รอยเตอร์ – อิหร่านทดสอบขีปนาวุธ 9 ลูกในวันพุธ (9) พร้อมเตือนสหรัฐฯและอิสราเอลว่าจะตอบโต้ทันทีหากถูกโจมตีด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์ที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ ส่งผลให้ตลาดเงินสั่นไหว และราคาน้ำมันที่เพิ่งปรับตัวลดลงก็ดีดตัวกลับขึ้นมาใหม่
การคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านมีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากที่กองทัพอากาศของอิสราเอลจัดการฝึกซ้อมรบเมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้เครื่องบินถึง 100 ลำ ขณะที่สหรัฐฯก็ย้ำว่าไม่ปฏิเสธที่จะใช้ ปฏิบัติการทางทหาร หากวิธีการทูตล้มเหลวไม่อาจกดดันให้เตหะรานยุติโครงการนิวเคลียร์ได้
“เราขอเตือนพวกศัตรูที่จงใจคุกคามเราด้วยการแสดงกำลังทางการทหารและปฏิบัติการทางจิตวิทยาอันไร้สาระว่า เราพร้อมจะลั่นไกปืนอยู่ตลอดเวลาและพร้อมเสมอที่จะยิงขีปนาวุธทันที” ฮุสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการเหล่าทหารอากาศ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน กล่าวผ่านสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ
อิหร่านนั้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก และยืนกรานมาตลอดว่าการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ของตนมีเป้าหมายเพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น แต่ในวันพุธ (9) สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านได้เผยแพร่ภาพขีปนาวุธถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าจากฐานปล่อยขีปนาวุธกลางทะเลทรายและทิ้งร่องรอยกลุ่มควันไว้เป็นทางยาว
นอกจากนั้นยังรายงานด้วยว่าขีปนาวุธชนิด “ก้าวหน้าสูง” ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ มีขีปนาวุธ “ชาฮับ 3” รุ่นใหม่ ซึ่งมีพิสัยยิงสู่เป้าหมายได้ไกลถึง 2,000 กิโลเมตรรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ อิหร่านเคยบอกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ฐานทัพของอิสราเอลตลอดจนของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ต่างก็อยู่ในพิสัยของขีปนาวุธของฝ่ายตน
กอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกทำเนียบขาวบอก “อิหร่านควรระงับการทดสอบขีปนาวุธหากต้องการได้รับความไว้วางใจจากประชาคมโลกอย่างแท้จริง และอิหร่านควรหยุดพัฒนาจรวดขีปนาวุธ ซึ่งสามารถใช้เป็นยานส่งอาวุธนิวเคลียร์สู่เป้าหมายในทันที”
ฐานทัพสหรัฐฯ บางแห่งในบริเวณอ่าวเปอร์เซียนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งของอิหร่านราว 200 กิโลเมตร เพียงแต่ว่านักวิเคราะห์ยังสงสัยว่าขีปนาวุธอิหร่านจะยิงสู่เป้าหมายได้แม่นยำหรือไม่ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีกองทหารประจำการในประเทศอาหรับอีกหลายแห่ง รวมทั้งในกาตาร์และบาห์เรน และมีกองเรือตรวจการณ์อยู่ในบริเวณอ่าวเปอร์เซียด้วย
ทว่า ก่อนหน้านี้อิหร่านเคยบอกว่ากำลังทหารของสหรัฐฯ นั้นอ่อนแอลง เพราะต้องเข้าไปปฏิบัติการในอิรักและอัฟกานิสถาน
ด้านอิสราเอลซึ่งเชื่อกันว่าเป็นประเทศในตะวันออกกลางเพียงประเทศเดียวที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้ให้คำมั่นว่าจะสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านมีอาวุธร้ายแรงชนิดนี้
“อิสราเอลไม่ได้คุกคามอิหร่าน แต่โครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งโครงการจรวดขีปนาวุธแบบรุกของอิหร่านเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” มาร์ค เรเกฟ โฆษกของนายกรัฐมนตรีเอห์มุด โอลเมิร์ตแห่งอิสราเอลกล่าวหลังการทดสอบขีปนาวุธของอิหร่าน
นอกจากการทดสอบยิงขีปนาวุธแล้ว ก่อนหน้านี้อิหร่านยังขู่ว่า หากตนเองถูกสหรัฐฯหรืออิสราเอลโจมตี มาตรการหนึ่งที่จะนำมาตอบโต้คือ การปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะเป็นการปิดกั้นเส้นทางการเดินเรือที่ใช้ขนส่งน้ำมันราว 40 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลก ขณะที่ สหรัฐฯประกาศว่าจะไม่ยอมให้อิหร่านปิดเส้นทางเดินเรือใดๆ ทั้งสิ้น
สงครามน้ำลายเช่นนี้กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่ความไม่เข้าใจหรือการปะทะกันเล็กๆน้อยๆ จะลุกลามบานปลายได้
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าเทคโนโลยีด้านการทหารของอิหร่านมักจะเป็นการปรับปรุงจากต้นแบบของจีนและเกาหลีเหนือ ซึ่งแม้สมรรถนะไม่อาจเทียบได้กับสหรัฐฯ กระนั้น อิหร่านก็มีความสามารถที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลในภูมิภาคแถบนี้ได้ ถ้าหากถูกกดดันหนัก
การคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านมีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากที่กองทัพอากาศของอิสราเอลจัดการฝึกซ้อมรบเมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้เครื่องบินถึง 100 ลำ ขณะที่สหรัฐฯก็ย้ำว่าไม่ปฏิเสธที่จะใช้ ปฏิบัติการทางทหาร หากวิธีการทูตล้มเหลวไม่อาจกดดันให้เตหะรานยุติโครงการนิวเคลียร์ได้
“เราขอเตือนพวกศัตรูที่จงใจคุกคามเราด้วยการแสดงกำลังทางการทหารและปฏิบัติการทางจิตวิทยาอันไร้สาระว่า เราพร้อมจะลั่นไกปืนอยู่ตลอดเวลาและพร้อมเสมอที่จะยิงขีปนาวุธทันที” ฮุสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการเหล่าทหารอากาศ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน กล่าวผ่านสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ
อิหร่านนั้นเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก และยืนกรานมาตลอดว่าการพัฒนาด้านนิวเคลียร์ของตนมีเป้าหมายเพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น แต่ในวันพุธ (9) สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านได้เผยแพร่ภาพขีปนาวุธถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าจากฐานปล่อยขีปนาวุธกลางทะเลทรายและทิ้งร่องรอยกลุ่มควันไว้เป็นทางยาว
นอกจากนั้นยังรายงานด้วยว่าขีปนาวุธชนิด “ก้าวหน้าสูง” ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ มีขีปนาวุธ “ชาฮับ 3” รุ่นใหม่ ซึ่งมีพิสัยยิงสู่เป้าหมายได้ไกลถึง 2,000 กิโลเมตรรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ อิหร่านเคยบอกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า ฐานทัพของอิสราเอลตลอดจนของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ต่างก็อยู่ในพิสัยของขีปนาวุธของฝ่ายตน
กอร์ดอน จอห์นโดร โฆษกทำเนียบขาวบอก “อิหร่านควรระงับการทดสอบขีปนาวุธหากต้องการได้รับความไว้วางใจจากประชาคมโลกอย่างแท้จริง และอิหร่านควรหยุดพัฒนาจรวดขีปนาวุธ ซึ่งสามารถใช้เป็นยานส่งอาวุธนิวเคลียร์สู่เป้าหมายในทันที”
ฐานทัพสหรัฐฯ บางแห่งในบริเวณอ่าวเปอร์เซียนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งของอิหร่านราว 200 กิโลเมตร เพียงแต่ว่านักวิเคราะห์ยังสงสัยว่าขีปนาวุธอิหร่านจะยิงสู่เป้าหมายได้แม่นยำหรือไม่ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีกองทหารประจำการในประเทศอาหรับอีกหลายแห่ง รวมทั้งในกาตาร์และบาห์เรน และมีกองเรือตรวจการณ์อยู่ในบริเวณอ่าวเปอร์เซียด้วย
ทว่า ก่อนหน้านี้อิหร่านเคยบอกว่ากำลังทหารของสหรัฐฯ นั้นอ่อนแอลง เพราะต้องเข้าไปปฏิบัติการในอิรักและอัฟกานิสถาน
ด้านอิสราเอลซึ่งเชื่อกันว่าเป็นประเทศในตะวันออกกลางเพียงประเทศเดียวที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้ให้คำมั่นว่าจะสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านมีอาวุธร้ายแรงชนิดนี้
“อิสราเอลไม่ได้คุกคามอิหร่าน แต่โครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งโครงการจรวดขีปนาวุธแบบรุกของอิหร่านเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” มาร์ค เรเกฟ โฆษกของนายกรัฐมนตรีเอห์มุด โอลเมิร์ตแห่งอิสราเอลกล่าวหลังการทดสอบขีปนาวุธของอิหร่าน
นอกจากการทดสอบยิงขีปนาวุธแล้ว ก่อนหน้านี้อิหร่านยังขู่ว่า หากตนเองถูกสหรัฐฯหรืออิสราเอลโจมตี มาตรการหนึ่งที่จะนำมาตอบโต้คือ การปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะเป็นการปิดกั้นเส้นทางการเดินเรือที่ใช้ขนส่งน้ำมันราว 40 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลก ขณะที่ สหรัฐฯประกาศว่าจะไม่ยอมให้อิหร่านปิดเส้นทางเดินเรือใดๆ ทั้งสิ้น
สงครามน้ำลายเช่นนี้กำลังเพิ่มความเสี่ยงที่ความไม่เข้าใจหรือการปะทะกันเล็กๆน้อยๆ จะลุกลามบานปลายได้
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่าเทคโนโลยีด้านการทหารของอิหร่านมักจะเป็นการปรับปรุงจากต้นแบบของจีนและเกาหลีเหนือ ซึ่งแม้สมรรถนะไม่อาจเทียบได้กับสหรัฐฯ กระนั้น อิหร่านก็มีความสามารถที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลในภูมิภาคแถบนี้ได้ ถ้าหากถูกกดดันหนัก