xs
xsm
sm
md
lg

ดาวโจนส์-น้ำมัน-ทองคำ กอดคอร่วง บ่งชี้ศก.สหรัฐ แย่กว่าที่คาดการณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวโจนส์ปิดร่วง 139.88 จุด หลังแบงก์ชื่อดังหลายแห่ง แจงผลประกอบการขาดทุน บ่งชี้วิกฤตสินเชื่ออาจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบร่วลง 1.44 ดอลลาร์/บาเรล สวนทางค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น สะท้อนอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ด้านราคาทองคำปรับตัวลงติดต่อกัน 8 วันแล้ว กองทุนเทขายทำกำไรหลังจากค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น และแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก

วันนี้ (13 ส.ค.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กในสหรัฐ ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังจากวาณิชธนกิจ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และสถาบันการเงินรายอื่นๆ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนรายไตรมาส ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ผลกระทบจากวิกฤตการณ์สินเชื่อที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น อาจรุนแรงกว่าที่ประเมินกันไว้ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 139.88 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 11,642.47 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 15.73 จุด หรือ 1.21% แตะที่ 1,289.59 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 9.34 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 2,430.61 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.12 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.09 พันล้านหุ้น

นายฟิล ออร์แลนโด นักวิเคราะห์จากบริษัทเฟเดอเรทเต็ด อินเวสเตอร์ส ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงินอย่างหนัก หลังจากเจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยตัวเลขขาดทุนรายไตรมาส 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญและการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี ส่งผลให้ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลงกว่า 9%

"การขาดทุนของเจพีมอร์แกนซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐได้จุดปะทุให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐอีกระลอก ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลงหลังจากนักวิเคราะห์หลายรายปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนและผลประกอบการของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่แห่งนี้" ออร์แลนโดกล่าว

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้และนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ แตะระดับ 113.01 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 115.60 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทบีพีประกาศปิดท่อส่งน้ำมันที่ทอดผ่านจอร์เจีย ซึ่งเป็นผลมาจากการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารรัสเซียและจอร์เจีย

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนมิ.ย.ลดลง 4.1% แตะระดับ 5.68 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 5.92 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดส่งออกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 9.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนรายไตรมาส 1.5 พันล้านดอลลาร์ และนักวิเคราะห์จากลาเดนเบิร์ก ธาลแมน ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของเจพีมอร์แกนในปีนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 6.3% หลังจากนักวิเคราะห์หลายรายปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนและผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์

ส่วนหุ้นธนาคารวาโชเวีย ดิ่งลง 11.9% หลังจากธนาคารประกาศแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 600 ตำแหน่ง โดยมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน หลังจากธนาคารขาดทุนอย่างหนักในตลาดซับไพรม์ และหุ้นธนาคารยูบีเอสร่วงลง 6.2% หลังจากมีข่าวว่าธนาคารเตรียมแยกธุรกิจวาณิชธนกิจออกจากธุรกิจหลัก เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน

**คาดอุปสงค์ชะลอตัว น้ำมันดิบร่วง 1.44 ดอลลาร์

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้น และข้อมูลที่มีน้ำหนักมากขึ้นว่า กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา กำลังลดปริมาณการใช้พลังงาน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือน ก.ย.ร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 113.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 115.60-112.40 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 4.14 เซนต์ ปิดที่ 3.0781 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 2.34 เซนต์ ปิดที่ 2.8432 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายจิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัทริทเทอร์บุช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในรัฐอิลลินอยส์ กล่าวว่า "นักลงทุนจับตาดูข้อมูลที่ระบุว่าความต้องการพลังงานเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายสัญญาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทอื่นๆ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศลดคาดการณ์ความต้องพลังงานในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และหลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น"

เมื่อวานนี้ IEA ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันใน 30 ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในประเทศยุโรปและอเมริกาเหนือลงสู่ระดับ 48.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 1.3% ซึ่งการปรับลดคาดการณ์ของ IEA มีขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยยอดนำเข้าน้ำมันดิบประจำเดือนก.ค.ลดลง 7% จากเดือนก.ค.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ IEA กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้จะเป็นแนวโน้มในระยะยาว พร้อมระบุว่า ความต้องการพลังงานในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกำลังปรับตัวลดลงอย่างมาก ขณะที่ความต้องการพลังงานในจีนยังคงขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักลงทุนจับตาดูความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย และดูว่าการสู้รบครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ แม้รัฐบาลรัสเซียสั่งระงับการโจมตีทางทหารต่อจอร์เจียแล้วเมื่อวานนี้ แต่ทางจอร์เจียยืนยันว่ากองกำลังทหารรัสเซียยังคงโจมตีฐานที่มั่นของจอร์เจีย

บริษัทบีพีประกาศปิดท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งน้ำมันในทะเลสาบแคสเปียน ที่ทอดผ่านประเทศจอร์เจีย แต่ท่อส่งดังกล่าวซึ่งสามารถลำเลียงน้ำมันได 90,000 บาร์เรลต่อวัน ไม่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบในจอร์เจีย

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมัน คาดว่าจะลดลง 0.2%

**ทองคำร่วงตามน้ำมัน หลังกองทุนเทขายดอลลาร์

ส่วนราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 8 วันทำการ เนื่องจากกลุ่มกองทุนเทขายทำกำไรหลังจากค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังไดรับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนัก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 814.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 13.70 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 833.60-808.60 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 14.485 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 13.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 6.4 เซนต์ ปิดที่ 3.2275 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1,478.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 56.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 310.55 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 11.45 ดอลลาร์

นายจอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทคิทโก บุลเลียน ในเมืองมอนทรีอัล กล่าวว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนมิ.ย.ร่วงลง 4.1% แตะระดับ 5.68 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 5.92 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากยอดส่งออกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.644 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่ร่วงลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 113.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 112.40 ดอลลาร์ แม้มีข่าวว่าบริษัทบีพีประกาศปิดท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากแหล่งน้ำมันในทะเลสาบแคสเปียน ที่ทอดผ่านประเทศจอร์เจีย ซึ่งเป็นผลมาจากการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารจอร์เจียและรัสเซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น