xs
xsm
sm
md
lg

รัฐเตรียมรีดดีเซลคืนกองทุนน้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“กบง.”ถก 1 ส.ค.เตรียมสรุปรีดเงินดีเซลคืนกองทุนน้ำมันฯหลังครบกำหนดลดเก็บ 90 สตางค์ต่อลิตรในวันนี้(31ก.ค.) “พูนภิรมย์”แย้มส่วนตัวอาจต้องเก็บบ้างแต่จะทั้งหมดหรือไม่รอกบง.ตัดสินใจ ส่วนแอลพีจีไม่มั่นใจว่าจะพิจารณาได้ทัน แต่ย้ำยังดูแลแอลพีจีราคาเดิมให้แท็กซี่ถึงสิ้นปี วงในเผยราคาขึ้นแอลพีจีภาคขนส่ง/ครัวเรือนเสนอตัวเลขขยับพรวด 10-15 บาทต่อกก. หวังสกัดการใช้เพิ่มและรีดเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพื่อทยอยจ่ายคืนปตท.หวั่นไม่นำเข้าจะยิ่งขาดแคลน ด้านราคาน้ำมันโลกดิ่งใกล้ 120 ดอลล์

พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Awards 2008 ซึ่งเป็นโครงการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาพลังงานทดแทน โดยมีผู้ได้รับรางวัลรวม 51 ราย จากผู้เข้าประกวด 137 วานนี้(30ก.ค.)ว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 1 ส.ค. จะมีการพิจารณาถึงมาตรการลดการเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานรวม 90 สตางค์/ลิตรที่จะครบกำหนดลดการเก็บวันที่ 31 ก.ค.นี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรซึ่งความเห็นส่วนตัวแล้วราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงก็น่าจะเก็บคืนกองทุนฯเพื่อลดภาระรายจ่ายของภาครัฐ ส่วนจะลดทั้งหมดหรือไม่คงจะต้องหารือในกบง.เป็นหลัก

“ ความเห็นส่วนตัวคงจะต้องมีการเก็บคืนบ้างแต่จะทั้งหมดหรือไม่ขอให้เป็นหารือในกบง.ก่อนเพราะในฐานะเป็นประธานที่ประชุมจะไปพูดล่วงหน้าชี้นำไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาการลดการเก็บดีเซลช่วงนั้นเพราะราคาน้ำมันดีเซลแพงมาก แต่เวลานี้ราคาได้ลดลงมากแล้วเช่นกัน”รมว.พลังงาน กล่าว

สำหรับแผนการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมได้สั่งให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)จัดทำวาระเพื่อเข้าสู่การพิจารณาแต่ไม่แน่ใจว่าจะทันการประชุมกบง.ครั้งนี้หรือไม่ โดยส่วนของแอลพีจีสำหรับแท็กซี่ได้ยืนยันไปแล้วว่าจะดูแลไปจนถึงสิ้นปีเพื่อรอให้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวีพร้อมซึ่งล่าสุดทั้งปริมาณก๊าซและจำนวนปั๊มเริ่มมีมากพอกับความต้องการแล้ว

รมว.พลังงานยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลและนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์อี 85 ซึ่งล่าสุดได้จัดทำสเปคแก๊สโซฮอล์อี 85 เสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนนโยบายแก๊สโซฮอล์อี 85 ต้องรอนายกรัฐมนตรีที่จะมาเป็นประธานในการประชุมระหว่าง 3 กระทรวง คือ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลัง

เลื่อนประชุม กบง.

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เดิมได้นัดหารือกบง.วันที่ 31 ก.ค.และได้เลื่อนไปวันที่ 1 ส.ค. แทนเนื่องจากไม่มีความพร้อมด้านจัดทำวาระการประชุม ซึ่งตามข้อสรุปเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการนั้นทางกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)จะมีการนำเสนอมาตรการเรื่องแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม) แต่ยังจัดทำรายงานไม่ทัน ดังนั้นวันที่ 1 ส.ค.อาจจะทันหรือไม่ต้องติดตามอีกครั้ง โดย หากมีการพิจารณาราคาแอลพีจีภาคขนส่งอุตสาหกรรมมีแนวโน้มว่าจะมีการเสนอการปรับขึ้น 10- 15 บาทต่อกก.ซึ่งอยู่ที่กบง.จะตัดสินใจว่าจะเป็นอัตราใดที่เหมาะสม

ทั้งนี้เงินรายได้จากการปรับขึ้นดังกล่าวจะนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อจ่ายคืนปตท.ต่อไปโดยยอมรับว่าขณะนี้หากจะต้องปรับขึ้นตามราคาที่แท้จริงจะต้องปรับขึ้นสูงถึง 25-30 บาทต่อกก.แต่รัฐคงไม่สามารถขึ้นได้ทันที อย่างไรก็ตามพลังงานได้มีข้อตกลงกับกลุ่มแท็กซี่ที่จะดูแลแอลพีจีให้เป็นกรณีพิเศษจนกว่าเอ็นจีวีจะมีความพร้อมในช่วงสิ้นปีซึ่งมาตรการดูแลได้กำหนดให้แท็กซี่รับก๊าซจากอู่ที่กำหนด ส่วนมาตรการป้องกันการถ่ายเทแอลพีจีภาคครัวเรือนไปยังภาคขนส่ง

“เดิมการปรับขึ้นมองกันที่ 5-10 บาทต่อกก.แต่เมื่อยังมีการดูแลกลุ่มแท็กซี่จึงเห็นว่าควรจะขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อกก. และต้องขึ้นให้เร็วเพื่อรสกัดการใช้ในรถยนต์ที่ขยายตัวอย่างหนัก ทำให้ปตท.อาจต้องนำเข้าแอลพีจีปีนี้ถึง 4.5 แสนตันด้วยการจ่ายเงินล่วงหน้าไปก่อนส่วนนี้อย่างน้อย 6,000 ล้านบาท ทำให้ปตท.เองเริ่มจะรับภาระไม่ได้และอาจไม่นำเข้าซึ่งเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนได้”แหล่งข่าวกล่าว

หนุนรีดเงินดีเซลคืนกองทุนฯ

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีที่ราคาดีเซลขายปลีกในประเทศได้ปรับลดลงอย่างมากจากผลพวงราคาตลาดโลกและการลดภาษีสรรพสามิตทำให้ดีเซลเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 44 บาทต่อลิตร แต่ขณะนี้ 37 บาทต่อลิตร ภาครัฐน่าจะใช้โอกาสในช่วงน้ำมันขาลง เก็บเงินคืนกองทุนน้ำมันฯ 30-50 สตางค์ต่อลิตรเพื่อลดภาระกองทุนฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

ราคาน้ำมันโลกดิ่งใกล้ 120 ดอลล์

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอยู่ในอาการขาลงโดยถอยมาอยู่ใกล้ๆ ระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว สืบเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น และข้อเท็จจริงที่ว่าราคาที่แพงลิ่วทำให้คนอเมริกัน ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก พากันใช้ลดน้อยลงมาก

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ปิดวันอังคาร(29) หล่นลงมา 2.54 ดอลลาร์ อยู่ที่ 122.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีช่วงหนึ่งของการซื้อขายได้ไหลรูดลงมาที่ 120.42 ดอลลาร์ อันเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอน ปิดวันเดียวกัน โดยตกลง 3.13 ดอลลาร์ อยู่ที่ 122.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ต่อมาเมื่อวานนี้(30) แม้บางช่วงราคาจะเผยอขึ้นไปได้บ้าง แต่ถึงเวลา 12.43 จีเอ็มที (ตรงกับ 19.42 น.เวลาเมืองไทย) ไลต์สวีตครูดก็ถอยมาอีก 52 เซ็นต์ อยู่ที่ 121.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ก็ลบ 40 เซ็นต์ อยู่ที่ 122.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

วิกเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์แห่งบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานระหว่างประเทศ เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์ ในสิงคโปร์ ชี้ว่า การที่ดอลลาร์สหรัฐฯมีค่าแข็งขึ้น และความวิตกเรื่องความต้องการใช้น้ำมันในอเมริกากำลังลดต่ำลง คือเหตุผลเบื้องหลังราคาน้ำมันหล่นฮวบเช่นนี้

กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯมีกำหนดแถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังเก็บทั่วอเมริกาประจำสัปดาห์ล่าสุดเมื่อคืนนี้ โดยเป็นที่คาดหมายกันว่า น่าจะยังยืนยันให้เห็นถึงแนวโน้มลดการใช้น้ำมันลงของผู้บริโภคในสหรัฐฯ

จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์แห่งบริษัทโบรกเกอร์ด้านตลาดอนุพันธ์ฟิวเจอร์ส เอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวเสริมว่า ในที่สุดพลังของตลาดก็กำลังทำงานอย่างที่ควรจะต้องทำ กล่าวคือเมื่อราคาที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ย่อมจะกลายเป็นตัวเบรกทำให้ความต้องการใช้ลดต่ำลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ชุมแห่ง เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์ ชี้ด้วยว่า เวลานี้ตลาดน้ำมันกำลังตกอยู่ในภาวะ "ตลาดหมี" อย่างชัดเจน ดังเห็นได้จากการที่บริษัทรอยัล ดัตช์ เชลล์ แถลงในวันอังคารว่า ต้องระงับการส่งน้ำมันดิบจำนวนหนึ่งจากแหล่งน้ำมันที่ไนจีเรีย เพราะพวกหัวรุนแรงก่อวินาศกรรมท่อส่ง แต่ปรากฏว่าข่าวนี้แทบไม่มีผลกระทบต่อราคาเอาเลย

อย่างไรก็ดี เขาบอกด้วยว่า ยังคงมีแรงซื้อเข้ามามาก เมื่อราคาทำท่าจะหลุดจากระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กำลังโหลดความคิดเห็น