xs
xsm
sm
md
lg

"น้องเขย" ไม่เชื่อ "แม้ว-อ้อ"หนี ขนกระเป๋า 9 ใบเรื่องปกติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"น้องเขยแม้ว" ปัด"แม้ว-อ้อ" เผ่นไปนอกเพื่อลี้ภัย เชื่อกลับไทยสู้คดี 11 ส.ค.นี้ ส่วนที่หอบกระเป๋าคนละ 9 ใบ ก็ไม่มาก เป็นเรื่องปกติ ยอมรับภาพพปช.ไม่สวย เตรียมเรียกแกนนำ-อีสานพัฒนา เคลียร์ใจ เบรกยื่นข้อมูลทุจริตให้ ป.ป.ช. มั่นใจ"จบดี" ด้านปชป.ปิดประตูไม่ร่วมสังฆกรรม "แก๊งเนวิน" ยันอุดมการณ์ต่างกัน ด้านประธาน กกต.ย้ำไม่มียืดเวลาให้ "หมัก-เลี้ยบ" ชี้แจงยุบพรรค ระบุ 15 ส.ค. อนุฯสอบ ต้องยื่นผลสอบสวนถึงมือ

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ ฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคแตกว่า ตอนนี้บรรยากาศเริ่มดีขึ้น คิดว่าจะพยายามชักชวนผู้ใหญ่ หรือคนในพรรคพูดคุยกัน ถามถึงปัญหาข้อมูลอะไร ว่าเป็นยังไง เพื่อว่าจะได้ประสานงานทำความเข้าใจ เพราะว่า คือเรื่องอะไรต่างๆ ตนคิดว่าคนที่อยู่ในพรรคเดียวกัน ควรที่จะหารือกันในพรรคหาทางออกที่ดี จริงๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องจบ เพราะเราต้องอยู่ด้วยกัน ยังไงก็คงแตกแยกไปไหนไม่ได้

ส่วนที่มีข่าวว่า ส.ส.จะไปตั้งพรรค จะย้ายพรรค คิดว่ายังไงก็ทำไม่ได้ด้วยกฎหมายอยู่แล้ว และไม่ได้คิดทำเรื่องนั้น

"เรื่องข่าวคราว เรื่องอะไรต่ออะไร คนนั้นพูดอย่างนั้น คนนี้พูดอย่างนี้ แต่ผมคิดว่าในฐานะที่ตัวเองก็เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็คงจะต้องมาช่วยกันดูแล ช่วยทำความเข้าใจ ช่วยกันหาข้อมูลแล้วก็ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็หารือกัน เป็นเรื่องธรรมดา" นายสมชาย กล่าว

กรณี ส.ส. กลุ่มอีสานพัฒนา จะยื่นข้อมูลของแก๊งออฟโฟร์ ที่มีการทุจริตรับเงิน 10 ล้านบาทต่อ ป.ป.ช. นั้น ตนไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด คิดว่าเดี๋ยวขอคุยกันหน่อย ไม่ใช่เรื่องยื่น หรือไม่ยื่น แต่คุยกันว่ามีอะไรที่พอหารือ พูดจาปราศัยกัน เพราะเราอยู่กันแบบพี่น้อง จะคุยแบบนี้ ไม่ได้คุยว่าจะยื่นหรือไม่ยื่น ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่รู้ข้อมูลอะไร ขอให้ในพรรคทำความเข้าใจกันก่อน ว่ามันมีอะไรเป็นอะไร บางทีเมื่อดูแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ทุกอย่างก็จบด้วยดี

เมื่อถามว่า สังคมกำลังจับตาว่าจะเป็นมวยล้มหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ใช่มวยล้ม ไม่ล้มหรอก คิดว่าอย่างที่บอก คือต้องให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพของพรรค ไม่ใช่ล้มไม่ล้มเพราะเราอยู่พรรคเดียวกัน ก็ต้องคุยกัน เมื่อถามว่าโดยหลักการถ้ามีข้อมูลจริง ควรจะยื่นหรือไม่ นายสมชาย กล่าวย้ำเช่นกันว่า ก็ยังไม่รู้ข้อมูล ดังนั้น จึงพูดไม่ได้ว่ายื่น หรือไม่ยื่น

เมื่อถามว่า แล้วเรื่องนี้จะจบอย่างไร จะคุยกันอย่างไร นายสมชาย กล่าวยืนยันมั่นใจว่า "จบดีครับ" ส่วนจะจบเพราะการคุยกับแกนนำหรือไม่ก็ต้องรอคุยกัน

"อย่างผมเป็นรองหัวหน้าพรรค เราไม่ได้หมายความว่า เราสำคัญกว่าคนอื่น แต่การมีตำแหน่งในพรรคเป็นเรื่องของภาระหน้าที่ และการงานที่ต้องทำให้พรรคเดินไปได้ด้วยดี ซึ่งส.ส.ทุกคนในพรรค สำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ใช่รองหัวหน้าพรรคสำคัญกว่า หรือคนอื่นสำคัญกว่า เพราะว่าทุกคนเราต้องให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรมาพูด โดยเราเคารพในเหตุผลในการรับฟังเขาทุกคน ผมเองด้วยซ้ำไปที่เป็นส.ส.ที่อาวุโสต่ำในพรรค แต่ว่า ผมคิดว่าทุกคนช่วยกันได้มันก็ดี" นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า ภาพที่ออกมาเป็นคนส่วนน้อยที่ออกมาเพราะอกหัก ผิดหวังไม่ได้ตำแหน่ง แต่อีกกลุ่มก็บอกว่าจะแยกไปตั้งพรรค นายสมชาย กล่าวยอมรับว่า มีเรื่องแยกไปตั้งพรรค แต่ภาพออกมาไม่ค่อยสวย เมื่อถามว่าจะได้คุยกันเมื่อไร นายสมชาย กล่าวว่า ก็คุยทุกวัน

เมื่อถามถึงเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ทั้งศึกในศึกนอกจะสามารถประคองเดินไปได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลนั้นจริงๆ รัฐบาลก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เสื่อมเสถียรภาพ แม้จะมีความขัดแย้ง แต่รัฐบาลก็ต้องทำงานไปเรื่อยๆ ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน จะไม่มีการชะลอการทำงานเพราะเป็นพันธะของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แม้จะรู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องพ้นหน้าที่ วันนี้ก็ชะลอไม่ได้ อย่างไรก็ตามวิธีทำให้พ้นหน้าที่ มันก็ต้องทำตามกฎหมายด้วย

เมื่อถามว่า เคยได้ยินเรื่องที่ว่าในที่ประชุมมีการเปิดเผยข้อมูลว่า ส.ส.บางส่วนได้ไปคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วก็มีการเปิดใจออกมาว่า คนที่อยู่ใกล้ชิดเป็นคนที่กัดกินอดีตนายกฯ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เคยได้ยิน เพราะวันนั้นไม่อยู่ในที่ประชุมตอนท้าย และไม่รู้เขาคุยอะไรกันบ้าง เอาเป็นว่าจะพยายามหาทางคุยกันประสานงานกันเพื่อความเข้าใจดีซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่าต้องคุยกันระดับแกนนำพรรค หรือว่าต้องเชิญ ส.ส.ที่มีปัญหา 4-5 คนนั้นมาคุย นายสมชาย กล่าวว่า คุยทุกระดับ เพราะอยากให้พรรคเรียบร้อยต้องคุยทุกระดับ

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดเรื่องเห็บ เรื่องเหลือบ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวติดตลกว่า "มีเห็บด้วยหรือ ท่านไม่ได้เรียนชีวะ" คือด้วยความสัจจริง ท่านทักษิณ ไม่ได้พูดการเมืองกับตน และตนก็ไม่พูดการเมืองกับท่าน เพราะว่าถ้ารักกัน อย่าไปชวนท่านพูดเรื่องการเมือง ท่านก็ไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะว่าท่านพ้นจากการเมืองไปแล้ว ส่วนจะมีคนข้องใจ สงสัย ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าท่านเคยอยู่ในการเมือง

ไม่สน "จิ๋ว" เสนอรัฐบาลเฉพาะกาล

นายสมชาย ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอให้ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลว่า ความคิดของใครก็คิดกันไปได้ แต่เป็นไปได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะต้องไปดูรัฐธรรมนูญว่าทำได้อย่างไร แค่ไหน ทั้งนี้เข้าใจว่าที่ท่านเสนอ เพราะเป็นความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่ว่าการที่จะดำเนินการอะไรต่อไป มันต้องไปเป็นตามรัฐธรรมนูญ

"แม้แต้ท่านนายกฯ จะลาออก รัฐมนตรีพ้นหน้าที่ไปหมด ก็ต้องอยู่ที่ว่า ท่านลาออกไปก็ต้องมีประชุมสภา เพื่อเลือกนายกคนใหม่ ก็ต้องไปเป็นตามระบบ คือ ผมว่าจะเป็นรัฐบาลอะไรก็ตาม ให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ถ้าหากว่าเป็นการยุบสภา ก็ต้องเป็นการเลือกตั้งใหม่ ถ้าหากว่าเป็นการครบวาระก็ เป็นการเลือกตั้งใหม่ มันก็มีอยู่ 2-3 อย่างนี้ จะผสมกันยังไงก็แล้วแต่ ก็ต้องเดินไปภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ถ้าเราไม่ยึดมั่นระบบ ยึดมั่นกติกา ทุกอย่างมันจะล้มเหลว" นายสมชาย กล่าว

ยัน "แม้ว-อ้อ" ไม่หนี

นายสมชาย ยังกล่าวถึง กระแสข่าวที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะขอลี้ภัยไปต่างประเทศ ว่า ไม่มีหรอก จะลี้ทำไม คนไทยต้องอยู่เมืองไทย คือตนไม่เคยคุยอะไรด้วย แต่มั่นใจว่า ไม่หนี

ส่วนที่มีข่าวว่า มีการหิ้วกระเป๋าคนละ 9 ใบจนผิดสังเกตนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ต้องถามว่าคนที่ไปไปกี่คน ก็ไม่มาก ส่วนถ้าเป็นคนละ 9 ใบ ก็ไม่มาก ไม่มีหรอก เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว พร้อมจะต่อสู้ในคดีต่างๆในประเทศไทย นายสมชาย กล่าวว่า แน่นอน คือท่านก็เป็นคนพูด

"ส่วนตัวผมคิดว่า ดีที่สุดเมื่อเรื่องเข้าไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ต้องสู้ในกระบวนการยุติธรรม และเรามั่นใจว่า ความเป็นธรรมยังมีอยู่" นายสมชายกล่าว

เมื่อถามว่า วันที่ 11 ส.ค. จะมาฟังคำพิพากษาของศาลหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คืออย่างนี้ว่า วันไหน วันไหนเป็นเรื่องที่ท่านขออนุญาตไปต่างประเทศ แล้วศาลอนุญาตให้ไป แล้วก็มีระบุว่าจะต้องมารายงานตัวเมื่อไร ฉะนั้นท่านปฏิบัติตามคำสั่งศาล คือตนไม่ได้ต้องไปยืนยันอะไร ท่านต้องเคารพตรงนั้นอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า วิบากกรรมของตระกูลชินวัตร ยังไม่หมดใช่ไหม นายสมชาย กล่าวว่า ยังไม่หมด เมื่อถามว่าต้องเดินสายไปทำบุญแก้กรรมหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า การทำบุญไม่ได้เป็นการแก้กรรม แต่ถ้ามีเวลาก็จะทำบุญ

"หมัก" ไม่ตอบเรื่องพรรคแตก

เวลา 09.00 น. วานนี้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกฯ นายเตช บุญนาค รมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางเพื่อร่วมในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายธีรพล นภรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมมีกำหนดเดินทางร่วมคณะไปด้วย แต่ยกเลิกเนื่องจากติดภารกิจ ได้เดินทางไปส่ง

นายสมัคร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลลักษณะพิเศษ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ รวมทั้งปัญหาภายในพรรคพลังประชาชนที่ขณะนี้เกิดความแตกแยกอย่างหนัก โดยนายมัครได้แต่ยิ้ม แต่ไม่ยอมกล่าวอะไร และเดินเข้าไปยังห้องรับรอง ก่อนที่จะเดินไปรับประทานบะหมี่ ที่ร้านศาลาไทย ภายในบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก

ขณะที่นายธีรพล ก็ปิดปากเงียบ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงข้อกล่าวหาว่าเป็น 1 ในสมาชิกแก๊งออฟโฟร์ ที่มีบทบาทในการรปรับครม. รวมทั้งการกล่าวหาเรื่องการรับเช็ก สินบน 10 ล้านบาท

ปชป.ไม่ร่วมสังฆกรรมแก๊งยี้ห้อย

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธกระแสข่าวที่มี ส.ส.พรรคพลังประชาชน กว่า 80 คน จะมาร่วมมือกับพรรคในการตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า เรื่องใดที่เป็นปัญหาภายในของพรรคพลังประชาชน อย่านำฝ่ายค้านเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอร้องว่า อย่านำไปอ้างและต่อรอง ส่วนสถานการณ์การเมือง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ อนาคตการเมืองขอให้เป็นไปตามระบบ

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะรับผู้ใดเป็นสมาชิกเพิ่มหรือไม่ จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ซึ่งจะต้องเป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากรัฐบาลยึดหลักธรรมาภิบาล จะทำให้เงื่อนไขต่างๆ หมดไป

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นข่าวโคมลอย ขณะนี้ยังไม่มีใครในพลังประชาชนมาติดต่อ และประชาธิปัตย์ ก็ไม่มีใครไปติดต่อกับพลังประชาชน แต่มีการปล่อยข่าวเป็นระยะ เช่นนายเนวิน ชิดชอบ มาคุยกับตนเพื่อความร่วมมือทางการเมือง และขณะนี้มีแก๊งออฟโฟร์ ตนก็ไม่เคยพูดกับใคร ในแก๊งนี้

"โดยข้อเท็จจริง ผมไม่คิดว่า คนในสังกัดของคุณเนวิน และคณะจะมาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะอุดมการณ์ แนวคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน เช่น ความคิดในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เหมือนกันแล้ว" นายสุเทพกล่าว

"เนวิน" ไม่ร่วม ปชป.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชาชนใกล้ยุติแล้ว เพราะได้มีการทำความเข้าใจกันทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการรับสินบนของคนใกล้ชิดนายกฯ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ

นายสุทิน ยังกล่าวถึงกรณีนายเนวิน ชิดชอบ ซึ่ง เป็นหนึ่งในแก๊งออฟโฟร์ จะหักหลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าได้มีการโทรศัพท์ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ซึ่งนายเนวิน บอกกับตนว่า จะไม่มีการไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ แน่นอน

"ชัย" ยัน "พลังแม้ว" ยังไม่แตก

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้พรรคยังไม่แตกไม่มีปัญหา ยังแข็งแรง ถ้ามีคนมาแหย่ถึงจะแตก เคยเห็นมดแดงหรือไม่ มันเคยกัดกันมั้ย ยกเว้นมีคนมาแหย่มัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด จะไปยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบคนใกล้ชิดของนายกฯ จะทำอย่างไร นายชัย กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะส.ส.มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต เมื่อถามว่า คนที่ออกมาตรวจสอบเพราะเสียผลประโยชน์ในการปรับ ครม. นายชัย กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นทุกคนก็อยากเป็นกันหมด วาสนา แต่ละคนไม่เหมือนกัน ชีวิตไปตามดวง และวาสนาแต่ละคน ถึงดิ้นรนอย่างไร ถ้าวาสนาไม่ได้ มันก็ไม่ได้ เคยเป็นคนรับใช้ ก็เป็นตลอด คนทำบุญกุศลมาก ก็ได้ดี และก็เป็นเศรษฐี

นายชัย ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ นายเนวิน ชิดชอบ จะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อตั้งพรรคใหม่ หากมีการยุบสภาว่า เป็นแค่เรื่องตามกระแสลม เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ตรวจสอบ ยังระบุอีกว่า มีกลุ่มของนายเนวิน ไปแสวงหาผลประโยชน์ในกระทรวงมหาดไทยด้วย นายชัย กล่าวว่า งบประมาณที่อนุมัติลงไปแต่ละเม็ด จะต้องรู้อยู่แล้วว่าเอาไปใช้โครงการอะไร ใครจะไปโกงกินได้ มองไม่ออก เป็นการใส่ใคล้กัน แต่ละท่านก็อยากดังทั้งนั้น เพราะถ้าดัง และด่านายกฯได้ ชาวบ้านก็ชอบ เพราะ ส.ส.ของตัวเองเก่ง คราวหน้าเลือกตั้งก็ได้กลับมาอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข่าวว่าแก๊งออฟโฟร์ โดยเฉพาะนายเนวิน จะเป็นคนคุมพรรคพลังประชาชน นั้น นายชัย กล่าวว่า เขาอยุ่ใน 111 คน เขาทำอะไรไม่ได้หรอก ถ้าจะทำได้ต้องครบ 5 ปีก่อน เป็นธรรมดา คนเรามีข้างหน้า ข้างหลัง แต่ลูกชายตนเดินหน้าตลอด ส่วนกระแสข่าวว่านายเนวิน จะได้เป็น นายกฯ นายชัย กล่าวว่า นี่ก็เป็นวาสนา

"เด็กเนวิน" ยึดมหาดไทย

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า การแต่งตั้งขรก.ในกระทรวงมหาดไทยที่คาดว่า จะมาเป็นคณะทำงานของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้แก่ นายวิเชียร ชวลิต รอง ผวจ.อำนาจเจริญ นายธานี สามารถกิจ รอง ผวจ.ยโสธร และ นายสุรชัย ขันอาสา รองผวจ.ชุมพร ซึ่งทั่ง 3 คน อยู่ในสายของนายสุจริต ปัจฉิมนันท์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นศิษย์เก่ารัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ หรือ สิงห์แดง และมีความสนิทสนมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ จะมาทำหน้าที่ทีมงาน รมว.มหาดไทย

กกต.ไม่หลงเกมถ่วงยุบพรรค

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวถึง การที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคฯ ขอเลื่อนการเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการสอบสวนกรณียุบพรรคพลังประชาชนว่า มีการขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 ส.ค. โดยอ้างว่าติดภารกิจต้องเดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่ทางอนุกรรมการสอบสวนฯไม่อนุญาต โดยกำหนดให้มาชี้แจงภายในวันที่ 13 ส.ค. เพราะวันที่ 15 ส.ค.จะครบกำหนดการขยายเวลาสอบสวน ที่กกต.ให้กับอนุกรรมการฯ ดังนั้นหากภายในวันที่ 13 ส.ค.บุคคลทั้ง 2 ไม่มาชี้แจงด้วยตนเองก็สามารถส่งเป็นเอกสารมาชี้แจงได้

"เรื่องดังกล่าวมีคำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งอยู่แล้ว ซึ่งการที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค ทุจริตเลือกตั้ง ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการยุบพรรคอยู่แล้ว"เลขากกต. กล่าว

ด้าน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวว่า การให้มาชี้แจงอีกครั้ง ภายในวันที่ 13 ส.ค. ไม่ใช่ว่า กกต.ไม่ให้โอกาส แต่การให้โอกาสไม่จำเป็นต้องมานั่งซักไซร้กัน หรือมาเอง สามารถชี้แจงเป็นเอกสารได้ และการทำงานของอนุกรรมการ ฯ กกต.ก็เห็นว่าให้เวลามาพอสมควรแล้ว คงจะไม่มีการเลื่อนเวลาการสอบสวนออกไปอีก ดังนั้น ทางอนุกรรมการสอบสวนฯ คงจะเสนอรายงานสรุปผลการสอบสวนให้ กกต.ทราบภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้

นายอภิชาต ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต.ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการสอบสวนไปพิจารณาว่า แม้จะครบกำหนดระยะเวลาการสอบสวนแล้ว แต่วานนี้ ( 7 ส.ค.) ทางอนุกรรมการฯ ได้แจ้งมาว่าจะขอสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก ซึ่งหากมีการสรุปสำนวนส่งมาเมื่อไร ก็จะเร่งนำเข้าที่ประชุม กกต.โดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเกินวันที่ 15 ส.ค.

ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีมี ส.ส.พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่ามี ส.ส.ในพรรค ดำเนินการหางบประมาณจากการกินหัวคิวจากโครงการใหญ่ของรัฐบาล เพื่อนำไปใช้ในการตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า ถือว่าเป็นเรื่องภายในของพรรค และยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามา ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง หรือ กฎหมายเลือกตั้ง เป็นเพียงข่าว กกต.คงไม่ไปตรวจสอบอะไร อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมือง หากมีการร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็สามารถที่จะตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าวได้

"สมบัติ" อ้างมีวีดีโอมัด "วิฑูรย์"

นายสมบัติ รัตโณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 อุบลราชธานี ในฐานะผู้ร้องคัดค้าน นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ในข้อหาแจกตั๋วหนังจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาลงคะแนนให้ตน ได้พาพยานจำนวน 4 ปาก ซึ่งเป็นผู้ที่ถ่ายวิดีโอเทปว่ามีการกระทำผิดในโรงหนังเนวาด้าร์ มัลติเพล็กซ์ ช่วงระหว่างวันที่ 11-19 ธ.ค. 50 และผู้ที่ได้รับแจกคูปองตั๋วหนังมาให้ปากคำต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยนายสมบัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนจะพาพยานคนดังกล่าวมาให้การ แต่ถูกพยานของฝ่ายนายวิฑูรย์ ข่มขู่ถึงบ้าน ทำให้ต้องหลบหนี เพิ่งจะสามารถตามตัวได้ จึงจะขอความเป็นธรรมต่อ กกต.ในการนำพยานคนดังกล่าวมาให้ปากคำในครั้งนี้ และคงไม่มีพยานมาให้สอบเพิ่มเติมอีก ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ตนนำมาแสดงก่อนหน้านี้ ยืนยันได้ว่านายวิฑูรย์ มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดที่เกิดขึ้น เพราะเป็นผู้ที่ไปปราศรัยในโรงหนังดังกล่าวก่อนที่จะมีการฉายภาพยนตร์ ดังนั้น ที่มีข่าวก่อนหน้าว่ากกต.จะยกคำร้องของนายวิฑูรย์ ตนก็อยากดูมาตรฐานของกกต.เหมือนกัน

"ของเราโดนหนักๆ หลายราย แต่ของพรรคประชาธิปัตย์หนักๆ ก็หลายเรื่อง แต่ไม่โดนใบแดงซักเรื่อง" นายสมบัติ กล่าว และว่าในวันนี้ (8 ส.ค.) จะแถลงเรื่องดังกล่าว และเปิดวีซีดี ดังกล่าวอีกครั้ง ที่พรรคพลังประชาชน เวลา 11.00 น.

"สุวัจน์" ชี้รัฐบาลสมานฉันท์เกิดยาก

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ปฏิเสธข่าวที่มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บางส่วนจะไปรวมตัวกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยบอกว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ ส่วนจะมีใครไปดำเนินการอย่างไรหรือไม่นั้น ไม่ทราบ และตนก็ไม่เคยติดต่อกับใครในลักษณะดังกล่าวเลย

ส่วนข้อเสนอของพล.อ.ชวลิต เรื่องรัฐบาลสมานฉันท์ ก็แล้วแต่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ตนคิดว่าในอนาคต การเมืองจะเดินไปสู่การมีพรรคการเมืองขนาดใหญ่เพียงไม่กี่พรรค การเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็พิสูจน์แล้วว่า หลายๆพรรคทำท่าจะเป็นพรรคใหญ่ แต่ผลออกมาก็มีเพียงพรรคใหญ่เพียง 2 พรรค ส่วนที่เหลือก็เป็นพรรคระดับ 10 กว่าเสียง แนวโน้มก็คงมีพรรคใหญ่เพียง 2 พรรค

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีการยุบพรรคไปรวมกับพรรคการเมืองใหญ่ในขณะนี้ นายสุวัจน์ กล่าวว่า จะมีพรรคการเมืองเกิดใหม่อีกพรรคหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้คุยกับใคร ต้องรออีก 3 ปีครึ่งค่อยมาว่ากัน ส่วนแนวทางการตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ ด้วยองค์ประกอบพรรคการเมือง 6 พรรค และมีการเผชิญหน้าอย่างนี้ คิดว่าลำบาก แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การผ่าทางตันขณะนี้ อยากให้เป็นไปตามกติกาของรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามวันนี้เราคงต้องแก้ปัญหาของประเทศก่อนเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนที่จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะความไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน มีส่วนบั่นทอนหลายๆ อย่าง

นายสุวัจน์ ยังกล่าวถึงความแตกแยกภายในพรรคพลังประชาชน ว่า เป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัว เพื่อให้คนในองค์กรมีความเข้าใจที่ตรงกัน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้พรรคแตกหรือไม่นั้นตนไม่ทราบว่าจะพัฒนาไปถึงขนาดนั้นหรือไม่ แต่ก็ไม่อยากเห็น ตนอยากเห็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่สัก 2 พรรค เพื่อเป็นหลักกับประเทศ ถึงเวลาเลือกตั้งก็ให้ประชาชนตัดสินว่าจะเลือกใคร

นายสุวัจน์ กล่าวถึงทางออกรัฐบาลที่จะฝ่าวิกฤติในขณะนี้ว่า ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะประชาชนคาดหวังว่าหลังเลือกตั้งจะเห็นแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถ้ารัฐบาลทำให้เห็นว่า สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ และประชนพอใจก็จะช่วยพยุงเสถียรภาพของรัฐบาลได้ อย่างมาตรการที่รัฐบาลออกมา 6 มาตรการ 6 เดือน เสียงสะท้อนจากประชาชนก็เห็นว่าดี ถ้ามีสิ่งดีๆ เข้ามาก็น่าจะพยุงเสถียรภาพรัฐบาลได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะนี้ก็คาดการณ์ได้ยาก และคิดว่าเมื่อเดินมาถึงจุดนี้ในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต้องใช้แนวทางในระบอบประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น