xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตแน่แอลพีจีแยก 2 ราคาป่วน จี้รัฐเร่งแก้ปัญหา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปิยสวัสดิ์”จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาแอลพีจีด่วน ก่อนปัญหาจะลุกลาม ยันแยกราคาแอลพีจีครัวเรือนกับขนส่ง-อุตสาหกรรม จะยิ่งทำให้ปัญหาหนักขึ้น ควรปรับขึ้นราคาเดียว เหตุอดีตเคยทำแล้วมีการถ่ายเทแอลพีจีครัวเรือนไปใช้ แถมปลอมบัญชีเบิกเงินรับการอุดหนุนอีกคุมยาก แถมให้ทำใจ! อีก 2-3 ปีค่าไฟจ่อระเบิดลูกใหม่ เหตุราคาก๊าซแนวโน้มพุ่งตามน้ำมันเตาย้อนหลัง 6 เดือน-1ปีตามสูตรราคาส่อดันค่าไฟพุ่งกระฉูด ด้านราคาน้ำมันโลกหล่นฮวบ 5เหรียญแล้วดีดขึ้น 2 เหรียญ

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2551 ครั้งที่ 31 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วานนี้(9 ก.ค.) ว่า การแก้ไขปัญหาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีนั้น รัฐบาลไม่ควรแยกราคาออกเป็น 2 ราคาด้วยการขยับราคาเฉพาะภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เพราะจะควบคุมยากเนื่องจากในอดีตรัฐบาลเคยดำนินการเช่นนี้มาแล้ว และทำให้มีการนำแอลพีจีครัวเรือนมาใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมมากขึ้นอีก เนื่องจากการขยับราคาเฉพาะภาคขนส่ง-อุตสาหกรรมจะยิ่งสร้างแรงจูงใจเพราะมีส่วนต่างราคาอย่างมาก

“ที่ผ่านมา เคยทำแล้วและราคาต่างกันเพียง 2 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ทำให้มีการถ่ายเทแอลพีจีครัวเรือนมาใช้ในรถยนต์และอุตสาหกรรมได้ และหากดูราคาที่ควรปรับอาจจะอยู่สูงถึง 5-10 บาทต่อกก.ยิ่งสร้างแรงจูงใจการถ่ายเทมากขึ้นอีก นอกจากนี้ ยังลำบากที่จะไปดูแลในแง่ของผู้ค้าที่นำแอลพีจีครัวเรือนไปใช้ทางอื่นแต่ทำบัญชีปลอมเพื่อเบิกเงินการอุดหนุนจากภาครัฐทั้งหมดจะยุ่งยากมากอีกดังนั้นการปรับขึ้นราคาก็ไม่ควรจะแยกการขึ้นควรเป็นราคาเดียวดังนั้นในเมื่อรมว.พลังงานถ้าคิดว่าจะไม่ทำอะไรแล้วไม่ปรับก็ได้แต่ถ้าคิดว่าจะทำประโยชน์เพื่อชาติในเมื่อเป็นรมต.แล้วก็ควรจะปรับ”นายปิยสวัสดิ์กล่าว

ทั้งนี้ หากพิจารณาการใช้แอลพีจีที่เพิ่มขึ้นถึงปีละ 12% หากพิจารณาการใช้ครัวเรือนไม่ได้เพิ่มมากระดับดังกล่าว แต่น่าจะนำไปใช้ผิดประเภท โดยเฉพาะกิจการภาคอุตสาหกรรมที่มีการปรับการใช้น้ำมันเตาหันมาใช้แอลพีจีแทน เพราะต้นทุนต่ำกว่าการปรับราคาด้วยการทยอยจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง เนื่องจากราคาตามสูตรเดิมที่กำหนดทะยอยไว้ จะอิงตลาดโลกท้ายที่สุดเพียง 40% เนื่องจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติใช้ก๊าซในอ่าวไทยที่ผลิตเอง แต่ที่จะเป็นปัญหาคือโรงกลั่นที่ผลิตน้ำมันเตาจากการนำเข้าน้ำมันมา โดยราคาปัจจุบันกำหนดไว้เพียง 330 เหรียญต่อตันแต่นำเข้าสูงกว่า 900 เหรียญต่อตันทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องแบกรับภาระเฉลี่ย 16 บาทต่อกก.ซึ่งส่วนนี้เท่ากับผู้ใช้น้ำมันเป็นผู้อุ้ม

ปัญหาแอลพีจีน่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดที่รัฐบาลชุดนี้ต้องตัดสินใจในปัจจุบัน แต่อีก 2-3 ปีข้างหน้าเรื่องด่วนและเป็นระเบิดลูกใหม่ที่ต้องเตรียมตัวไว้คือ แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตามน้ำมันเตาตามสูตรราคาก๊าซแต่ละสัญญาที่อิงตามน้ำมันโลกย้อนหลัง 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งจะเป็นช่วงราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างมากทำให้ราคาก๊าซฯมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นจะมีผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ( เอฟที )ค่อนข้างมาก ประกอบกับสัญญาก๊าซใหม่มีราคาสูงกว่าแหล่งเดิมและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี)ก็ยังไม่ชัดเจนทั้งด้านราคาและปริมาณ นอกจากนี้แหล่งก๊าซบางแหล่งจะมีการทยอยหมดสัญญาที่ต้องเจรจาใหม่

พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังร่วมงานโครงการประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2551 วานนี้(9ก.ค.) ว่า การพิจารณาปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี(ก๊าซหุงต้ม)ที่จะมีการแยกเป็น 2 ราคาระหว่างภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง-อุตสาหกรรมจะมีความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)เร็วๆ นี้ โดยยอมรับว่าราคามีทิศทางที่อาจต้องปรับขึ้นเพราะราคาตลาดโลกสูงอย่างมากแต่ต้องรอความชัดเจนจาก กบง.

ยอดใช้น้ำมันลดวูบ

สำหรับปริมาณการใช้น้ำมัน 6 เดือนแรกของปี 2551 (ม.ค.-มิ.ย.) ขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลดต่ำลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนจากวันละ 20.2 ล้านลิตร มาอยู่ที่ 19.2 ล้านลิตร ลดลง4.7% น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปรับลดลง จากปกติวันละ 52.8 ล้านลิตร มาอยู่ที่ 51.5 ล้านลิตร ลดลง 2.5% นอกจากนี้หากดูเฉพาะในเดือนมิถุนายน 2551 เดือนเดียวปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากเหลือเพียงวันละ 45.2 ล้านลิตร ขณะที่น้ำมันเบนซินเหลือเพียงวันละ 17.8 ล้านลิตรเท่านั้นซึ่งเกิดจากราคาที่สูงทำให้ประชาชนประหยัดและหันมาใช้พลังงานทดแทน

พบน้ำมันคุณภาพต่ำกว่าที่กำหนด 57 ราย

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า จากภาวะที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ผู้ค้าน้ำมันเกิดแรงจูงใจลักลอบนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศมาจำหน่าย หรือมีการนำสารโซลเวนท์และน้ำมันชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาปลอมปนในน้ำมันเพื่อลดต้นทุน ทำให้น้ำมันไม่ได้มาตรฐาน โดยกรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปั๊มทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 ถึง เดือนมิถุนายน 2551 รวมทั้งสิ้น 4,268 ราย มีตัวอย่าง 7,742 ตรวจพบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามประกาศกรมธุรกิจพลังงานกำหนด จำนวน 57 ราย 59 ตัวอย่าง คิดเป็น 1.34 %และ 0.76 % ของสถานีบริการและตัวอย่างน้ำมันที่ตรวจสอบ ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตรวจพบเป็นปั๊มอิสระ

ส.ค.นำเข้าแอลพีจีเพิ่ม 4 หมื่นตัน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในเดือนก.ค.นี้ปตท.มีการนำเข้าแอลพีจีสูงถึง 8 หมื่นตัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งในภาคครัวเรือน อุตสาหกรรมและขนส่งจากเดิมที่คาดว่าจะนำเข้าเพียง 4 หมื่นตัน โดยได้ทยอยป้อนแอลพีจีออกจากคลังถึงวันละ 4 พันตัน/วัน ทำให้ก๊าซฯคงคลังไม่ได้สูงขึ้น

“ในเดือนหน้า ปตท.จะนำเข้าแอลพีจีประมาณ 4 หมื่นตัน จากเดิมที่เคยตั้งเป้าว่าจะนำเข้าเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นตันเท่านั้น การนำเข้าแอลพีจีที่ราคาตะวันออกกลางตันละ 923 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่มาขายในราคาตันละ 330 เหรียญสหรัฐนั้น ทำให้รัฐต้องใช้เงินภาษีของประชาชนมาอุดหนุน หากไม่มีการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีเป็น 2 ราคา ซึ่งมองว่าหากราคาขายแอลพีจีในราคาตลาดโลกให้กลุ่มขนส่งและอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ลิตรละ 20 กว่าบาท ซึ่งก็ยังต่ำกว่าราคาเบนซินอยู่ 50%แทนที่ขายอยู่ลิตรละ11บาทโดยการปรับขึ้นราคาแอลพีจีครั้งนี้ปตท.ไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด“

ทั้งนี้ ใน 2 ปีข้างหน้า รัฐต้องชดเชยจากการนำเข้าแอลพีจีจะสูงถึง 1-2 หมื่นล้านบาท หากปีหน้านำเข้าแอลพีจีสูงถึง 1 ล้านตัน ขณะที่แต่ละปีปตท.ช่วยอุดหนุนทั้งแอลพีจี เอ็นจีวี และตรึงราคาน้ำมันขายปลีก คิดเป็นวงเงิน 4- 5 หมื่นล้านบาท/ปี

ราคาน้ำมันโลกลด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อวานนี้(9) ได้กระเตื้องขึ้นไป 2 ดอลลาร์ อยู่แถวๆ 138 ดอลลาร์บาร์เรล หลังจากที่ได้หล่นฮวบลงมาวันละ 5 ดอลลาร์ในวันอังคาร(8)

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ซื้อขายกันเมื่อเวลา 12.50 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 19.50 น.เวลาเมืองไทย) วานนี้ เพิ่มสูงขึ้นจากราคาปิดวันอังคาร 1.81 ดอลลาร์ อยู่ที่ 137.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยก่อนหน้านั้นได้พุ่งขึ้นไปจนถึง 138.28 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน ซื้อขายกันในเวลาเดียวกันนี้ สูงขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 2.11 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 138.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เมื่อวันอังคารนั้น ไลต์สวีตครูดไหลรูดลงมาปิดที่ 136.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำลงจากราคาปิดวันจันทร์ถึง 5.33 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนต์ก็อยู่ที่ 136.43 ดอลลาร์ ลดลงมา 5.44 ดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ ไลต์สวีตครูดก็ปิดติดลบไป 3.92 ดอลลาร์ โดยในระหว่างวันได้หล่นลงมากกว่า 5 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ ก่อนจะกระเตื้องกลับขึ้นมาได้บ้าง ส่วนเบรนต์ลดลงมา 2.55 ดอลลาร์

หากเทียบกับวันพฤหัสบดี(3) อันเป็นวันสุดท้ายที่ตลาดในสหรัฐฯเปิดทำการในสัปดาห์ที่แล้ว และไลต์สวีตครูดในวันนี้ขึ้นทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 145.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาปิดในวันอังคารก็เท่ากับถอยลงมาเกือบๆ 10 ดอลลาร์ทีเดียว

การที่ราคาน้ำมันถอยลงมาในช่วงต้นสัปดาห์นี้ เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ให้เหตุผลเรื่องค่าเงินดอลลาร์ขยับแข็งขึ้น สถาน-การณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับฝ่ายตะวันตกทำท่าจะไม่ถึงขั้นรุนแรงมาก ตลอดจนพายุที่สหรัฐฯก็ไม่มีทิศทางจะสร้างความเสียหายดังที่เคยวิตกกัน

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันโลกได้ดีดกลับขึ้นอีกวานนี้ ภายหลังอิหร่านทดสอบยิงขีปนาวุธ 9 ลูก โดยที่มีรุ่นใหม่ซึ่งเตหะรานเคยคุยไว้ว่า สามารถยิงถึงฐานทัพของอิสราเอลและสหรัฐฯในภูมิภาคแถบนี้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น