xs
xsm
sm
md
lg

TUICดับฝัน"วีระศักดิ์"ตั้งส.ดำน้ำฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธุรกิจโรงเรียนสอนดำน้ำแข็งใจสู้หลังต้นทุนพุ่ง 10-15% จากราคาน้ำมัน หันลดต้นทุนค่าบริหารจัดการแทนการขึ้นราคา วอนรัฐคุมกำเนิดการจดทะเบียนโรงเรียนฝึกสอนปรับสมดุลดีมานด์ซัพพลาย พร้อมปลุก "วีระศักดิ์" ตื่นจากฝัน ระบุตลาดนี้ผู้ซื้อเป็นคนเลือก

นายพลัง ยิ้มพานิชย์ กรรมการอาวุโส ชมรมผู้สอนดำน้ำไทย หรือ TUIC (Thai Underwater Instructors Club) เปิดเผยว่า จากแนวคิดจัดตั้งสมาคมดำน้ำแห่งประเทศไทย ของนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้เตรียมยื่นเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ซึ่งจะเริ่มประชุมนัดแรกเร็วๆนี้นั้น เพื่อเป็นหน่วยงานออกใบอนุญาตดำน้ำและจัดระเบียบให้แก่ธุรกิจดำน้ำ ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ ในฐานะภาคเอกชน มองว่า เป็นแนวคิดที่ดี แต่มีความเป็นไปได้น้อย

ทั้งนี้เพราะใบอนุญาตหรือประกาศนียบัตร ที่โรงเรียนออกให้แก่ผู้ผ่านหลักสูตรดำน้ำนั้น จะต้องมาจากองค์กรที่มีความเป็นสากลเป็นที่ยอมรับได้ในต่างประเทศ โดยผู้เรียนจะเป็นผู้เลือกเองว่าต้องการเรียนในหลักสูตรของใคร ดังนั้นการสร้างหลักสูตรที่เป็นมาตรฐานสากลยังไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลต้องสร้างให้เกิดการยอมรับจากผู้เรียนซึ่งในที่นี้ คือ ผู้ซื้อ เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มาเรียนดำน้ำส่วนใหญ่เกือบ 99% เป็นชาวต่างชาติ ตลาดคนไทยมีไม่เกิน 3-5% เท่านั้น

ปัจจุบันใบรับรองที่ออกจากสถาบันฝึกสอนดำน้ำในประเทศไทย จะซื้อลิขสิทธิ์และ สิทธิบัตรมาจากสถาบันในประเทศอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก เช่น NAVI ,CMAS และ PADI ทำให้รายได้จากการออกใบอนุญาตไม่ได้ตกอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ขณะที่ไทยเป็นตลาดดำน้ำที่ใหญ่ โดยมีรายงานจาก PADI ในปี 2549 ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเรียนดำน้ำจากประเทศไทย โดยผ่านหลักสูตรของ PADI เป็นจำนวนถึง 8 หมื่นคน ส่วนตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเรียนหลักสูตรดำน้ำ ถือเป็นนักท่องเที่ยวระดับบน เพราะมีการใช้จ่ายต่อคนสูงเฉลี่ย 3,000-10,000บาท ซึ่งเฉพาะหลักสูตรดำน้ำพื้นฐานจะเสียค่าเรียนประมาณ 7,500 บาท ต่อคน

อย่างไรก็ตามโรงเรียนสอนดำน้ำเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันแพง เนื่องจากต้องใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงในการออกเรือเพื่อไปดำน้ำในกลางทะเล จึงส่งผลให้ต้นทุนดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น 10-15% แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ จึงหันมาปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น มีกำไรจากการดำเนินงานเพียง 10%

ทั้งนี้การแข่งขันธุรกิจโรงเรียนสอนดำนำรุนแรงต่อเนื่องมา 3-4 ปี ส่งผลให้มีกำไรลดลง จากอดีตเคยกำไร 25-30% ลดเหลือ 10-15%ในปีก่อน และปีนี้กำไรธุรกิจก็น่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 10% เป็นผลให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ปิดกิจการก็มาก แต่ก็เปิดใหม่จำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ทำรายได้เข้าประเทศนับพันล้านบาท หากรัฐบาลมีการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน และ ปริมาณ ให้สมดุลกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการคนไทยอยู่รอดได้

สถานการณ์นักท่องเที่ยวดำน้ำปีนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นเช่นใด เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน เป็นโลว์ซีซันของการดำน้ำต้องรอให้ถึงเดือนตุลาคม แต่เบื้องต้นคาดว่าตลาดน่าจะซบเซาลงบ้างในส่วนของตลาดคนไทย ส่วนตลาดต่างประเทศขึ้นกับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปลายปีนี้จะมากหรือน้อย ซึ่งตลาดระยะไกลที่ต้องเสียค่าเซอร์ชาร์จน้ำมันในการเดินทางจำนวนมากอาจหดตัวลงได้ เช่น อเมริกา และยุโรป
กำลังโหลดความคิดเห็น