“ยงยุทธ” ยังทำใจรับใบแดงไม่ได้ ปิดปากงดสัมภาษณ์ อ้างอยากพักผ่อน พร้อมวางแผนเบนเข็มสอนหนังสือ ขณะที่บรรยากาศบ้าน “ยุทธ” ที่เชียงรายปิดเงียบ ด้าน “กานต์” เชื่อ “พลังแม้ว” และพรรคร่วมฯ บางพรรค ส่อถูกยุบแน่ เสนอยุบสภาเป็นทางออกดีที่สุด
วันนี้ (9 ก.ค.) พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เปิดเผยถึงท่าทีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ภายหลังศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง เพิกถอนสิทธิทางการเมืองของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กรณีทุจริตการเลือกตั้งที่จ.เชียงราย โดยกล่าวว่า นายยงยุทธฝากมาว่าช่วงนี้ของดให้สัมภาษณ์ เนื่องจากต้องการพักผ่อนจริงๆ และยังอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ไม่ได้วิตกกับเรื่องคำตัดสินดังกล่าว เนื่องจากคาดเดาเหตุการณ์ไว้แล้วว่าจะออกมาในรูปแบบไหน
ขณะที่อนาคตของนายยงยุทธหลังจากนี้ต่อไปนั้น พ.ต.ท.กานต์ ระบุว่า เท่าที่คุยกันเป็นไปได้ว่านายยงยุทธอาจจะไปสอนหนังสือแทนทำงานการเมือง
เมื่อถามว่า แนวทางในการดำเนินการของพรรคพลังประชาชน ต่อไปจากนี้นั้นเป็นอย่างไร รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ค่อนข้างชัดเจนว่าพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจะต้องถูกยุบไปในที่สุด ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 237 อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยการยุบสภานั้นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดา ส.ส.ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองที่ไม่ถูกคุกคาม และเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ก็คงจะได้กลับมาทำหน้าที่ตามเดิมอีกแน่นอน
สำหรับบรรยากาศที่บ้านพักของนายยงยุทธที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ในเช้าวันนี้ยังคงถูกปิดเงียบ ไม่มีผู้ใดเข้าออกแต่อย่างใด ส่วนบรรยากาศตามสภากาแฟต่างๆ ในพื้นที่ต่างจับกลุ่มพูดคุย มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และเชื่อกันว่าในการให้ใบแดงนายยงยุทธ ครั้งนี้น่าจะนำไปสู่การยุบสภา หรืออาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่อย่างแน่นอน
กกต.เตรียมตั้งอนุสอบยุบ พปช. พร้อมจัดเลือกตั้งใหม่
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการภายหลังจากที่นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกศาลฎีการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และสั่งให้เลือกตั้งใหม่ เขต 3 จ.เชียงราย โดยให้ใบเหลือง น.ส.ละออง ติยะไพรัช ตามที่ กกต.เสนอว่า จากนี้ทางเจ้าหน้าที่กกต.จะต้องคัดคำสั่งศาลฎีกาดังกล่าว เพื่อรายงานต่อกกต. โดยประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะพิจารณาหลังจากพบว่ามีการกระทำผิดมาตรา 94 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2550 จะต้องดำเนินการตามมาตรา 95 ของกฎหมายเดียวกันในการที่จะต้องแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคการเมือง โดยหากเห็นว่ามีความผิดจะต้องดำเนินการก็จะขอมติจากที่ประชุมกกต. ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปแจ้งต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคต่อไป
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากให้พิจารณา มาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.2550 ที่มีเนื้อหาระบุว่า ถ้าการกระทำปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วมิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้กกต.เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคนั้น และให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคกาเรมืองนั้น 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง และอยากให้โยงถึง พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 98 ด้วย เนื่องจากระบุตอนหนึ่ง ระบุว่า หากปรากฎหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนร่วม รู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย ซึ่งหมายถึงต้องพิจารณาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนรู้เห็น ผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมรู้ เกี่ยวข้อง ตนเข้าใจว่าก็ไม่ควรถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง เพราะ พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ระบุชัดเจนว่าหากจะต้องมีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเช่นนี้ ก็ให้โยงไปใช้กับ พ.ร.บ.พรรคการเมืองด้วย
“ผมจึงบอกว่าอยากให้ช่วยกันพิเคราะห์ เพราะผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่า ในกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมืองนั้นจะแปลกันอย่างไร และกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะขัดแย้งกันหรือไม่ ผมไม่ทราบ ก็อยากให้ดู และนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบก่อนจะเสนอส่งศาลรัฐธรรมนูญ”
สำหรับกรณีขั้นตอนของรับรองส.ส.สัดส่วนคนใหม่แทนนายยงยุทธนั้น กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 109 ที่ระบุให้เลื่อนคนลำดับถัดไปขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยน่าจะเป็นหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะประกาศ คงไม่เกี่ยวกับกกต.แล้ว เพราะกกต.ได้ประกาศรับรองส.ส.ในลำดับนี้ไปแล้ว เมื่อว่างลงก็ต้องเลื่อนขึ้นมา โดยให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วัน เมื่อถามว่าจะต้องให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่มีรายชื่อลำดับถัดไปก่อนหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับกกต.แล้ว เนื่องจากก็มีการเสนอรายชื่อแต่ละลำดับไว้อยู่แล้ว
ส่วนความพร้อมของกกต.ในการจัดการเลือกตั้งหากจะมีขึ้น กกต. ก็พร้อมอยู่แล้ว เพราะจัดเลือกตั้งอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร สำหรับการจัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 3 จ.เชียงราย กกต.ก็พร้อม เพราะกฎหมายให้เวลาดำเนินการ 45 วัน นับจากที่ศาลฎีกามีคำสั่ง สำหรับกรณีที่จะมีการจัดแจ้งพรรคการเมืองใหม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าขณะนี้มีมาจดแจ้งมากน้อยแค่ไหน เพราะที่ผ่านมากกต.ก็พิจารณาเรื่องจดแจ้งพรรคใหม่อยู่เรื่อยๆ
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าการจัดรายการชิมไปบ่นไป ของสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. เพิ่งแจกสำนวนเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา และนัดประชุมกันในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับกกต.ทั้ง 5 คนว่า เมื่อหารือกันแล้ว จะสามารถลงมติในสัปดาห์หน้าเลยหรือไม่ หรือจะขอเลื่อนและไปนัดลงมติกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง อย่างเร็วที่สุดคือภายใน 45 วัน ส่วนงบประมาณจัดการเลือกตั้งนั้น กกต.ไม่มีงบประมาณ ก็ต้องของบกลางของรัฐบาลเพื่อจัดเลือกตั้ง เมื่อถามว่าต้องได้รับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีบ้งหรือไม่ นายประพันธ์ หัวเราะและตอบว่า ก็คงทราบพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ตามกกต.ไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้า หากมีการยุบสภาเมื่อไรก็สามารถจัดการไว้ทันที
สำหรับกรณีที่จะต้องมีพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เขต 3 จ.เชียงราย หลังจากที่น.ส. ละออง ติยะไพรัช ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ได้กำหนดไว้ว่าควรจะเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 17 ส.ค.นี้
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพบูลย์ สถาปนาวิสุทธิ์ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของ บ.เซ็นทรัล แอททอร์นี ลอว์ จำกัด ได้นำพวงหรีดมีข้อความว่า “ขอไว้อาลัย แด่กกต.ที่ไม่เป็นกลาง จากประชาชนเสียงข้างมาก” มามอบให้แก่กกต.ทั้ง 5 คน โดยมีนายอิสระ เสียงเพราะดี รองผอ.สำนักประชาสัมพันธ์ ออกมาพบและพูดคุย แต่ไม่ยอมรับพวงหรีดดังกล่าวไว้ ทั้งนี้นายไพบูลย์ กล่าวแสดงความไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.ที่ไม่เป็นกลาง เนื่องจากสำนวนร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า ไม่เหมือนสำนวนอื่นที่ดูเหมือนจะเร่งพิจารณา จึงเห็นว่าไม่ควรใช้อำนาจตามอำเภอใจ เพราะสังคมไทยควรได้รับความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีสำนวนทุจริตของนายวิฑูรย์ นาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวเพียงว่า ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าของสำนวนดังกล่าว