xs
xsm
sm
md
lg

ทุ่ม3.9หมื่นล.ซื้อใจรับเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์การเมืองที่มีปัญหารุมเร้ารัฐบาลทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองในเรื่องความไม่ชอบของรัฐมนตรีบางคนในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และยังถูกกดดันจากสังคม จากผู้ชุมนุมภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพฤติกรรมของรัฐบาลที่ใช้อำนาจช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวพร้อมพวกพ้อง จนอาจทำให้รัฐบาลมีอายุอีกไม่นาน เพราะต้องยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ ทำให้รัฐบาลเร่งคลอดนโยบายประชานิยม และนโยบาย 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชน เพื่อซื้อใจชาวบ้านสำหรับเตรียมการเลือกตั้ง
ล่าสุดรัฐบาลยังเตรียมทุ่มงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนอีกรอบ โดย พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการงบประมาณแผนการลงทุนพัฒนาสุขภาพของประชาชน กรอบวงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาท ระหว่าง ปี 2552-2555 เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ และปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ โดยจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในที่ 5 ส.ค.นี้
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้นโดยผู้หญิงอายุขัยเฉลี่ย 77 ปี ขณะที่ผู้ชายอายุขัยเฉลี่ย 70.45 ปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ และ มะเร็ง ที่สำคัญประเทศไทยประสบปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้แผนการลงทุนคือ 1.แผนงานพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการขยายเครือข่าย หน่วยบริการใกล้บ้าน พัฒนาศูนย์สุขภาพชุมชน 560 แห่ง คิดเป็นเงิน 3.2 พันล้านบาท พร้อมจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจ 60 แห่ง ศูนย์โรคมะเร็ง 30 แห่ง และ เครือข่ายการบาดเจ็บแห่งชาติ 60 แห่ง งบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และ โครงการพัฒนาระบบบริการโรงพยาบาลชุมชน งบประมาณ 8.7 พันล้านบาท
2.แผนงานพัฒนาแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข 1.1 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 2552-2555 เพื่อผลิตแพทย์ 2,862 คน พยาบาล 4 พันคน นักวิชาการ 3.2 พันคน และ ทันตสาธารณสุข 1.6 พันคน พร้อมกับสนับสนุนทุนการศึกษา 1.5 หมื่นคน
3.แผนงานลดปัจจัยเสี่ยงและคุ้มครองผู้บริโภค 2.3 พันล้านบาท และ 4.แผนงานพัฒนาข้อมูลและองค์ความรู้ 1.8 พันล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น