รอยเตอร์/เอเอฟพี – หวั่นสงครามขยายวงเพิ่มความรุนแรง เมื่อทหารรัสเซียสามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองหลวงของเขตเซาท์ออสซีเชีย ที่ต้องการแยกตัวออกจากจอร์เจียได้แล้ววานนี้(10) ภายหลังการสู้รบดุเดือดเป็นเวลา 3 วัน โดยมีข่าวคราวบางกระแสบ่งชี้ว่าหมีขาวอาจจะมีการรุกคืบเปิดแนวรบใหม่อีกด้านหนึ่ง ทางด้านทำเนียบขาวได้ออกมาแถลงประณามมอสโกว่า กระทำการอย่าง “อันตรายและขยายใหญ่เกินกว่าสมควร” ตลอดจนเตือนว่า จะเป็นอันตรายต่อสายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
รัสเซียได้ทุ่มเทกำลังทหารและขบวนรถถังข้ามชายแดนทางตอนใต้ของตนเข้าไปในจอร์เจีย รวมทั้งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเป้าหมายต่างๆ ในจอร์เจีย ภายหลังจากที่กรุงทบิลิซิเปิดศึกขึ้นก่อนเมื่อคืนวันพฤหัสบดี(7) ด้วยการพยายามใช้กำลังทหารเข้ายึดดินแดนเซาท์ออสซีเชีย อันเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่ฝักใฝ่รัสเซีย และได้ประกาศแยกตัวออกจากประเทศจอร์เจียในช่วงทศวรรษ 1990
ทั้งจอร์เจียและรัสเซียต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า เป็นตัวการทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อ 3 วันก่อน
โทรทัศน์รัสเซียที่อยู่ในความควบคุมของรัฐ พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกถึง “ความวิบัติหายนะทางมนุษยธรรม” ในเซาท์ออสซีเชีย ภายหลังจากทหารจอร์เจียเข้าโจมตี โดยระบุว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 2,000 คน และอีกนับพันนับหมื่นไร้ที่อยู่
ขณะที่แหล่งข่าวในรัฐบาลจอร์เจียบอกกับรอยเตอร์ในวันเสาร์(9)ว่า มีพลเรือนและทหารจอร์เจีย 129 คนถูกฆ่าตาย และอีก 748 คนบาดเจ็บ จำนวนมากเป็นเพราะการทิ้งระเบิดของรัสเซียเข้าไปในดินแดนจอร์เจีย แต่ทางด้านรัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีเป้าหมายพลเรือน
ภายหลังเคลื่อนลงใต้จากบริเวณเทือกเขาคอเคซัส เมื่อถึงวานนี้ กองทหารรัสเซียก็สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองซฮินวาลี เมืองหลวงของเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งอยู่ในสภาพเสียหายยับเยินจากการสู้รบอันดุเดือด
พลโท อนาโตลี โนโกวิตซืย์น แห่งกองเสนาธิการใหญ่รัสเซีย กล่าวในการบรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวว่า “เมื่อถึงวานนี้ กองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซีย สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง (ซฮินวาลี) ได้แล้ว”
ขณะที่สำนักข่าวของรัสเซียหลายแห่งรายงานว่า พลเอก อนาโตลี ฮรุลยอฟ ผู้บัญชาการทหารภาคพื้นดินในการสู้รบคราวนี้ของรัสเซีย ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดกระสุนปืน เมื่อขบวนเดินทางของเขาถูกฝ่ายจอร์เจียระดมยิง
**แนวรบที่สอง**
ในความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นการขยายสงครามคราวนี้ให้ดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นอีก จอร์เจียได้กล่าวหารัสเซียว่าเมื่อวานนี้ กำลังเริ่มปฏิบัติการทางทหารในดินแดนอับฮาเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ฝักใฝ่รัสเซียและประกาศแยกตัวออกจากจอร์เจียอีกดินแดนหนึ่ง แต่ทางมอสโกได้ปฏิเสธเรื่องนี้
เซียร์เกย์ บากัปช์ ผู้นำของอับฮาเซียแถลงวานนี้ว่า เขาได้สั่งทหาร 1,000 คนเข้ารุกขับไล่กองกำลังจอร์เจีย ให้ออกจากช่องเขาโคโดริ อันเป็นพื้นที่แคบๆ ที่ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอับฮาเซีย รวมทั้งได้สั่งระดมพลเพิ่มเติมด้วย
จอร์เจียได้ประณามความเคลื่อนไหวคราวนี้ว่า เป็น “การรุกรานครั้งใหม่” ของรัสเซียที่บุกเข้าอับฮาเซีย ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ริมทะเลดำ
แต่ พลโทโนโกวิตซืย์นของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยบอกว่ามอสโกไม่ได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการใดๆ ในอับฮาเซีย ที่เกินเลยไปจากบทบาทการเป็นผู้รักษาสันติภาพ
**ยูเครนขู่ห้ามเรือรบรัสเซียกลับฐาน**
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า รัสเซียได้ส่งกองเรือรบเข้าไปที่บริเวณนอกชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย โดยที่มีรายงานว่า กองเรือรบรัสเซียทำการปิดล้อมคอยสกัดไม่ให้เรือที่อาจบรรทุกอาวุธ แล่นเข้าไปสู่เมืองท่าต่างๆ ของจอร์เจีย ทว่ากองทัพรัสเซียได้ออกมาแถลงปฏิเสธเรื่องนี้เมื่อวานนี้ กระนั้นก็ยังคงมีรายงานว่า เรือรบเหล่านี้แม้ไม่ถึงกับปิดล้อมจอร์เจีย แต่ก็จะเข้าตรวจค้นเรือต่างๆ เพื่อไม่ให้ขนอาวุธไปให้จอร์เจีย
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงเมื่อวานนี้ว่า ยูเครนสงวนสิทธิ์ในการห้ามเรือรบของรัสเซีย ซึ่งเดินทางไปยังชายฝั่งทะเลของจอร์เจีย กลับมาสู่ฐานทัพเรือในเมืองเซวัสโตโปล ของยูเครน จนกว่าความขัดแย้งนี้จะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ กองเรือประจำภาคพื้นทะเลดำของรัสเซียนั้น ยังมีตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองเซวัสโตโปล แม้เมืองนี้จะตกเป็นของยูเครนแล้ว ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
รัสเซียยังกล่าวหายูเครน ซึ่งก็เคยเป็นรัฐในอดีตสหภาพโซเวียตเช่นเดียวกับจอร์เจีย อีกทั้งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของจอร์เจียด้วย ว่าเป็นผู้จัดหาอาวุธตลอดจนยุยงให้จอร์เจียใช้กำลังเข้ายึดเซาท์ออสซีเชีย
**ปฏิกิริยาทำเนียบขาว**
ทางด้านทำเนียบขาววานนี้ได้ออกมาย้ำตำหนิการกระทำของรัสเซียอีกครั้ง โดยเฉพาะการทิ้งระเบิดเป้าหมายในจอร์เจียอย่างน้อย 3 แห่ง ที่อยู่นอกดินแดนเซาท์ออสซีเชีย
เจมส์ เจฟฟรีย์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งติดตามผู้นำอเมริกันมาร่วมชมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ได้แถลงข่าวว่า การกระทำของมอสโก อาจมี “ผลกระทบระยะยาวอย่างสำคัญ” ต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
“เราขอตำหนิการกระทำที่มีอันตรายและขยายใหญ่เกินกว่าสมควรของกองทหารรัสเซีย และเราจะยิ่งมีความกังวลใจมากขึ้นอีก ถ้าหากการโจมตีเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปในขณะนี้ ในเมื่อฝ่ายจอร์เจียกำลังถอนกำลังกลับมาแล้ว” เขากล่าว
ฝ่ายตะวันตกนั้นกำลังพยายามลดทอนอิทธิพลของรัสเซียในเส้นทางลำเลียงน้ำมันและก๊าซในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเอเชียกลางกับยุโรปตะวันออก ดังนั้น ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดี มีเฮอิล ซาคาชวิลลี ผู้ฝักใฝ่นิยมตะวันตก ขึ้นครองอำนาจในจอร์เจียเมื่อปี 2004 ก็ได้มีการสร้างสายท่อส่งน้ำมันและก๊าซขึ้นใหม่รวม 2 สาย จากแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซริมทะเลสาบแคสเปียน ผ่านดินแดนจอร์เจีย ไปสู่เมืองท่าในตุรกี ที่ซึ่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์จะขนถ่ายน้ำมันและก๊าซ ลำเลียงต่อไปยังยุโรปและสหรัฐฯ
โดยเฉพาะสหรัฐฯ ได้พยายามผลักดันอย่างหนักเพื่อให้จอร์เจีย ได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) อันเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจแก่รัสเซียเป็นอย่างยิ่ง
รัสเซียได้ทุ่มเทกำลังทหารและขบวนรถถังข้ามชายแดนทางตอนใต้ของตนเข้าไปในจอร์เจีย รวมทั้งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเป้าหมายต่างๆ ในจอร์เจีย ภายหลังจากที่กรุงทบิลิซิเปิดศึกขึ้นก่อนเมื่อคืนวันพฤหัสบดี(7) ด้วยการพยายามใช้กำลังทหารเข้ายึดดินแดนเซาท์ออสซีเชีย อันเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่ฝักใฝ่รัสเซีย และได้ประกาศแยกตัวออกจากประเทศจอร์เจียในช่วงทศวรรษ 1990
ทั้งจอร์เจียและรัสเซียต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า เป็นตัวการทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อ 3 วันก่อน
โทรทัศน์รัสเซียที่อยู่ในความควบคุมของรัฐ พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกถึง “ความวิบัติหายนะทางมนุษยธรรม” ในเซาท์ออสซีเชีย ภายหลังจากทหารจอร์เจียเข้าโจมตี โดยระบุว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 2,000 คน และอีกนับพันนับหมื่นไร้ที่อยู่
ขณะที่แหล่งข่าวในรัฐบาลจอร์เจียบอกกับรอยเตอร์ในวันเสาร์(9)ว่า มีพลเรือนและทหารจอร์เจีย 129 คนถูกฆ่าตาย และอีก 748 คนบาดเจ็บ จำนวนมากเป็นเพราะการทิ้งระเบิดของรัสเซียเข้าไปในดินแดนจอร์เจีย แต่ทางด้านรัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีเป้าหมายพลเรือน
ภายหลังเคลื่อนลงใต้จากบริเวณเทือกเขาคอเคซัส เมื่อถึงวานนี้ กองทหารรัสเซียก็สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองซฮินวาลี เมืองหลวงของเซาท์ออสซีเชีย ซึ่งอยู่ในสภาพเสียหายยับเยินจากการสู้รบอันดุเดือด
พลโท อนาโตลี โนโกวิตซืย์น แห่งกองเสนาธิการใหญ่รัสเซีย กล่าวในการบรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวว่า “เมื่อถึงวานนี้ กองกำลังรักษาสันติภาพของรัสเซีย สามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง (ซฮินวาลี) ได้แล้ว”
ขณะที่สำนักข่าวของรัสเซียหลายแห่งรายงานว่า พลเอก อนาโตลี ฮรุลยอฟ ผู้บัญชาการทหารภาคพื้นดินในการสู้รบคราวนี้ของรัสเซีย ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดกระสุนปืน เมื่อขบวนเดินทางของเขาถูกฝ่ายจอร์เจียระดมยิง
**แนวรบที่สอง**
ในความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นการขยายสงครามคราวนี้ให้ดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นอีก จอร์เจียได้กล่าวหารัสเซียว่าเมื่อวานนี้ กำลังเริ่มปฏิบัติการทางทหารในดินแดนอับฮาเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ฝักใฝ่รัสเซียและประกาศแยกตัวออกจากจอร์เจียอีกดินแดนหนึ่ง แต่ทางมอสโกได้ปฏิเสธเรื่องนี้
เซียร์เกย์ บากัปช์ ผู้นำของอับฮาเซียแถลงวานนี้ว่า เขาได้สั่งทหาร 1,000 คนเข้ารุกขับไล่กองกำลังจอร์เจีย ให้ออกจากช่องเขาโคโดริ อันเป็นพื้นที่แคบๆ ที่ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอับฮาเซีย รวมทั้งได้สั่งระดมพลเพิ่มเติมด้วย
จอร์เจียได้ประณามความเคลื่อนไหวคราวนี้ว่า เป็น “การรุกรานครั้งใหม่” ของรัสเซียที่บุกเข้าอับฮาเซีย ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ริมทะเลดำ
แต่ พลโทโนโกวิตซืย์นของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยบอกว่ามอสโกไม่ได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการใดๆ ในอับฮาเซีย ที่เกินเลยไปจากบทบาทการเป็นผู้รักษาสันติภาพ
**ยูเครนขู่ห้ามเรือรบรัสเซียกลับฐาน**
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า รัสเซียได้ส่งกองเรือรบเข้าไปที่บริเวณนอกชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย โดยที่มีรายงานว่า กองเรือรบรัสเซียทำการปิดล้อมคอยสกัดไม่ให้เรือที่อาจบรรทุกอาวุธ แล่นเข้าไปสู่เมืองท่าต่างๆ ของจอร์เจีย ทว่ากองทัพรัสเซียได้ออกมาแถลงปฏิเสธเรื่องนี้เมื่อวานนี้ กระนั้นก็ยังคงมีรายงานว่า เรือรบเหล่านี้แม้ไม่ถึงกับปิดล้อมจอร์เจีย แต่ก็จะเข้าตรวจค้นเรือต่างๆ เพื่อไม่ให้ขนอาวุธไปให้จอร์เจีย
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงเมื่อวานนี้ว่า ยูเครนสงวนสิทธิ์ในการห้ามเรือรบของรัสเซีย ซึ่งเดินทางไปยังชายฝั่งทะเลของจอร์เจีย กลับมาสู่ฐานทัพเรือในเมืองเซวัสโตโปล ของยูเครน จนกว่าความขัดแย้งนี้จะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ กองเรือประจำภาคพื้นทะเลดำของรัสเซียนั้น ยังมีตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองเซวัสโตโปล แม้เมืองนี้จะตกเป็นของยูเครนแล้ว ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
รัสเซียยังกล่าวหายูเครน ซึ่งก็เคยเป็นรัฐในอดีตสหภาพโซเวียตเช่นเดียวกับจอร์เจีย อีกทั้งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของจอร์เจียด้วย ว่าเป็นผู้จัดหาอาวุธตลอดจนยุยงให้จอร์เจียใช้กำลังเข้ายึดเซาท์ออสซีเชีย
**ปฏิกิริยาทำเนียบขาว**
ทางด้านทำเนียบขาววานนี้ได้ออกมาย้ำตำหนิการกระทำของรัสเซียอีกครั้ง โดยเฉพาะการทิ้งระเบิดเป้าหมายในจอร์เจียอย่างน้อย 3 แห่ง ที่อยู่นอกดินแดนเซาท์ออสซีเชีย
เจมส์ เจฟฟรีย์ ผู้ช่วยที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งติดตามผู้นำอเมริกันมาร่วมชมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ได้แถลงข่าวว่า การกระทำของมอสโก อาจมี “ผลกระทบระยะยาวอย่างสำคัญ” ต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
“เราขอตำหนิการกระทำที่มีอันตรายและขยายใหญ่เกินกว่าสมควรของกองทหารรัสเซีย และเราจะยิ่งมีความกังวลใจมากขึ้นอีก ถ้าหากการโจมตีเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปในขณะนี้ ในเมื่อฝ่ายจอร์เจียกำลังถอนกำลังกลับมาแล้ว” เขากล่าว
ฝ่ายตะวันตกนั้นกำลังพยายามลดทอนอิทธิพลของรัสเซียในเส้นทางลำเลียงน้ำมันและก๊าซในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเอเชียกลางกับยุโรปตะวันออก ดังนั้น ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดี มีเฮอิล ซาคาชวิลลี ผู้ฝักใฝ่นิยมตะวันตก ขึ้นครองอำนาจในจอร์เจียเมื่อปี 2004 ก็ได้มีการสร้างสายท่อส่งน้ำมันและก๊าซขึ้นใหม่รวม 2 สาย จากแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซริมทะเลสาบแคสเปียน ผ่านดินแดนจอร์เจีย ไปสู่เมืองท่าในตุรกี ที่ซึ่งเรือบรรทุกน้ำมันขนาดยักษ์จะขนถ่ายน้ำมันและก๊าซ ลำเลียงต่อไปยังยุโรปและสหรัฐฯ
โดยเฉพาะสหรัฐฯ ได้พยายามผลักดันอย่างหนักเพื่อให้จอร์เจีย ได้เข้าเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) อันเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจแก่รัสเซียเป็นอย่างยิ่ง
