต้นไม้ที่เป็นพิษ และกระบวนการยุติธรรมมีสอง
มาตรฐาน นั้น เห็นว่าที่ผ่านมา ศาลได้ใช้หลักนิติธรรม ในการดำเนินคดี ไม่ใช่ว่าจะมาวิจารณ์ว่าศาล
ไทยมีสองมาตรฐาน และอ้างว่าถูกดำเนินคดี เพราะผลไม้มีพิษนั้นไม่ถูกต้อง
"พิษมันอยู่ที่เขา เพราะปุ๋ยมันมีพิษ มันก็เลยทำให้เป็นพิษไปหมด ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าเป็น
เรื่องการเมือง ผมขอเรียกร้องให้อัยการ ดำเนินการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศ
เพราะศาลออกหมายจับแล้ว อัยการสูงสุด ต้องรีบตั้งคณะทำงาน ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะ
ต้องเอาหมายจับไปติดไว้ทุกด่าน ทุกสนามบิน และท่าเรือ" นายกสภาทนายความ กล่าว
**จ่อฟ้องยึดทรัพย์แม้ว 7.6 หมื่นล.
นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการ สำนวน
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยถึงการพิจารณา
สำนวนคดี ร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งให้ทรัพย์สินจำนวน
76,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ให้กับธุรกิจของครอบครัวชินวัตร
ว่า หลังจากที่คณะกรรมการร่วมอัยการ และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหงชาติ
(ป.ป.ช.) ได้ประชุมหารือกันแล้ว ทางป.ป.ช.ยืนยันต้องการให้อัยการส่งสำนวนยึดทรัพย์ทั้ง 7.6 หมื่น
ล้านบาท ขณะนี้อัยการได้เขียนบรรยายฟ้องในคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างเสนอให้ นายชัย
เกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดพิจารณา ลงความเห็น คาดว่าจะสามารถนำสำนวนส่งฟ้องต่อศาลได้โดยจะ
มอบหมายให้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นผู้นำสำนวนไปยื่นฟ้องใน
สัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียึดทรัพย์นั้น ก่อนหน้าที่ป.ป.ช.จะรับหน้าที่พิจารณาสำนวน
นั้น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นผู้รวบรวมพยาน
หลักฐาน และ คตส.มีความเห็นชี้มูลความผิดพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ 76,000
ล้านบาท ซึ่ง คตส.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลในตระกูลชินวัตร เป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 16
บัญชี จำนวน 69,000 ล้านบาทไว้ และส่งสำนวนหลักฐานให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งคดี ซึ่งครั้งแรก
คณะทำงานอัยการที่ อัยการสูงสุดตั้งขึ้นให้พิจารณาสำนวนคดี คตส.นั้น เคยมีความเห็นว่า ควรจะร้อง
ขอยึดทรัพย์ 69,000 ล้านบาท ที่ถูกอายัด เงินที่เหลืออีกกว่าหมื่นล้านบาทนั้น ยังไม่มีหลักฐานถึงแหล่ง
ของเงินว่าอยู่ที่ใด ดังนั้นเมื่อ คตส.พ้นการทำหน้าที่ไปเมื่อ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ป.ป.ช. จึงได้เข้ามาทำ
หน้าที่แทน คตส. และมีการตั้งคณะกรรมการร่วมอัยการ-ป.ป.ช. ดังกล่าว
สำหรับ บัญชีเงินฝาก 16 บัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวชินวัตร ที่ถูกอายัดไว้ใน
ชั้น คตส. มีดังนี้ ธ.กสิกรไทย 36 ล้านบาท, ธ.กรุงเทพ 18,156 ล้านบาท, ธ.กรุงศรีอยุธยา 2,125 ล้าน
บาท, ธ.ทหารไทย 10 ล้านบาท, ธ.ไทยพาณิชย์ 39,634 ล้านบาท , ธ.ธนชาต 1,476 ล้านบาท, ธ.นคร
หลวงไทย 1 ล้านบาท, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 500 ล้านบาท, ธ.ยูโอบี รัตนสิน
492 ล้าน บาท, ธ.ออมสิน 15,748 ล้านบาท, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 200 ล้านบาท, ธนาคารอิสลาม
แห่ง ประเทศไทย 10,000 ล้านบาท, บลจ.กสิกรไทย 208 ล้านบาท, บลจ.ไทยพาณิชย์ 2,237 ล้านบาท,
บลจ.แอสเซทพลัส 172 ล้านบาท และศูนย์รับฝากหลักทรัพย์และที่ดิน 2,722 ล้านบาท
**ไม่ถอนอายัดเงินแม้ว7หมื่นล้าน
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ
ป.ป.ช. กล่าวถึงการอายัดเงิน 70,000 ล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจในการถอน
อายัด เนื่องจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ
คตส. ได้อายัดไว้ ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 30 และไม่ได้มีการถอนอายัด ดังนั้น ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจ
ถอนอายัดเงินดังกล่าว จึงต้องอายัดเงินต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์หน้า อัยการจะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิด
ปกติ จากการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมเสนอให้ยึดเงินดังกล่าวด้วย
นายกล้านรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ขออยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยไม่กลับมาสู้คดี
โดยอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงว่า ไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แต่ใน
ส่วนขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. และ คตส. ยืนยันว่า ทำตามกรอบที่อยู่ในกฎหมาย และไม่มีอคติ
อย่างแน่นอน
**CNN เสนอรายงานพิเศษ"แม้ว"หนีคดี
แดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นประจำกรุงเทพฯ ได้สัมภาษณ์ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ซึ่งให้
ความเห็นว่า"ทักษิณ" ควรกลับมาสู้คดี ควรต้องยอมรับให้ระบบศาลยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดสุดท้าย
ทั้งนี้ รายงานของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ทักษิณ ผู้มีมากหน้าหลายด้าน นักธุรกิจหมื่นล้าน
ดอลลาร์, นายกฯผู้ทรงอำนาจที่ถูกโค่นด้วยการรัฐประหาร, เจ้าของทีมฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ
เวลานี้ เป็นผู้หลบหนีคดี จากเงื้อมมือกฎหมายไทย
ในวันเวลาแห่งอดีตที่ผ่านเลยไปแล้ว ทักษิณ คุ้นเคยกับการแถลงข่าวจนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เมื่อคืนนั้น ไม่มีกล้องจับภาพ ขณะที่เขาบินอย่างลับๆ จากโอลิมปิกในปักกิ่ง ไปยังลอนดอน
ณ ที่พำนักของเขาในลอนดอน อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในอาการเก็บเนื้อเก็บตัว
เขาควรที่จะมาปรากฏตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สถานที่แห่งการเผชิญหน้ากันหลายต่อหลายครั้ง ระหว่าง ครอบครัวชินวัตร กับพวกที่ต้องการเห็น
พวกเขาถูกตัดสินว่า มีการกระทำความผิดตามข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ แม้ว่าทักษิณ ยืนกรานเรื่อย
มาว่าเขาบริสุทธิ์
บทต่อไปของสงครามอันยืดเยื้อดังกล่าวนี้ กำหนดจะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ ทว่า ทักษิณไม่
ได้มาปรากฏตัว
คุณหญิงพจมาน ภรรยาของเขา เมื่อเร็วๆนี้ได้ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี ด้วยความผิดฐาน
หลบเลี่ยงการเสียภาษี เธออยู่ในช่วงของการได้รับการประกันตัว ก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์
ตอนที่เธอกับสามีหนีไปยังลอนดอน
จวบจนถึงเวลานี้ ถ้อยคำที่ออกมาจากทักษิณ ก็มีเพียงสิ่งที่เขียนด้วยลายมือ แฟกซ์ฉบับนี้
ถูกส่งออกมาหลังจากที่เขาบินไปลงที่ลอนดอนแล้ว
คำแถลงฉบับนี้บอกว่า เขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมในประเทศไทย
และเขากลัวถูกหมายปองเอาชีวิต
**"สนธิ"ชี้"แม้ว"ควรกลับมาสูคดี
"สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้คัดค้านทักษิณ
อย่างดุเดือดที่สุดคนหนึ่ง กล่าวว่า ทักษิณ ควรที่จะกลับมาเมืองไทย
"เขาควรที่จะกลับมาที่นี่ เพื่อสู้คดีในศาล ถ้าศาลตัดสินว่า เขาไม่ได้กระทำความผิดอะไร ก็
ให้เป็นไปตามนั้น ผมยินดีที่จะยอมรับ เพราะผมคิดว่า เราจะต้องยอมรับระบบศาลยุติธรรม ว่าเป็นคำ
ตัดสินชี้ขาดสุดท้ายของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ดังนั้น...”
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น พูดแทรกขึ้นมา "เขารู้สึกวิตกที่จะต้องเผชิญกับความยุติธรรมใช่ไหม"
"ถูกต้องเลยครับ และผมไม่ได้พอใจเลย ที่เขาไม่ต้องการกลับมา" สนธิ ตอบ
แต่นักวิเคราะห์ทางการเมืองกลับมีความเห็นว่า บางส่วนในหมู่ผู้มีอำนาจของไทย อาจจะ
ไม่ต้องการให้ทักษิณ กลับมา
อาจารย์ สุรัตน์ โหราชัยกุล แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า " แน่นอนว่าตาม
กฎหมายไทยนั้น อาจจะมีการขอให้ส่งตัวเขากลับมา เรื่องนี้ไม่มีข้อสงสัย แต่ผมคิดว่าพวกผู้มีอำนาจ
จำนวนหนึ่งในประเทศไทย ไม่ได้ชอบเลยที่จะเห็นเขาเดินทางกลับเมืองไทยตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น
พวกเขาอาจจะไม่ได้มีความจริงจังอะไรนักในเรื่องการขอให้เนรเทศตัวเขากลับมา"
การผงาด และก้าวขึ้นสู่อำนาจของทักษิณ เป็นเรื่องที่มีความโดดเด่น เขาชนะการเลือกตั้ง
แบบถล่มทลาย 2 ครั้ง แต่ก็ถูกตามจี้ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธ
การที่เขาถูกโค่นด้วยการรัฐประหารเมื่อปี 49 ก็มิได้เป็นการยุติอิทธิพลของเขาที่มีต่อการ
เมืองไทย "สมัคร สุนทรเวช" ผู้ประกาศยอมรับเองว่า เป็นตัวแทนของเขา ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้เหตุการณ์ดูเหมือนกับว่า เมื่อเพื่อนมิตรของเขาเป็นผู้บริหารประเทศ
ทักษิณ ย่อมสามารถที่จะกลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างสง่างาม ดังที่เขาก็ได้กระทำเช่นนั้นจริงๆ เมื่อ
ตอนต้นปีนี้
ตอนนั้น เขาเดินทางกลับภายหลังไปลี้ภัยอยู่หลายเดือนในอังกฤษ เพื่อต่อสู้ปกป้องชื่อเสียง
ของเขา แต่ในตอนนี้ เขาเลือกที่จะเดินทางไปอยู่ยังอีกมุมหนึ่งของโลก แทนที่จะนำเอาตัวเองเข้ามาอยู่
ในระบบศาลยุติธรรมของไทย
**เตรียมริบ"พาสปอร์ตแดง"ของแม้ว
นายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับ
การประสานจากศาล ถึงหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยในคดี
ทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ซึ่งหากได้รับการประสานมา จะมีการประสานต่อไปยัง
กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ แต่ระหว่างนี้จะศึกษาถึงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่าจะ
ครอบคลุมถึงกรณีนี้เพียงใด รวมถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาถอนหนังสือเดินทางการทูต หรือ
พาสปอร์ตเล่มแดง ของ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ซึ่งจะต้องกลับไปพิจารณากฎ ระเบียบของกระทรวงการ
ต่างประเทศ ให้ชัดเจนอีกครั้ง
รมว.ต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ฐานะเจ้าของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี ของ
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่อุปสรรคในการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ต้องพิจารณาตามกฎหมายผ่านเข้าเมือง
ของอังกฤษ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ของอังกฤษเป็นผู้รับผิดชอบ โดยต้องใช้เวลาในการประสานกัน
ซึ่งยังไม่สามารถระบุระยะเวลาได้
**อัด"แม้ว"ป้ายสีศาลกระทบชิ่งสถาบันฯ
ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจาร์ยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวที
ปราศรัยของพันธมิตรฯ ว่า ปัญาหาสะสมที่เกิดขึ้น เกิดจากคนคนเดียว เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
การเมืองไทยได้พัฒนาในทางลบตลอดมา สังคม เศรษฐกิจ เกิดความระส่ำระส่าย เพราะคนไทยส่วน
ใหญ่ถูกมอมเมา จากระบอบทักษิณ
การที่ประเทศไทยต้องเผชิญชะตากรรมอย่างนี้ เพราะคนชั้นปกครองไม่สนใจอะไร บาง
คนพยายามปิดบังกำพืด รากเหง้าของตัวเอง คนแบบนี้หรือที่จะมาปกครองประเทศ ขณะที่บางคนยก
หางตัวเอง กลายเป็นลูกพระยาทำตัวเป็นสมุนรับใช้ระบอบทักษิณ ยกตัวอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนก้าว
ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นมวยรองบ่อน ฉกฉวยหาโอกาส เงื่อนไขทางเศราฐกิจการ
เมือง สร้างโอกาสสร้างฐานะขึ้นมา
ทั้งนี้ ศ.ดร.ภูวดล เชื่อว่า หากการสร้างโอกาสสร้างฐานะเป็นไปด้วยความสุจริต คนใน
ประเทศจะยกย่อง แต่ความร่ำรวยมั่งคั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตั้งอยู่บนความเดือดร้อนของประเทศ ตั้ง
อยู่บนการฉ้อโกง ฉ้อรษฎร์บังหลวงอยู่ตลอดเวลา แค่นั้นยังไม่พอ ยังเล่นลิเกหลอกประชาชนยาวนาน
ถึง 7 ปี ประชาชนต้องทนลำเค็ญกับสิ่งที่ระบอบทักษิณได้กระทำต่อการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เป็น
เหตุให้เกิดการลุกขึ้นมาสู้ของประชาชน และพันธมิตรฯ ในท้ายที่สุด
"ลำพังเพียงแกนนำพันธมิตรฯ 5 คน คงไม่สามารถทำอะไรระบอบทักษิณได้ แต่วันนี้พี่
น้องประชาชนออกมาก็เพราะรู้ว่า ประเทศชาติกำลังทรุดโทรม ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จะไปหวังให้
รัฐบาลหรือใครมาช่วยเหลือ ประเทศนี้ถูกปิดบังซ่อนเงื่อนไปทุกจุด ประชาชนจึงต้องลุกออกมาต่อสู้
เพื่อให้ได้ความถูกต้อง และเป็นการต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ แม้จะยาวนานเท่าใดก็ไม่หวั่นอีกด้วย" ศ.
ดร.ภูวดล กล่าว
ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวถึงแถลงการณ์หนีคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าตนได้คาดการณ์ไว้ก่อน
ล่วงหน้าแล้วว่า การเดินทางออกนอกประเทศเที่ยวนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการไปแล้วไม่กลับ
ครั้งนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ศาลไม่ควรให้ผู้ต้องหาคดีการเมืองได้
ประกันตัวอีกต่อไป นี่ขนาดหนีไปแล้วยังมีหน้ามาออกแถลงการณ์ประณามกระบวนการยุติธรรม
ของประเทศไทยอีก และหากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง จะเห็นว่า พยายามทิ่มแทงสถาบันเบื้องสูงทั้งสิ้น
"จำได้ กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงตรัสว่า บ้านเมือง
กำลังตกอยู่ในวิกฤตที่สุดในโลก แล้วทรงวิงวอนให้ศาลมาช่วยแก้ไขปัญหา ถึงขนาดทรงตรัสว่า ถ้า
ศาลทำการไม่สำเร็จประเทศชาติก็พัง วันนี้กระบวนการยุติธรรม หรือกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ก็
ได้ทำหน้าที่อย่างยุติธรรมแล้ว แต่คนเหล่านี้ เมื่อมันซื้อ มอมเมา ให้สินบนกระบวนการยุติธรรมไม่ได้
คนเหล่านี้ก็เฉไฉ จำกรณีเงิน 2 ล้านยัดอยู่ในกล่องขนมได้หรือไม่ หากเป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดาคงทำ
ไม่ได้แน่นอน" ศ.ดร.ภูวดล กล่าวทิ้งท้าย
**สมชายพร้อมช่วยเหลือแม้ว-อ้อ
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะน้องเขย พ.ต.ท.
ทักษิณ ระบุสถานการณ์การเมืองในประเทศจะดีขึ้นหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และภริยา
เพราะการเมืองไทยยังคงเดินหน้าตามปกติ อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยังไม่
ทราบว่า ได้มีการขอยื่นลี้ภัยต่อรัฐบาลอังกฤษหรือไม่ เพราะถือเป็นสิทธิส่วนตัว และไม่ทราบว่ามีคน
ในครอบครัวแนะนำให้ลี้ภัย เพียงแต่ตนเคยแนะนำให้หาทนายความที่ดีเท่านั้น ทั้งนี้ในฐานะญาติ
พร้อมให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม และความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบ
ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศอังกฤษจริงหรือไม่ เพราะเพียงแค่ติดตามจากข่าวเท่านั้น
นายสมชาย ไม่ขอวิจารณ์แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศ
เสียหาย หรือมีนัยทางการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และถือเป็นสิทธิของ พ.ต.ท.
ทักษิณ ที่ตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างไร พร้อมย้ำหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยจริง ก็ไม่กระทบต่อรัฐบาล หรือ
พรรคพลังประชาชน
ส่วนกระแสข่าวที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนบางรายเตรียมตั้งพรรคใหม่ หรือย้ายไป
พรรคอื่นนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ถือว่าเป็นการเนรคุณ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล
**ผบ.ทบ.จวกแม้วไม่เคารพศาล
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
และคุณหญิงพจมานไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อศาลฎีกาฯ และไปพำนักที่ประเทศอังกฤษ โดยให้
เหตุผลว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการจะดีที่สุด
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมนั้น เห็นว่าประชาชน
ทุกคนจะต้องยึดมั่นถือมั่นใน 3 อำนาจหลักของประเทศ คือ อำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
สังคมจึงจะเดินไปได้ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิต ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
จะต้องดูแล ทหารคงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปอยู่ต่างประเทศจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์ก็เริ่มจะเย็นลง และจากนี้ไปก็คงจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ขอให้ความเห็นว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะเดินทางกลับมาสู้คดีหรือไม่
**"บิ๊กจิ๋ว"เชื่อความขัดแย้งจะยุติ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ
หนีคดี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงต้องการไปจากข้อขัดแย้ง เพื่อให้อะไรๆ ดีขึ้น และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณไม่
อยู่แล้ว คิดว่าความขัดแย้งต่างๆน่าจะยุติ ต่อไปนี้คนไทยน่าจะสบายใจได้ ทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันจะชุมนุมต่อไป คิดว่าคงมีปัญหาอื่นอีก
"ผมไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรอีก ความขัดแย้งในสังคมเรามีแน่ แต่ควรจะเอาเรื่องหลักๆ ดี
กว่า เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องไปสนใจมาก แล้วหันหน้ามาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง เพราะตอนนี้เราล้าหลัง
เกินไปแล้ว" พล.อ.ชวลิตกล่าว
ต่อกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุในแถลงการณ์ว่า กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงจะทำ
ให้กระทบภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเช่นนั้น ไม่ทราบ
ว่าเพราะมีข้อมูลอะไรหรือไม่ แต่กระบวนการยุติธรรม ถือเป็นการถือดุลในสังคม คิดว่าเจ้าหน้าที่ใน
กระบวนการยุติธรรม คงพยายามทำอย่างดีที่สุด พยายามรักษาความเป็นผู้ถือดุลเอาไว้ให้ได้ เราจึงควร
ให้กำลังใจเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปรัฐบาลจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริง
จะชัดเจนขึ้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช ก็พยายามทำงาน เราจะต้องให้กำลังใจ และ
ส่วนตัวยังมองไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร ส่วนที่นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน
ระบุว่า มีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีรับเช็ค 10 ล้านบาทนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า จะต้องเห็นใจนายก
รัฐมนตรี
"ถ้าให้นายกรัฐมนตรีมายุ่งเรื่องเล็กน้อย หรือยุ่งกับคำพูดของคนทุกคน ที่ออกมาพูดทุกวัน
วันๆ คงไม่ต้องทำอะไร ต้องคอยแก้ตัวกับคำพูดของคน 63 ล้านคน ดังนั้น ถ้านายศักดา มีข้อเท็จจริง
และเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ถ้ามีคนไม่ดีอยู่ในรัฐบาล คนนั้นก็ต้องรับ
โทษไปเป็นธรรมดา ไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดพ้นกรรมได้สักคน" พล.อ.ชวลิตกล่าว
**ถ้ารัฐบาลห่วยแตก ต้องจัดการ
ต่อข้อถามว่า มั่นใจว่ารัฐบาลจะพาประเทศรอดพ้นวิกฤตได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า
ไม่ไว้ใจรัฐบาล แล้วจะไว้ใจใคร เราต้องมอบความไว้วางใจให้เขา นอกจากเขา "ห่วยแตกจริงๆ" เรา
ถึงจะมาจัดการกัน พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถอยู่ครบวาระ 4 ปี เพราะ
รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนายสมัคร จะมีปัญหาเรื่องอื่นๆ
ส่วนการที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า ฝ่ายการเมืองจะแทรกแซงการปรับย้ายนายทหาร พล.อ.
ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มี เชื่อว่าไม่มีใครแทรกแซงโผทหาร แต่ถ้าใครแทรกแซงก็ต้องออกมาประจาน
ว่าตั้งไปแล้ว แต่มีคนนี้มาเปลี่ยน
**แถลงการณ์แม้วหมิ่นศาลหรือไม่
ม.ล.ไกรกฤษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกา เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา กล่าวถึง
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ หลังหนีคดีไปอยู่ประเทศอังกฤษ โดยระบุว่า กระบวนการ
ยุติธรรมของไทยถูกแทรกแซงนั้น ตนไม่อยากที่ไปกล่าวอะไรที่ไปตอบโต้ในเรื่องนี้ เพราะอยู่ใน
ตำแหน่งตุลาการ ดูแล้วไม่เหมาะสม
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซงนั้น เท่าที่ตนทำหน้าที่อยู่ และ
อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และอยู่ในสถาบันตุลาการ ตนก็มองเรื่องนี้อยู่ เท่าที่เห็น ก็ไม่เห็นจะมีการ
แทรกแซง ส่วนจะมีความพยายามที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ตนไม่รู้ อย่างไรก็ตาม
สถาบันตุลาการก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และตุลาการจะต้องทำหน้าที่ตุลาการให้ดีที่สุด
ส่วนคำแถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ จะหมิ่นอำนาจศาลหรือไม่ ตนไม่ได้เป็นองค์คณะ
ในคดีดังกล่าว จึงไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตุลาการที่เป็นองค์ที่รับผิดชอบคดี จะไป
พิจารณากัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตุลาการสายศาลฎีกา ที่มารับตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐ
ธรรมนูญ ทั้งเก่าและใหม่ อาทิ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสมชาย พงษ์ธา นายธานิศ เกศวพิทักษ์ สาย
ว่างแต่ไม่รับสาย ส่วนอื่นๆก็ปิดโทรศัพท์ หรือไม่ก็ตัดสายทิ้ง ขณะที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ปฏิเสธที่
จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเคยเป็นองค์คณะในการพิจารณา หากพูดไปก็จะเป็นการเสียมรยาท