ผู้จัดการรายวัน - รัฐระดมเจ้าหน้าที่ 1.7 พันคนลุยตรวจสต็อกน้ำมันในคลัง 100 แห่งและปั๊ม 1.5 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เที่ยงคืน 24 ก.ค.นี้ ปั๊มน้ำมันต้องหยุดขายเพื่อรอปรับราคาขายปลีกน้ำมันลดลง หลังรัฐลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันมีผล 25 ก.ค. งานนี้ต้องใช้เงิน 500-600 ล้านบาท จ่ายผู้ค้าเพื่อป้องกันผู้ค้าไม่นำน้ำมันออกมาขาย เผยราคาแก๊สโซฮอล์ลด 3.88 บาทต่อลิตร ดีเซล 2.712 บาทต่อลิตร และ บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตร ขณะที่หมดเวลาโปรโมชั่น 6 เดือนพร้อมตรวจเช็คสต็อกวันที่ 31 ม.ค.52 เพื่อเรียกเงินคืนกลับ
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยหลังการหารือกับผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 โรงกลั่นน้ำมัน กรมการค้าภายใน กรมสรรพสามิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ วานนี้ (21 ก.ค.) เพื่อดำเนินการเตรียมพร้อมการตรวจเช็คคลังน้ำมัน 100 แห่งและปั๊มน้ำมัน 1.5 หมื่นแห่งทั่วประเทศในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 24 ก.ค. เพื่อรองรับการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลที่จะมีผลในวันที่ 25 ก.ค.เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดประมาณ 1,700 คน
“การลดภาษีสรรพสามิตทำให้ราคาขายปลีกจะลดลงตาม ทำให้ผู้ค้าอาจไม่ยอมนำน้ำมันออกมาขายในราคาที่ลดเพราะจะทำให้ขาดทุนซึ่งจะมีผลให้น้ำมันขาดแคลนได้ ดังนั้นรัฐจึงกำหนดแผนการเช็คสต็อกน้ำมันจากผู้ค้าทั้งหมดแล้วนำเงินมาชดเชยตามปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่คาดว่าน่าจะใช้เงินประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่บริหารโดยสถาบันบริหารกองทุนพลังงานองค์การมหาชน หรือ สบพน.” นายเมตตากล่าว
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันจะต้องหยุดจำหน่ายน้ำมันในเวลา 24.00 น. วันที่ 24 ก.ค. จนถึงช่วงไม่เกินตี 5 เพื่อให้ตรวจเช็กน้ำมันคงเหลือ หลังจากนั้น สามารถจำหน่ายได้ตามปกติในราคาใหม่ หลังลดภาษีแล้วทันที โดยในส่วนเงินที่จะชดเชยส่วนต่างราคาเก่าและใหม่ จะเป็นไปตามประกาศราคาขายปลีกของ สนพ. คือ แก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ทั้ง 95, 91 อี 20 และอี 85 จะลดลง 3.88 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 2 ลดลง 2.712 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซล บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตร ซึ่งการเช็กสตอกครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังประเทศไทยได้ลอยตัวราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2534
อย่างไรก็ตาม หลังหมดช่วงการลดภาษีสรรพสามิตแล้วจะต้องเก็บภาษีฯ เท่าเดิมซึ่งรัฐบาลช่วยเหลือเพียง 6 เดือนก็คือสิ้นสุดในช่วง 24.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม ต่อเนื่องถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 จะมีการตรวจสต็อกอีกครั้ง และจะมีการจ่ายเงินในส่วนน้ำมันที่เหลือค้างสต็อก คืนสู่กองทุนน้ำมันฯ ซึ่งเท่ากับกองทุนน้ำมันจะไม่สูญเสียเงิน เป็นเพียงการจ่ายเฉพาะส่วนที่ค้างสต็อกเท่านั้น
“ปั๊มน้ำมันที่อยู่ในข่ายจะขอเงินคืนได้นั้นต้องเป็นปั๊มมาตรฐานที่ต้องมีตู้จ่ายน้ำมัน อย่างกรณีปั๊มหลอดคงไม่อยู่ในข่ายนี้ ซึ่ง ผู้ค้าน้ำมันสามารถสอบถามรายละเอียดในแนวทางปฏิบัติและการจ่ายเงินชดเชยราคาจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตได้จาก สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง โทร 02-511-5961-5 ต่อ 1802,1807-8,1820 และ 182” นายเมตตากล่าว
นายศิวนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการ สบพน. กล่าวว่า กองทุนฯ ยังมีเงินสดสำรองประมาณ 3,000 ล้านบาทจึงไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวและไม่ได้คิดดอกเบี้ยแต่อย่างใด และจะมีการจ่ายเงินให้กับผู้ค้าน้ำมันหลังจากที่ ธพ.แจ้งผลการตรวจเช็คมาแล้วภายในไม่เกิน 90 วันซึ่งคาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ก็จะดำเนินการจ่ายได้ทันทีเพื่อไม่ให้เอกชนรับภาระมาก
ยังไม่ได้รับหนังสือจากไซรัส
นายเมตตา ยังได้กล่าวถึงกรณีแนวคิดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีที่ต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซล กำมะถันต่ำจากรัสเซีย ผ่านบริษัทไซรัส ปิโตรเลียม จำกัด ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากบริษัทที่จะขอดำเนินการนำเขาน้ำมันดีเซลตามที่ข่าวเสนอแต่อย่างใดคงจะต้องรอหนังสือก่อนไม่ต้องการระบุหรือคาดเดาอะไรล่วงหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทไซรัสปัจจุบันยังไม่ได้มีการยื่นจดทะเบียนเป็นผู้ค้ามาตรา 7
“ถ้าเป็นผู้ค้ามาตรา 7 ก็นำเข้าได้หรือไม่ก็นำเข้าผ่านบริษัทอื่นซึ่งผมเองคงตอบอะไรไม่ได้ตอนนี้จนกว่าจะมีหนังสือขอนำเข้ามาจริงก่อน” นายเมตตากล่าว
นำเข้าแอลพีจีจ่อเพิ่มเป็นแสนตัน
นายเมตตา กล่าวถึงการนำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีว่า การนำเข้าที่แจ้งกรมศุลกากรนั้นจะเป็นการนำเข้าโปรเพน และบิวเทน ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกผสมกันเป็นแอลพีจีขายเพราะการผสมอาจจะมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่ง ปตท.ก็นำเข้าก๊าซดังกล่าวแล้วมาผสมเป็นแอลพีจีจำหน่าย ซึ่งขณะนี้นำเข้าแล้ว 6 หมื่นตันและมีการสั่งนำเข้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจอีก 3 หมื่นตัน ที่จะทยอยนำเข้ามาและลอยเรือไว้กลางทะเล เพราะคลังจะเก็บไว้ให้เต็มก่อนและ ปตท.ยังมองเลยไปว่าการนำเข้ารวมอาจจะสูงเป็นระดับแสนตัน เพื่อความมั่นใจว่าจะเพียงพอกับความต้องการจริง
“กรณีการส่งออกนั้นยอมรับว่าเป็นการส่งมอบให้กับ 3 ประเทศเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาวและพม่าที่ขอร้องผ่านรัฐบาลมาให้ไทยนำเข้าเพราะปริมาณรวมกันเพียง 1,500 ตันต่อเดือนไทยจะมีศักยภาพและสะดวกในแง่ขนส่งกว่าซึ่งการขายก็จะไม่มีการอุดหนุนราคาเหมือนไทย ส่วนการขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมคงไม่สามารถระบุล่วงหน้าให้เกิดการกักตุนได้แม้ว่าการปรับขึ้นจะมีการนำเงินส่งคืนกองทุนน้ำมันฯ ทั้งหมดก็ตาม” นายเมตตา กล่าว
เบนซินลด 1 บ.-ดีเซล 80 สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท.ได้แจ้งนำปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงโดยกลุ่มเบนซิน 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 80 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (22 ก.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 35.79 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.49 บาทต่อลิตร และดีเซลเป็น 42.24 บาทต่อลิตร หลังจาก ปตท.ปรับลดทำให้ผู้ค้ารายอื่นๆ ปรับตามโดยเฉพาะบางจาก
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยหลังการหารือกับผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 โรงกลั่นน้ำมัน กรมการค้าภายใน กรมสรรพสามิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ วานนี้ (21 ก.ค.) เพื่อดำเนินการเตรียมพร้อมการตรวจเช็คคลังน้ำมัน 100 แห่งและปั๊มน้ำมัน 1.5 หมื่นแห่งทั่วประเทศในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 24 ก.ค. เพื่อรองรับการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับลดภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลที่จะมีผลในวันที่ 25 ก.ค.เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดประมาณ 1,700 คน
“การลดภาษีสรรพสามิตทำให้ราคาขายปลีกจะลดลงตาม ทำให้ผู้ค้าอาจไม่ยอมนำน้ำมันออกมาขายในราคาที่ลดเพราะจะทำให้ขาดทุนซึ่งจะมีผลให้น้ำมันขาดแคลนได้ ดังนั้นรัฐจึงกำหนดแผนการเช็คสต็อกน้ำมันจากผู้ค้าทั้งหมดแล้วนำเงินมาชดเชยตามปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่คาดว่าน่าจะใช้เงินประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่บริหารโดยสถาบันบริหารกองทุนพลังงานองค์การมหาชน หรือ สบพน.” นายเมตตากล่าว
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันจะต้องหยุดจำหน่ายน้ำมันในเวลา 24.00 น. วันที่ 24 ก.ค. จนถึงช่วงไม่เกินตี 5 เพื่อให้ตรวจเช็กน้ำมันคงเหลือ หลังจากนั้น สามารถจำหน่ายได้ตามปกติในราคาใหม่ หลังลดภาษีแล้วทันที โดยในส่วนเงินที่จะชดเชยส่วนต่างราคาเก่าและใหม่ จะเป็นไปตามประกาศราคาขายปลีกของ สนพ. คือ แก๊สโซฮอล์ทุกประเภท ทั้ง 95, 91 อี 20 และอี 85 จะลดลง 3.88 บาทต่อลิตร ไบโอดีเซล บี 2 ลดลง 2.712 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซล บี 5 ลดลง 2.47 บาทต่อลิตร ซึ่งการเช็กสตอกครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังประเทศไทยได้ลอยตัวราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2534
อย่างไรก็ตาม หลังหมดช่วงการลดภาษีสรรพสามิตแล้วจะต้องเก็บภาษีฯ เท่าเดิมซึ่งรัฐบาลช่วยเหลือเพียง 6 เดือนก็คือสิ้นสุดในช่วง 24.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม ต่อเนื่องถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 จะมีการตรวจสต็อกอีกครั้ง และจะมีการจ่ายเงินในส่วนน้ำมันที่เหลือค้างสต็อก คืนสู่กองทุนน้ำมันฯ ซึ่งเท่ากับกองทุนน้ำมันจะไม่สูญเสียเงิน เป็นเพียงการจ่ายเฉพาะส่วนที่ค้างสต็อกเท่านั้น
“ปั๊มน้ำมันที่อยู่ในข่ายจะขอเงินคืนได้นั้นต้องเป็นปั๊มมาตรฐานที่ต้องมีตู้จ่ายน้ำมัน อย่างกรณีปั๊มหลอดคงไม่อยู่ในข่ายนี้ ซึ่ง ผู้ค้าน้ำมันสามารถสอบถามรายละเอียดในแนวทางปฏิบัติและการจ่ายเงินชดเชยราคาจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตได้จาก สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง โทร 02-511-5961-5 ต่อ 1802,1807-8,1820 และ 182” นายเมตตากล่าว
นายศิวนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการ สบพน. กล่าวว่า กองทุนฯ ยังมีเงินสดสำรองประมาณ 3,000 ล้านบาทจึงไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวและไม่ได้คิดดอกเบี้ยแต่อย่างใด และจะมีการจ่ายเงินให้กับผู้ค้าน้ำมันหลังจากที่ ธพ.แจ้งผลการตรวจเช็คมาแล้วภายในไม่เกิน 90 วันซึ่งคาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ก็จะดำเนินการจ่ายได้ทันทีเพื่อไม่ให้เอกชนรับภาระมาก
ยังไม่ได้รับหนังสือจากไซรัส
นายเมตตา ยังได้กล่าวถึงกรณีแนวคิดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีที่ต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซล กำมะถันต่ำจากรัสเซีย ผ่านบริษัทไซรัส ปิโตรเลียม จำกัด ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากบริษัทที่จะขอดำเนินการนำเขาน้ำมันดีเซลตามที่ข่าวเสนอแต่อย่างใดคงจะต้องรอหนังสือก่อนไม่ต้องการระบุหรือคาดเดาอะไรล่วงหน้า อย่างไรก็ตามบริษัทไซรัสปัจจุบันยังไม่ได้มีการยื่นจดทะเบียนเป็นผู้ค้ามาตรา 7
“ถ้าเป็นผู้ค้ามาตรา 7 ก็นำเข้าได้หรือไม่ก็นำเข้าผ่านบริษัทอื่นซึ่งผมเองคงตอบอะไรไม่ได้ตอนนี้จนกว่าจะมีหนังสือขอนำเข้ามาจริงก่อน” นายเมตตากล่าว
นำเข้าแอลพีจีจ่อเพิ่มเป็นแสนตัน
นายเมตตา กล่าวถึงการนำเข้าก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีว่า การนำเข้าที่แจ้งกรมศุลกากรนั้นจะเป็นการนำเข้าโปรเพน และบิวเทน ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกผสมกันเป็นแอลพีจีขายเพราะการผสมอาจจะมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่ง ปตท.ก็นำเข้าก๊าซดังกล่าวแล้วมาผสมเป็นแอลพีจีจำหน่าย ซึ่งขณะนี้นำเข้าแล้ว 6 หมื่นตันและมีการสั่งนำเข้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจอีก 3 หมื่นตัน ที่จะทยอยนำเข้ามาและลอยเรือไว้กลางทะเล เพราะคลังจะเก็บไว้ให้เต็มก่อนและ ปตท.ยังมองเลยไปว่าการนำเข้ารวมอาจจะสูงเป็นระดับแสนตัน เพื่อความมั่นใจว่าจะเพียงพอกับความต้องการจริง
“กรณีการส่งออกนั้นยอมรับว่าเป็นการส่งมอบให้กับ 3 ประเทศเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา ลาวและพม่าที่ขอร้องผ่านรัฐบาลมาให้ไทยนำเข้าเพราะปริมาณรวมกันเพียง 1,500 ตันต่อเดือนไทยจะมีศักยภาพและสะดวกในแง่ขนส่งกว่าซึ่งการขายก็จะไม่มีการอุดหนุนราคาเหมือนไทย ส่วนการขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมคงไม่สามารถระบุล่วงหน้าให้เกิดการกักตุนได้แม้ว่าการปรับขึ้นจะมีการนำเงินส่งคืนกองทุนน้ำมันฯ ทั้งหมดก็ตาม” นายเมตตา กล่าว
เบนซินลด 1 บ.-ดีเซล 80 สต.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท.ได้แจ้งนำปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงโดยกลุ่มเบนซิน 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 80 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (22 ก.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 35.79 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.49 บาทต่อลิตร และดีเซลเป็น 42.24 บาทต่อลิตร หลังจาก ปตท.ปรับลดทำให้ผู้ค้ารายอื่นๆ ปรับตามโดยเฉพาะบางจาก