เอกชนคลางแคลงใจหนักขึ้นทุกวันกรณีนำเข้าดีเซลจากรัสเซีย ทั้งคุณภาพกำมะถันยังระบุไม่ชัดเจนกำหนดกว้างไว้ถึง 0.02-0.5% เช็คราคาสิงคโปร์ขนาด 0.5% ราคายังต่ำกว่าไทยแค่ 6 บาทต่อลิตรไม่รวมภาษี ขนส่ง รวมแล้วต่ำแค่ 3 บาทต่อลิตรเท่านั้น โรงกลั่นเกาะติดใกล้ชิดขู่นำเข้าจริงทิ้งแผนลงทุนกลั่นน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 แน่ ธพ.ระบุหากนำเข้าจริงต้องเติมมาร์คเกอร์แยกสีป้องกันปลอมปน ส่วนราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอีก5ดอลลาร์ก่อนกระเตื้องขึ้น
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำจากรัสเซียผ่านบริษัทไซรัส โดยระบุดีเซลที่จะมีกำมถันระหว่าง 0.02-0.5% ว่า จากการเช็คราคาไปยังตลาดสิงคโปร์พบว่า หากระดับสูงสุด 0.5 % จะมีราคาต่ำกว่าดีเซลปกติเพียง 6 บาทต่อลิตรเท่านั้นซึ่งยังไม่รวมกับค่าภาษีและค่าขนส่งดังนั้นเมื่อรวมแล้วจะมีราคาต่ำกว่า 3-4 บาทต่อลิตรซึ่งก็จะเท่ากับน้ำมันเขียวที่ไทยขายอยู่เป็นกรณีพิเศษให้กับเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยลดผลกระทบน้ำมันแพงเท่านั้น
"ดูแล้วกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าน้ำมันนำเข้าจากรัสเซียจะต่ำกว่า 8 บาทต่อลิตรยังไม่เห็นว่าจะเป็นไปได้และการระบุเรื่องคุณภาพที่มีช่วงห่างกันมากก็ยังไม่มั่นใจว่าคุณภาพจะออกมาเป็นอย่างไรแน่ซึ่งการนำเข้ามานั้นหากคุณภาพต่ำก็จะต้องผ่อนผันผ่านกรมธุรกิจพลังงาน" นายมนูญ กล่าว
อย่างไรก็ตามหากมีการนำเข้าจริงระดับ 360 ล้านลิตรต่อเดือนถือเป็นปริมาณสูงและจะกระทบกับกิจการโรงกลั่นในประเทศและในที่สุดการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้น้ำมันเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ที่จะมีกำมะถันต่ำสุดซึ่งรัฐมีแผนบังคับ 1 ม.ค. 2555 และโรงกลั่นเริ่มทยอยลงทุนอาจมีการชะลอไปจนกว่าจะมีความชัดเจนในจุดนี้
"ส่วนของบางจากลงทุนแล้วเพื่อต้องการปรับน้ำมันเตาเป็นน้ำมันใสเป็นหลักจึงไม่มีผลมากนักเพราะถึงอย่างไรก็จะต้องลงทุนอยู่ดีต่อยอดเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา แต่ไทยออยล์นั้นลงทุนค่อนข้างมากซึ่งก็คงจะต้องติดตามว่าในที่สุดรัฐบาลจะเดินไปในทิศทางใด"นายมนูญ กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการน้ำมัน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันกำลังติดตามการนำเข้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะผู้ค้ามาตรา 7 ที่มีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศที่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มอุปกรณ์กำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพื่อลดปริมาณกำมะถันให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ซึ่งรัฐบาลมีแผนบังคับ 1 ม.ค. 2555 ซึ่งโรงกลั่นบางจากและไทยออยล์นำร่องลงทุนแล้วแต่ที่เหลืออาจชะลอแผนการลงทุนที่เดิมจะทยอยลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอความชัดเจนจุดนี้
"ในเมื่อรัฐส่งเสริมให้ผลิตน้ำมันยูโร 4 ที่เป็นมาตรฐานสูงแต่จะมีการผ่อนผันนำดีเซลกำมะถันต่ำมาใช้ให้กับไซรัสถือเป็นเรื่องดับเบิ้ลแสตนดาร์ด เพราะการลงทุนให้เป็นมาตรฐานยูโร 4 นั้นเป็นการลงทุนที่โรงกลั่นรวมกันแล้วหลายหมื่นล้านบาท"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับมาตรฐานยูโร-4 คือ มาตรการควบคุมน้ำมันที่ประกอบด้วย เบนชินและแก๊สโซฮอล์ กำหนดสารโอเลฟินไม่สูงกว่า 18% ลดสารตะกั่วจากไม่สูงกว่า 0.013 กรัมต่อลิตร เป็นไม่สูงกว่า 0.005 กรัมต่อลิตร ลดกำมะถันจากไม่สูงกว่า 500 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน ฯลฯ น้ำมันดีเซล ลดปริมาณกำมะถันจากไม่สูงกว่า 350 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน และเพิ่มค่าซีเทนและดัชนีซีเทนจากไม่ต่ำกว่า 47 หน่วย เป็นไม่ต่ำกว่า 50 หน่วย เป็นต้น
เผยรัฐเลือกปฏิบัติมีอะไรแอบแฝง
ทั้งนี้โรงกลั่นเองเคยเสนอที่จะให้นำน้ำมันดิบคุณภาพต่ำมากลั่นเพื่อช่วยเหลือกรณีวิกฤติราคาน้ำมันแพงแต่ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกรมควบคุมมลพิษกลับปฏิเสธมาโดยตลอดแต่กรณีการนำเข้าดังกล่าวที่ถือเป็นจำนวนค่อนข้างมากหากมีการผ่อนผันให้ก็เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งคงต้องติดตามว่าท้ายสุดนำเข้ามาอย่างไรและผ่านบริษัทใดในรัสเซียซึ่งภาคเอกชนเองต่างเคลือบแคลงว่ารัฐบาลมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือแอบแฝง
แหล่งข่าว กล่าวว่า การดำเนินงานของรัฐครั้งนี้เท่ากับเป็นการส่งเสริม 3 เรื่องหลัก คือ 1. ให้น้ำมันมี 2 มาตรฐานหากควบคุมไม่ได้ก็จะเกิดการนำไปผสมขายตามปั๊มน้ำมันซึ่งจะเป็นปัญหาคุณภาพอากาศตามมาได้ทั้งที่ขณะนี้ต่างจังหวัดเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องมลพิษ 2. ทำลายระบบธุรกิจการค้าน้ำมันเพราะการนำเข้าน้ำมันดังกล่าวที่ระบุผ่านสหกรณ์ก็จะไปกระทบกับการค้าน้ำมันเดิมที่มีอยู่ทำให้ท้ายสุดบริษัทน้ำมันของประเทศต้องลดการกลั่นลงและอาจขาดทุนมากขึ้น 3. สร้างมลภาวะให้กับประเทศเพิ่ม
ธพ.ชี้อาจเติมสารมาร์คเกอร์
แหล่งข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า หากเป็นนโยบายของภาครัฐจริงในการนำเข้าเป็นกรณีพิเศษธพ.ก็จะต้องยื่นเรื่องมายังธพ.ในการนำเข้าโดยขอผ่อนผันในเรื่องมาตรฐาน อย่างไรก็ตามระเบียบการนำเข้าก็จะต้องมีคลังน้ำมันรองรับและตามกฏหมายที่มีอยู่ และหากต้องนำมาจำหน่ายจริงจะต้องมีการแยกเกรดน้ำมันให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหานำไปปลอมปนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ซึ่งการป้องกันจุดนี้ก็เติมสารมาร์คเกอร์ไปเหมือนกรณีน้ำมันม่วง น้ำมันเขียว ที่มีการแยกสีให้ต่างไปจากน้ำมันปกติ
"ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า บ.ไซรัสได้ทำหนังสือแจ้งไปที่กระทรวงพลังงานถึงจุดประสงค์ที่ต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซียแต่ไม่ได้ระบุความชัดเจนถึงระดับราคาและคุณภาพน้ำมันแต่อย่างใดซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน" แหล่งข่าว กล่าว
น้ำมันโลกร่วงลงอีก5ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ยังคงตกลงมาอย่างแรงกว่า 5 ดอลลาร์ จนรวม 3 วันได้ถอยลงมา 15 ดอลลาร์หรือราว 10% อย่างไรก็ตาม ราคาได้ตีกลับกระเตื้องขึ้นบ้างในช่วงเช้าของตลาดแถบยุโรปวานนี้ (18)
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ปิดวันพฤหัสบดีโดยถอยลงมา 5.31 ดอลลาร์ อยู่ที่ 129.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ของลอนดอน ติดลบ 5.12 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 131.07 ดอลลาร์
แต่เมื่อถึงช่วงการซื้อขายภาคเช้าของตลาดลอนดอนวานนี้ ไลต์สวีตครูดได้ดีดกลับขึ้นไปสูงสุด 2.75 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 132.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะถอยลงมาอีก จนเมื่อ 11.45 น.เวลาจีเอ็มที (ตรงกับ 18.45 น.เมืองไทย) ราคาอยู่แถวๆ 131.08 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ในชั่วเวลาเดียวกัน ไต่สูงขึ้น 1.81 ดอลลาร์ อยู่ที่ 132.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สาเหตุของการลดฮวบในวันพฤหัสบดี ยังคงเป็นเรื่องที่น้ำมันแพงกำลังทำให้อุปสงค์ในสหรัฐฯลดฮวบ บวกกับการที่สหรัฐฯส่งผู้แทนไปร่วมกับมหาอำนาจอื่นๆ เจรจากับฝ่ายอิหร่านสุดสัปดาห์นี้
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำจากรัสเซียผ่านบริษัทไซรัส โดยระบุดีเซลที่จะมีกำมถันระหว่าง 0.02-0.5% ว่า จากการเช็คราคาไปยังตลาดสิงคโปร์พบว่า หากระดับสูงสุด 0.5 % จะมีราคาต่ำกว่าดีเซลปกติเพียง 6 บาทต่อลิตรเท่านั้นซึ่งยังไม่รวมกับค่าภาษีและค่าขนส่งดังนั้นเมื่อรวมแล้วจะมีราคาต่ำกว่า 3-4 บาทต่อลิตรซึ่งก็จะเท่ากับน้ำมันเขียวที่ไทยขายอยู่เป็นกรณีพิเศษให้กับเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยลดผลกระทบน้ำมันแพงเท่านั้น
"ดูแล้วกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าน้ำมันนำเข้าจากรัสเซียจะต่ำกว่า 8 บาทต่อลิตรยังไม่เห็นว่าจะเป็นไปได้และการระบุเรื่องคุณภาพที่มีช่วงห่างกันมากก็ยังไม่มั่นใจว่าคุณภาพจะออกมาเป็นอย่างไรแน่ซึ่งการนำเข้ามานั้นหากคุณภาพต่ำก็จะต้องผ่อนผันผ่านกรมธุรกิจพลังงาน" นายมนูญ กล่าว
อย่างไรก็ตามหากมีการนำเข้าจริงระดับ 360 ล้านลิตรต่อเดือนถือเป็นปริมาณสูงและจะกระทบกับกิจการโรงกลั่นในประเทศและในที่สุดการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เพื่อให้น้ำมันเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ที่จะมีกำมะถันต่ำสุดซึ่งรัฐมีแผนบังคับ 1 ม.ค. 2555 และโรงกลั่นเริ่มทยอยลงทุนอาจมีการชะลอไปจนกว่าจะมีความชัดเจนในจุดนี้
"ส่วนของบางจากลงทุนแล้วเพื่อต้องการปรับน้ำมันเตาเป็นน้ำมันใสเป็นหลักจึงไม่มีผลมากนักเพราะถึงอย่างไรก็จะต้องลงทุนอยู่ดีต่อยอดเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา แต่ไทยออยล์นั้นลงทุนค่อนข้างมากซึ่งก็คงจะต้องติดตามว่าในที่สุดรัฐบาลจะเดินไปในทิศทางใด"นายมนูญ กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการน้ำมัน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันกำลังติดตามการนำเข้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะผู้ค้ามาตรา 7 ที่มีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศที่จะต้องมีการลงทุนเพิ่มอุปกรณ์กำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพื่อลดปริมาณกำมะถันให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 ซึ่งรัฐบาลมีแผนบังคับ 1 ม.ค. 2555 ซึ่งโรงกลั่นบางจากและไทยออยล์นำร่องลงทุนแล้วแต่ที่เหลืออาจชะลอแผนการลงทุนที่เดิมจะทยอยลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอความชัดเจนจุดนี้
"ในเมื่อรัฐส่งเสริมให้ผลิตน้ำมันยูโร 4 ที่เป็นมาตรฐานสูงแต่จะมีการผ่อนผันนำดีเซลกำมะถันต่ำมาใช้ให้กับไซรัสถือเป็นเรื่องดับเบิ้ลแสตนดาร์ด เพราะการลงทุนให้เป็นมาตรฐานยูโร 4 นั้นเป็นการลงทุนที่โรงกลั่นรวมกันแล้วหลายหมื่นล้านบาท"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับมาตรฐานยูโร-4 คือ มาตรการควบคุมน้ำมันที่ประกอบด้วย เบนชินและแก๊สโซฮอล์ กำหนดสารโอเลฟินไม่สูงกว่า 18% ลดสารตะกั่วจากไม่สูงกว่า 0.013 กรัมต่อลิตร เป็นไม่สูงกว่า 0.005 กรัมต่อลิตร ลดกำมะถันจากไม่สูงกว่า 500 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน ฯลฯ น้ำมันดีเซล ลดปริมาณกำมะถันจากไม่สูงกว่า 350 ส่วนในล้านส่วน เป็นไม่สูงกว่า 50 ส่วนในล้านส่วน และเพิ่มค่าซีเทนและดัชนีซีเทนจากไม่ต่ำกว่า 47 หน่วย เป็นไม่ต่ำกว่า 50 หน่วย เป็นต้น
เผยรัฐเลือกปฏิบัติมีอะไรแอบแฝง
ทั้งนี้โรงกลั่นเองเคยเสนอที่จะให้นำน้ำมันดิบคุณภาพต่ำมากลั่นเพื่อช่วยเหลือกรณีวิกฤติราคาน้ำมันแพงแต่ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกรมควบคุมมลพิษกลับปฏิเสธมาโดยตลอดแต่กรณีการนำเข้าดังกล่าวที่ถือเป็นจำนวนค่อนข้างมากหากมีการผ่อนผันให้ก็เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งคงต้องติดตามว่าท้ายสุดนำเข้ามาอย่างไรและผ่านบริษัทใดในรัสเซียซึ่งภาคเอกชนเองต่างเคลือบแคลงว่ารัฐบาลมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือแอบแฝง
แหล่งข่าว กล่าวว่า การดำเนินงานของรัฐครั้งนี้เท่ากับเป็นการส่งเสริม 3 เรื่องหลัก คือ 1. ให้น้ำมันมี 2 มาตรฐานหากควบคุมไม่ได้ก็จะเกิดการนำไปผสมขายตามปั๊มน้ำมันซึ่งจะเป็นปัญหาคุณภาพอากาศตามมาได้ทั้งที่ขณะนี้ต่างจังหวัดเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องมลพิษ 2. ทำลายระบบธุรกิจการค้าน้ำมันเพราะการนำเข้าน้ำมันดังกล่าวที่ระบุผ่านสหกรณ์ก็จะไปกระทบกับการค้าน้ำมันเดิมที่มีอยู่ทำให้ท้ายสุดบริษัทน้ำมันของประเทศต้องลดการกลั่นลงและอาจขาดทุนมากขึ้น 3. สร้างมลภาวะให้กับประเทศเพิ่ม
ธพ.ชี้อาจเติมสารมาร์คเกอร์
แหล่งข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า หากเป็นนโยบายของภาครัฐจริงในการนำเข้าเป็นกรณีพิเศษธพ.ก็จะต้องยื่นเรื่องมายังธพ.ในการนำเข้าโดยขอผ่อนผันในเรื่องมาตรฐาน อย่างไรก็ตามระเบียบการนำเข้าก็จะต้องมีคลังน้ำมันรองรับและตามกฏหมายที่มีอยู่ และหากต้องนำมาจำหน่ายจริงจะต้องมีการแยกเกรดน้ำมันให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหานำไปปลอมปนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ซึ่งการป้องกันจุดนี้ก็เติมสารมาร์คเกอร์ไปเหมือนกรณีน้ำมันม่วง น้ำมันเขียว ที่มีการแยกสีให้ต่างไปจากน้ำมันปกติ
"ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า บ.ไซรัสได้ทำหนังสือแจ้งไปที่กระทรวงพลังงานถึงจุดประสงค์ที่ต้องการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซียแต่ไม่ได้ระบุความชัดเจนถึงระดับราคาและคุณภาพน้ำมันแต่อย่างใดซึ่งทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน" แหล่งข่าว กล่าว
น้ำมันโลกร่วงลงอีก5ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ยังคงตกลงมาอย่างแรงกว่า 5 ดอลลาร์ จนรวม 3 วันได้ถอยลงมา 15 ดอลลาร์หรือราว 10% อย่างไรก็ตาม ราคาได้ตีกลับกระเตื้องขึ้นบ้างในช่วงเช้าของตลาดแถบยุโรปวานนี้ (18)
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ปิดวันพฤหัสบดีโดยถอยลงมา 5.31 ดอลลาร์ อยู่ที่ 129.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ของลอนดอน ติดลบ 5.12 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 131.07 ดอลลาร์
แต่เมื่อถึงช่วงการซื้อขายภาคเช้าของตลาดลอนดอนวานนี้ ไลต์สวีตครูดได้ดีดกลับขึ้นไปสูงสุด 2.75 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 132.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะถอยลงมาอีก จนเมื่อ 11.45 น.เวลาจีเอ็มที (ตรงกับ 18.45 น.เมืองไทย) ราคาอยู่แถวๆ 131.08 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ในชั่วเวลาเดียวกัน ไต่สูงขึ้น 1.81 ดอลลาร์ อยู่ที่ 132.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สาเหตุของการลดฮวบในวันพฤหัสบดี ยังคงเป็นเรื่องที่น้ำมันแพงกำลังทำให้อุปสงค์ในสหรัฐฯลดฮวบ บวกกับการที่สหรัฐฯส่งผู้แทนไปร่วมกับมหาอำนาจอื่นๆ เจรจากับฝ่ายอิหร่านสุดสัปดาห์นี้